สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
อมตะแห่งชีวิต

ข่าวมรณกรรมของด็อกเตอร์เจริญ คันธวงศ์ ทำให้คิดย้อนหลังถึงการเริ่มต้นชีวิตการทำงานแห่งแรกที่นับว่าเป็นรากฐานแห่งชีวิตมาจนบัดนี้ เป็นการสอนที่วิทยาลัยกรุงเทพฯ ที่ซอยกล้วยน้ำไท ซึ่งผู้ก่อตั้งเป็น 1 ใน 4 คนของบริษัทโอสถสภาเต็กเฮงหยู คือร้อยตำรวจเอกสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ตั้งใจจะให้เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกของประเทศไทย ผู้เขียนได้รับเลือกจากผู้สมัครกว่าสิบท่านให้เป็นอาจารย์สอนวิชาแนะนำสู่ธุรกิจ เรียกว่า Introduction to Business ประกอบด้วยความเข้าใจประเภทธุรกิจ การวางตัวบุคคากร การบริหาร การขาย การโฆษณาประชาสัมพันธ์ และการขยายงาน วิชานี้ผู้สมัครเข้าเรียนเกือบ 300 คนต้องเข้าชั้นเรียนเพื่อปูพื้นฐานการแยกคณะต่อไป ผู้เขียนสอนในห้องประชุมชั้นล่างของอาคารเรียนยาวตลอดตัวอาคารรูปตัวยู มีบ้านพักอธิการบดีของด็อกเตอร์เจริญ 2 ชั้น อยู่ไม่ไกลจากตึกเรียน มีห้องอธิการบดีอยู่หัวมุมชั้นล่างของอาคารแรกทางเข้า ผู้เขียนนั่งห้องเดียวกับอธิการบดีทำหน้าที่เลขานุการ ได้เรียนรู้วิธีการบริหาร การสนทนา การตัดสินใจ และมนุษย์สัมพันธ์อันดีจากท่านมากมาย เพราะเพิ่งเรียนจบ ยังไม่รู้วิธีการดำรงชีวิต และท่านเรียนจบวิชาการทูตมา ท่านผู้อำนวยการแต่งงานกับคุณปองทิพย์ พี่สาวของคุณสปัน ซึ่งหย่าจากคุณชรินทร์ นันทนาคร ท่านอาจารย์เจริญ ได้หาบ้านพักให้ผู้เขียนที่ซอยไปดีมาดี เป็นของคุณหลวงไม่ไกลจาก ม.กรุงเทพ นักและให้คนขับรถของท่านไปรับไปส่งผู้เขียนจากบ้านพักมาทำงาน บางทีผู้เขียนสอนภาคค่ำ ท่านก็จะไปส่งบ้าน การสอนวิชาธุรกิจช่วยให้ผู้เขียนมีพื้นบริหารการตลาดและธุรกิจ หลังจากฝึกงานโฆษณาประชาสัมพันธ์กับบริษัทดีทแฮล์ม ก็ได้ทำงานโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้บริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง นับแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทจนปูนซีเมนต์ตรานกอินทรีติดตลาดขายดีเป็นเวลาถึง 10 ปี ก่อนมาเริ่มต้นชีวิตที่อเมริกา นับว่าจบจุฬามาแล้วได้ 58 ปี กว่าจะมาเรียนจบปริญญาโทด้านสุขภาพที่ School of Health and Human Services จาก California State University of Long Beach เมื่อปี 1995 นับว่าจบปริญญาโทมาแล้ว 27 ปี ซึ่งเสียดายที่ด็อกเตอร์เจริญแนะนำว่าอย่าไปเรียนต่อปริญญาเอกเลย ทั้งๆที่ตัวเองได้รับทุนเรียนต่อตอนนั้น คงไม่ได้ใช้ทำอะไรหรอก ก็เสียดายมาจนบัดนี้

การเริ่มต้นชีวิตที่ USA เดินผ่านโรงเรียนสอนวิชาด้านความงาม ชื่อ Moro Beauty College ก็เดินเข้าไปเรียนฟรี ตามโครงการของ Glendale Community College บริหารงานโดย Mrs.Moro จากอิตาลี ใช้เวลาเรียน 1 ปี เมื่อจบแล้วก็สอบวิชา เพื่อเอาใบอนุญาตการสอนประจำวิทยาลัย เรียกว่า Credential มี 2 ใบ คือ California Community Colleges Instructor Credential (Life) และ State of California Credential, Vocational Education (Clear) หลังจากนั้นก็เป็นผู้สอนวิชาการตัดผม นวดหน้า และได้ไปเรียนจบจาก Mr.Vidal Sassoon ช่างผมชื่อดังจากอิตาลีประจำอยู่ที่เบฟเวอรี่ฮิลล์ เมื่อเปิดร้านทำผมก็เรียนว่าลูกค้าติดต่อมาได้เรียนวิชาการบำรุงผิวและเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชื่อดังอยู่ตลอดมาหลาย 10 ปี จนประกอบอาชีพร้านของตนเองได้ พอที่จะดำรงชีวิตในอเมริกามา 48 ปี มีความสุขสมบูรณ์พอสมควร เป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพ ชื่อโกรทฮอร์โมนขนาดหนึ่งออนซ์ราคาขวดละ 200 เหรียญ เดือนหนึ่งขายไม่ต่ำกว่าร้อยขวด

