สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
พลังแห่งสมาธิ

หากท่านผู้อ่านวิเคราะห์พลังจิตจากข้อเขียนที่ผ่านมา จะมีคำถามเกิดขึ้นอย่างน้อย 2 ประการ คือหนึ่ง พลังแห่งจิตเมื่ออยู่ในสมาธิจะเห็นนิมิตได้อย่างไร อีกคำถามหนึ่งก็คือ จิตจะทำงานได้เองจริงหรือ ถ้าตัวเองไม่ได้คิด ฉันทำสมาธิมาก็มากไม่เคยเห็นนิมิตอะไรเลย หยุดตรงนี้แล้วย้อนกลับไป ถึงตอนนำจิตเข้าสู่ภาวะนิ่งและว่างบนพื้นฐานแห่งจิตบริสุทธิ์ เพราะสมองส่วนหน้าทำงานอันละเอียดอ่อน คนที่ไม่เคยคิดมีคำถามอะไรเลย บอกตัวเองว่า อย่าหาเรื่องคิดมากไปกว่านี้ดีกว่า ยุ่งยากปวดหัวเปล่าๆ แค่ทำสมาธิทุกเช้าก็พอ ไม่สนใจที่จะตั้งคำถามอะไรต่อไปอีกก็จบแค่นั้น แต่ถ้าปุถุชนคนธรรมดา สนใจที่จะทำอะไรก็ต้องหาเหตุผลว่า ทำเพื่ออะไร ได้ผลดีแค่ไหน อย่างไร การคิดตั้งคำถามและได้คำตอบจะเป็นทางให้สมองเข้าอยู่ในครรลองของไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหนทางให้เข้าใจพลังแห่งสมาธิ หลายประการ

ประสาทสมองที่ก่อให้เกิดปัญญา รับรู้โดยความเข้าใจของจิต เห็นโดยไม่ต้องใช้สายตา ได้ยินสิ่งที่ผู้อื่นไม่ได้ยิน เนื่องมาจากการทำงานของประสาท ศีรษะ 12 คู่ (Cranial Nerve) ทำงานเชื่อมโยงสัมพันธ์ติดต่อกัน ทั้งความคิด การเห็น การพูด การฟัง การสั่งการ การเคลื่อนไหวอวัยวะศีรษะและกล้ามเนื้อส่วนอื่นของร่างกาย การเต้นของหัวใจ การหมุนเวียนโลหิตไปสู่ที่ต่างๆ ของร่างกาย การประสานงานของลมหายใจกับอวัยวะอื่นๆ การทำงานระหว่างปอดกับหัวใจ การทรงตัว การสัมพันธ์ระหว่างประสาทสมองไปยังปลายประสาท เรารับรู้การสัมผัสที่ปลายประสาท บอกสมองว่าเราคลายความเจ็บปวดที่กล้ามเนื้อที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เราไม่ได้สั่งสมองให้คิด แต่ความสัมพันธ์ของประสาทศีรษะมีอยู่ เราจึงสามารถเห็นภาพที่เกิดขึ้นในภาวะที่ไม่ต้องคิดได้ เพราะใจกับจิตยังติดต่อถึงกัน เมื่อวิญญาณออกจากร่างกายแล้ว ยังสามารถแสดงความสัมพันธ์ของจิต ติดต่อกับบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ เราจะไม่เรียกว่าผีในกรณีนี้ แต่เราจะเรียกว่า พลังแห่งความสัมพันธ์ของจิตกับวิญญาณ คำว่า วิญญาณ ความจริงก็คือการติดต่อสัมพันธ์ของเซลล์ต่างๆ เราเรียกพลังแห่งจิตว่า เป็นการทำงานของสมองส่วนหน้าที่ละเอียดล้ำลึกในขณะสมาธิเพราะจิตว่าง ปราศจากการบงการของความคิด ปราศจากการตั้งใจควบคุม เหตุนี้พระสงฆ์ในระหว่างสมาธิ จึงสามารถนำบุคคลอื่นๆ ที่กำลังสมาธิด้วยกัน ให้ได้เห็นบุคคลที่ตายไปแล้วพร้อมกัน เป็นภาพที่ปรากฎเหมือนกัน คือได้เห็นญาติผู้ล่วงลับกำลังยิ้มให้ หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง เมื่อผู้เขียนสามารถรับดวงแก้วผ่านทางสมาธิ ที่พระสงฆ์ผู้มีฌานสูงส่งมาให้ ย่อมยืนยันว่า นิมิตเป็นภาพที่เห็นและเป็นไปได้ โดยปราศจากการบงการของจิต แต่เป็นการทำงานของสมองส่วนหน้าที่ละเอียด ตามหลักวิทยาศาสตร์ของประสาทสมอง ความสัมพันธ์ของพลังแห่งจิต สามารถสื่อถึงกันได้ระหว่างบุคคล ไม่จำกัดเฉพาะตนเองคนเดียว เมื่อผู้เขียนเริ่มแรกเรียนสมาธิ ประสาทสมองแน่วแน่อยู่กับเสียงพระสวดมนต์จากเมืองไทยมายังห้องกรรมฐานที่อเมริกา เวลาท้องถิ่นประมาณยามสี่ ซึ่งเป็นเวลาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงมาโปรดมนุษย์บนโลก ผู้เขียนสามารถเห็นการยุรยาตรของพระองค์ท่าน จากเบื้องบนขวาลงมาสู่ด้านล่างซ้าย พระหัตถ์เคลื่อนอย่างกำลังทรงพระดำเนิน ชายพระภูษาถูกสายลมพัดโบก นิมิตเป็นภาพที่เกิดขึ้นเองในพลังสมาธิ สอดคล้องกับความเป็นจริงตามการศึกษาพระกรณียกิจของพระองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่ายามหนึ่งเสด็จโปรดนรกภูมิ ยามสองเสด็จโปรดเทวดา ยามสามเสด็จพรหมโลก ยามสี่เสด็จโปรดมนุษยโลก

