คนที่เคยกระฉับกระเฉงแล้วอยู่ๆเดินเหินไม่ค่อยไหว เข่าจะทรุด กล้ามเนื้อขาไม่มีแรงพยุงตัว เหมือนกระดูกจะหลุดออก จะไปโทษว่าแก่ไม่ได้ ลองพิจารณาสิ่งรอบตัว กิน อยู่ หลับ นอน เพื่อช่วยพยุงร่างกายอีกครั้งเป็นเบื้องต้น ให้ไปป้อนเซลล์เพื่อสร้างระบบกระดูก ระบบกล้ามเนื้อที่จะไปทำงานเพื่อการเคลื่อนไหว

ก่อนอื่น ลองพิจารณาแคลเซี่ยม สำหรับป้อนระบบประสาท กล้ามเนื้อ กระดูก ฟัน และลดมะเร็ง ลำไส้ใหญ่ แหล่งอาหารได้จากนม ผักเขียว ปลากระดูกอ่อน เช่น ซาร์ดีน แซลม่อน

เด็กอายุ 1-10 ควรบริโภค 800-1,200 ม.ก.

อายุ 11-24 1,200-1,500

ผู้ชาย 25-65 1,000

ผู้หญิง 25-50 และ 51-65 บริโภคเอสโตรเจน 1,000 ม.ก.

ผู้หญิง 51-65 ไม่บริโภคเอสโตรเจน 1,500 ม.ก.

ผู้ชาย และผู้หญิง อายุเกิน 65 1,500 ม.ก.

โปตัสเซี่ยม ช่วยระบบประสาท การทำงานยึดหดตัวของกล้ามเนื้อ รวมทั้งกล้ามเนื้อหัวใจ และรักษาความดันโลหิตให้เป็นปกติ แหล่งอาหารคือ พืช ผัก ผลไม้ เนื้อ

ฟอสฟอรัส เป็นตัวสร้าง ดี.เอ็น.เอ. ทำงานเสมือนหัวใจของเซลล์ เป็นพลังแห่งระบบประสาท ได้จากโปรตีน เนื้อสัตว์ ข้าวพองซีเรียล

แมกนีเซี่ยม สำหรับสร้างพลังงาน สร้างกล้ามเนื้อ ป้องกันฟันผุ แหล่งอาหารคือถั่วเปลือกแข็ง ถั่วเปลือกเขียว ถั่วในฝัก ข้าวไม่ขัดขาว ข้าวกล้อง ข้าวบราวน์ไรซ์ ถ้าขาดแมกนีเซี่ยม จะมีแก๊สในระบบย่อยอาหาร ไตทำงานไม่สมบูรณ์ อ่อนแรง ประสาทสับสน บุคลิกเปลี่ยนแปลง กล้ามเนื้อสั่นระริก ขาดการประสานงานในระบบร่างกาย

ไอโอไดน์ สำหรับสร้างฮอร์โมนให้ต่อมไทรอยด์ ชื่อไทรอกซีน Thyroxine ได้จาก เกลือ

ธาตุเหล็ก สำหรับสร้างเม็ดโลหิตแดง ทำหน้าที่นำออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ และเป็นพลังงานให้กล้ามเนื้อ กับสร้างคอลลาเจนให้ผิว ได้จากเนื้อสัตว์ และพืช มีมากในเนื้อวัว ผลไม้แห้ง ฟักทอง เมล็ดทานตะวัน และถั่ว ผักสีเขียวเข้ม น้ำลูกพรุน ข้าวไม่ขัดสี

ธาตุเซเลเนียม เป็นตัวทำลายอนุมูลอิสระ ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง ได้จากอาหารทะเล ตับ ไต ข้าวซีเรียล ข้าวไม่ขัดขาว

โซเดียม ช่วยรักษาระดับน้ำในร่างกาย ควบคุมจังหวะการเต้นของกล้ามเนื้อหัวใจ ได้จากเกลือทะเล ผัก และน้ำขวดบางชนิด

แร่สังกะสี ช่วยการแบ่งแยกเซลล์ สร้างเนื้อเยื่อ และควรบรรลุจุดเติบโตทางเพศ ได้จากอาหารประเภทเนื้อสัตว์ หอยนางรม นม ไข่แดง เนื้อเยื่อข้าว ฟักทอง เมล็ดฟักทอง ถ้าขาดแร่ธาตุสังกะสี เด็กชายจะมีต่อมเพศเล็ก โดยทั่วไปจะแสดงออกทางจุดขาวบนเล็บ