จากประสบการณ์ด้านสุขภาพและความงาม ได้เขียนบทความให้หนังสือพิมพ์อินเตอร์ไทยแอลเอเอ็กซ์ และปัจจุบันคือไทยแอล.เอ. ที่ถืออยู่ในมือนี้ นับได้กว่า 40 ปี เมื่อไปเมืองไทยครั้งแรกได้เรียนวิชาการบำบัดด้วยจักระคือศูนย์รวมสุขภาพตามจุดต่างๆ 7 ศูนย์ ประกอบกับการโภชนาที่ได้รับความรู้จากผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ นำมาถ่ายทอดเล่าสู่กันฟังพอให้เพลินๆกับชีวิตประจำวัน

ที่เกริ่นมาทั้งหมดนี้ หากไม่ได้การเริ่มต้นชีวิตที่ได้รับการคัดเลือกจาก ดร.เจริญ คันธวงศ์ ให้เป็นผู้สอนวิชาพื้นฐานแนะนำสู่การดำเนินธุรกิจที่วิทยาลัยกรุงเทพฯ เป็นเบื้องต้นเป็นเวลา 3 ปี ก็คงจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจ หรือดำรงชีวิตที่นำแบบอย่างอันดีมาจากนักการทูตอย่างด็อกเตอร์เจริญได้สำเร็จขนาดนี้ อมตะแห่งความดีประการต่างๆ ในชีวิตของผู้เขียน นับว่าได้รับจากตัวอย่างอันดีจากท่าน เมื่อผู้เขียนไปเยี่ยมเมืองไทยเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว หลานสาวได้จัดคนขับรถตามติดด้วยลูกสาวอายุ 5 ขวบคนหนึ่งนั่งหน้ารถคู่กับคนขับ ผู้เขียนนั่งหลังกับคู่ภรรยาสามี จากสนาบบินสุวรรณภูมิ เข้าที่พักแล้วก็ขับจากกรุงเทพฯ ไปเที่ยวตลาดน้ำภาษีเจริญกินก๋วยเตี๋ยวในเรือ แล้วก็ขับไปตามถนนจากกรุงเทพฯ ผ่านจังหวัดต่างๆ เห็นป่าเขาลำเนาไพรเขียวชอุ่ม แวะพักค้างคืนตามทาง เรียกว่าทริปนั้นคุ้มค่าและสุขสมอารมณ์เกินหวัง แวะนอนค้างคืนที่บ้าน ณ ที่ดินอายุร้อยปีของด็อกเตอร์เจริญ ที่เชียงราย ผู้เขียนทรุดลงกราบเท้าท่าน ท่านบอกว่าไม่ต้องๆ แต่ความซาบซึ้งในพระคุณยังดำรงอยู่ ข่าวมรณกรรมของท่านวันที่ 4 พฤษภาคม สะเทือนขวัญโขอยู่ นี่คืออมตะชีวิตของบุคคลผู้หนึ่ง ที่ได้มีส่วนสร้างความทรงจำในด้านดีทุกประการ ให้ผู้เขียนจะจารึกไว้ไม่คลาย มีเรื่องเดียวที่ผิดหวังก็คือคำแนะนำว่าอย่าไปเรียนต่อปริญญาเอกเลย คงไม่ได้ใช้ประโยชน์หรอก เพราะท่านอาจประสบมาแล้วครรลองชีวิตต่อไปก็อย่าประมาท เพราะมีสิ่งที่อาจตัดทอนสุขภาพโดยไม่คาด ชีวิตที่ผ่านมานั้นเป็นพื้นฐานแสดงความสนใจและความรู้ความสามารถที่เรียนมา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตเราอาจวางแผนได้ แต่จะเป็นตามแผนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับโชคและโอกาส สิ่งที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง เป็นอมตะแห่งชีวิต ไม่มีวันตาย ไม่มีวันสูญสลายตามชีวิต ทุกคนระลึกและทำความดีไว้บ้าง คิดดีไว้เสมอ บางทีเราเรียนสารพัดอย่าง แต่ที่จะนำมาให้ใช้ เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิต ต้องอาศัยโอกาส และหลักการที่ดีต่อส่วนรวมเป็นสำคัญ อย่าได้ทำลายพืชพันธุ์ต้นไม้ของผู้อื่นเป็นการแสดงออกซึ่งสันดาน ไม่ว่าจะเรียนรู้การศึกษาอะไรก็เป็นหลักค้ำประกันที่มาจากสันดานดั้งเดิมไม่ได้ อมตะแห่งชีวิตของแต่ละคนจึงแตกต่างกันไปตามปัญญาและความคิด

การวางรากฐานให้สุขภาพ ขั้นตอน 4 ประการคือ

1.กินอาหารถูกหลักอนามัย มีแป้งคาร์โบไฮเดรท น้ำคั้นผลไม้ และอาหารเสริมสุขภาพ เช่น น้ำ โปรตีน โคโลสตรัม เอนไซม์ และ Probiotic

2.ออกกำลังกายให้โลหิตและน้ำเหลืองมีโอกาสไปเลี้ยงเซลล์กล้ามเนื้อและผิวส่วนบน ควรเป็นที่อุดมด้วยออกซิเจนหรือมีต้นไม้ ประมาณ 30 นาทีทุกวัน

3.พักผ่อนเพียงพอ หลับสนิทดื่มด่ำ ในที่เงียบ อุดมด้วยอากาศบริสุทธิ์ถ่ายเท ตามที่ร่างกายต้องการ อย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง

4.พลังจิต ประกอบด้วย พลังความตั้งใจ พลังนำไปสู่ความสำเร็จ พลังแห่งการดลใจ

ทั้ง 4 ประการนี้ เรียกว่า 4 Pillars for the balance of life.