พลังแห่งสมาธิ ตามคำศัพท์แห่งการเข้าฌานระดับต่างๆ ตั้งแต่ฌานหนึ่งก่อให้เกิดความปิติสงบสุขไร้อารมณ์ ฌานสองเริ่มปลอดความคิดต่างๆ ฌานสามเริ่มมีความเป็นหนึ่งแห่งจิต ฌานสี่เป็นความว่างเปล่าแห่งจิต ฌานที่ผ่านตามลำดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จะก่อให้เกิดวิปัสสนาญาน 16 ระดับ ซึ่งผู้บำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานเป็นประจำรู้จักกันดี ญานนี้เอง จะเป็นทางนำไปสู่อภิญญา 5 ประการ ได้แก่ 1.อิทธิฤทธิ์ทางกาย เช่นการเหาะเหินเดินอากาศ หรือการที่นักไต่ลวดสามารถเดินข้ามน้ำตกไนแองการาได้สำเร็จ หรือหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เป็นต้น 2.ความสามารถในการบงการความคิดของผู้อื่น ฝรั่งเรียกว่าเมสเมอริสซึ่ม เพราะมิสเตอร์เมสเมอร์สามารถ ใช้พลังจิตของเขาบังคับใหสิงห์โตตัวผู้ ให้กระโจนทำร้ายสิงห์โตตัวเมียได้ ซึ่งผิดปกติวิสัยของสัตว์ เราะจะเห็นตัวอย่างจากการเล่นผีถ้วยแก้ว หรือการสะกดจิต ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิปัสสนาแก่กล้าสามารถนำมาใช้ในการดำชีวิตประจำวันได้ ผู้เขียนจัดว่าเป็นพลังแห่งสมาธิ เช่นในภาวะที่ต้องการบังคับจิตผู้อื่นให้ขับรถเลยที่ว่างให้เราสามารถเข้าจอดได้ แทนที่จะลงไปวางมวยแย่งที่จอดรถกัน อภิญญาประการที่ 3. ชื่อว่าทิพยโสด สำคัญทีเดียวในยามคับขัน คือการได้ยินเสียงที่ผู้อื่นไม่ได้พูดหรือไม่สามารถได้ยินเหมือนเราได้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผู้เขียนไปเดินเล่นที่ชายหาดกับน้องหมาแล้วหลงทางจำบังกาโลที่พักไม่ได้ว่าหลังไหน เพราะเหมือนกันหมดริมหาดสวนสนที่หัวหิน ก็ได้ยินเสียงหลาน เรียกอยู่ไกลๆ ข้างหน้า ก็เลยช่วยให้เดินต่อไปจนจำทางและบ้านพักได้ ทั้งที่ความจริงไม่มีใครเรียกเลย นี่คือประโยชน์ของพลังสมาธิเรียกว่า ทิพยโสด อีกตัวอย่างหนึ่ง เมื่อแฟนของหลานขึ้นไปบนยอดเจดีย์สูงที่ พระราชวังโบราณอยุธยาแล้วลงไม่ได้ เพราะขาขึ้นมองขึ้นสูงอย่างเดียวไม่มีความกลัว ขาลงมองลงมาเห็นพื้นลิบๆ เกิดความกลัวมาก ไม่สามารถไต่บันไดลงมาได้ ยืนขาสั่นหน้าซีดอยู่เป็นนาน ถึงจะเป็นผู้ชายแกร่งก็เถอะ จนกระทั่งได้ยินเสียงแฟนซึ่งเป็นหลานของผู้เขียนบอกว่า ให้หันหลังลงมาสิ เสียงนั้นเป็นเสียงที่หลานไม่ได้พูด แต่ได้ยินเองจากทิพยโสด เพราะเขาทำสมาธิทุกเช้าเป็นประจำ ผู้เขียนเรียกว่า เป็นพลังแห่งสมาธิ ที่ก่อให้เกิดอภิญญาประการที่สาม เรียกว่าทิพยโสด อภิญญาประการที่สี่จากพลังแห่งสมาธิ เรียกว่า บุพเพนิวาสนนุสติญาน ดังเช่นที่เด็กหลายคนสามารถระลึกชาติได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กไทยหรือชาติใดๆ ในชั้นเรียนของผู้เขียนที่เริ่มต้นด้วยการสอนสมาธิเพื่อสะสมเป็นพลังในการบำบัดด้วยเร็คคี้และจักระ ปรากฎว่า ลูกศิษย์มาจากหลายเชื้อชาติ ล้วนแต่เคยฝึกสมาธิหรือสนใจในการบำเพ็ญสมาธิทั้งสิ้น ผู้เขียนวินิจฉัยได้ว่า เขาให้ความสนใจวิชานี้เพราะเคยฝึกสมาธิมาก่อนไม่ว่าในชาตินี้หรือชาติปางก่อน เขายอมรับฟังข้อคิดนี้ว่ามีมูล ท่านผู้อ่านลองวินิจฉัยตัวเองดูว่า มีพื้นฐานด้านสมาธิมาก่อนหรือไม่ และมีลางสังหรณ์สูงหรือเปล่า เพราะเป็นการปรากฎของพลังแห่งสมาธิ ไม่ว่าชาตินี้หรือเคยทำสมาธิมาแล้วในชาติก่อน เช่นที่เขาพูดว่าเนื้อคู่ น่าจะเคยพบกันมาในชาติก่อนนั่นเอง อภิญญาประการที่ 5 ได้แก่การมีทิพยจักขุ คือสามารถมองการณ์ภายหน้าได้ หรือมีอะไรมาแสดงให้รู้ในฝัน หรือมีอะไรมาดลใจ หรือมีอะไรมาบอกเหตุล่วงหน้า เช่นนกร้องข้ามหลังคาบ้าน แล้วมีคนตาย หรือฝันที่เป็นลางบอกเหตุ หรือเห็นรถชนกันก่อนที่จะเกิดเหตุจริง