มังสวิรัติ หรือคนที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ โดยมากจะมีโรคหัวใจ 60% ของคนทั่วไป หรือของคนที่บริโภคเนื้อสัตว์ และมีอัตราเสียชีวิตสูงที่สุด ถ้าท่านรู้สึกพลังร่างกายตกต่ำไม่เพียงพอ ท่านอาจเลือกเป็นมังสวิรัติวิธีหนึ่งจากรายการต่อไปนี้

1.เคร่งครัดมังสวิรัติ กินแต่ไข่ นม ไม่กินเนื้อสัตว์

2.Ovo vegetarian กินผัก และไข่

3.Lacto vegetarian กินผัก และนม ไม่กิน ไข่

4.Ovo-Lacto vegetarian กินผัก ไข่ และนม

5.Presco vegetarian กินปลา

6.Pollo vegetarian กินไก่

ด็อกเตอร์ นิโคลัส เพอริโคน นายแพทย์ทั่วไป แนะนำว่า

1.บริโภค Glutamine เพื่อกรดโปรตีนที่สำคัญ สำหรับสร้างกล้ามเนื้อ

2.บริโภค Carnitine สารนำไขมัน ต้านทานการอักเสบ ป้องกันการเสียกล้ามเนื้อ และรักษาเส้นโยงข่าวสารในเซลล์ เรียกว่า mitochondria ซึ่งสร้างพลังในการปฏิบัติงานของเซลล์

3.บริโภค Actyl Carnitine เพื่อรักษาพลังในกล้ามเนื้อ

4.Co-enzyme Q-10 เพื่อทำงานในระบบส่งข่าวสารในเซลล์ คือ mitochondria เป็นตัวสร้างพลังกับ Carnitine และ Alpha Lipoic Acid ซึ่งรักษามาตรฐานของน้ำหล่อเลี้ยงเซลล์หรือ พลาสม่า (Plasma) เป็นการป้องกันรักษาระบบหัวใจ

5.Conjugated Linoleic Acid (CLA) เป็นตัวสลายไขมันในร่างกาย และป้องกันสูญเสียกล้ามเนื้อ

6.Chromium ทำงานใช้น้ำตาลในร่างกาย ควบคุมการบริโภคอาหาร

7.Alpha Lipoic Acid ป้องกันการอักเสบ ป้องกันการทำลายออกซิเจน ช่วยละลายไขมันในน้ำ ต้านทานมิให้เกิดการทำลายของน้ำตาลในเซลล์ เรียกว่า glycation

8.Gamma Linoleic Acid (GLA) ได้จากน้ำมันกุหลาบพริมโรส Primrose oil เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อลำไส้และมดลูก

9.เห็ดมิทาเกะ ช่วยรักษาประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ และรักษาความอยากอาหาร

10.การใช้ชีวิตที่เลี่ยงการไร้ประสิทธิภาพ เช่น 1.นอนหลับให้เพียงพอ มิฉะนั้นจะเกิด cortisol ซึ่งเพิ่มน้ำตาลในเลือด ทำให้ผิวบาง 2.รักษาความชื้นในร่างกาย 3.ออกกำลังกาย 20-30 นาทีต่อวัน การออกกำลังมิใช่จะมีเฉพาะร่างกาย body exercise อาจเป็นทางจิต mind exercise ตามลมหายใจเข้าและออก ระหว่างการทำสมาธิ กำจัดความคิดไร้สาระเป็นหนทางให้เกิดภาวะจิตว่าง ปัญญาจะบังเกิดในภาวะสมาธิจิตนิ่ง และปรากฏภาพ ซึ่งเป็นทางไปสู่ความสามารถในการอ่านจิตใจคนอื่น และสร้างความสมดุลระหว่างจิตและกาย การออกกำลังด้วยจิตวิญญาณ spiritual exercise โดยการนำพลังจากเบื้องบนตามเส้นทาง Hara line สู่ earthly Ki ที่สัมผัสดินด้วยฝ่าเท้า แล้วนำพลังกลับสู่เบื้องบนของร่างกายอีก ตามวิธีของการบำบัดด้วยจักระ

ข้อมูลทั้งหมดมี อยู่ในหนังสือของผู้เขียนชื่อ Healing with Reiki and Chakra