พลังแห่งสมาธิ เกิดจากจิตที่เราไม่ได้บงการ แต่สามารถเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน แล้วเราๆ ท่านๆ จะมองข้ามเรื่องสำคัญที่ไม่ต้องซื้อหานี้ได้หรือ เพราะ ถึงคราวคับขัน เราต้องการมีพลังพิเศษนี้ด้วยกันทุกคน อย่าลืมกรรมบท 10 ประการเพื่อทำจิตให้บริสุทธิ์เพื่อการปฏิบัติสมาธิให้เกิดพลัง

พลังแห่งสมาธิสามารถนำไปใช้กับการสร้างปิรามิดด้วยกระดาษสีขาว แล้วเพ่งสมาธิไปที่แต่ละด้าน ได้แก่ พลังแห่งความรัก พลังแห่งทรัพย์ พลังแห่งการรักษาโรค พลังแห่งการมุ่งร้าย ผู้เขียนจะอธิบายในคราวต่อไป แต่คราวนี้ เพียงแต่ต้องการแสดงว่า พลังแห่งสมาธิสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้หลายอย่าง เพียงแต่ทำสมาธิก็สามารถช่วยให้ความจำดีขึ้น เซลล์สมองได้รับโลหิตดีขึ้น หายจากอาการหลงลืมหรือโรคดีเมนเซีย หรือความจำเสื่อม บางชนิดก็แก้หายได้ ควรเริ่มต้นจากสมาธิไปก่อน บางชนิดแก้ไม่ได้ ขอให้ฝึกการใช้พลังจิตจากสมองส่วนหน้า ซึ่งทำงานได้เอง

การเริ่มสมาธิทำได้ง่ายๆ สามประการ คือ 1.ตามเสียง หรือ 2. เพ่งภาพ 3. ทำจิตเป็นหนึ่ง แล้วทำจิตว่าง ไม่คิดอะไร ให้สมองส่วนหน้าทำหน้าที่ไปตามกำลังแห่งสมอง