สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
สิ่งที่เห็นมิใช่ด้วยตา

คนทำชั่วเพราะคิดว่าคนไม่เห็น และไม่มีความรู้ว่าคนจะคิดออกว่าใครเป็นคนทำ เพราะไม่เคยเรียน เลยคิดง่ายๆ คนที่ทำผิดมักจะไม่ผ่านการศึกษา ไม่รู้ศาสตร์ของการสืบสวน คิดสั้นๆ ตามประสาไม่มีความคิด หรือคิดง่ายๆ ว่าไม่มีใครเห็น จะกังวลว่าใครจะรู้ทันไปทำไม ศาสนาพุทธค้นพบความจริงก่อนศาสตร์อิเล็กโทรนิค 2560 ปี วิทยาศาสตร์ศึกษาและก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ตามครรลองของการคิด และค้นพบความจริงของการพัฒนาโลก มลภาวะบรรยากาศพัฒนาตามขั้นตอนของโลก การศึกษานำมาอธิบายต่อ ศาสนาพุทธเกิดจากการพิจารณาไตร่ตรองความเป็นจริงของการพัฒนาระบบชีวิต เราคงเคยได้ยินเขาพูดกันว่า มีดวงตาเห็นธรรม ไม่ใช่เห็นด้วยตา แต่กว่าจะเห็นความจริงของชีวิตคือธรรมะ ต้องเข้าสู่สมาธิซึ่งจัดไว้เป็น 4 ระดับ เรียกว่าการเข้าสู่ญาณ 4 ระดับ จนถึง ฌาน 8 ระดับ นั่นคือการพัฒนาของระบบความคิด ซึ่งมีพลังของการทำงานของการสื่อสารของระบบเซลล์ก่อให้เกิดญาณ 16 ประการ เรียกว่า วิสปัสสนาญาณ จัดว่าเป็นความสามารถของการพัฒนาของระบบสมอง แปลสู่การเข้าใจ เรียกว่ามีดวงตาเห็นธรรม สรีระวิทยาของสมอง มีระบบการเห็นหรือสายตาพัฒนาจากส่วนท้ายสุดของสมอง หรือ Occipital มีการทำงานของระบบการเห็นเรียกว่า Visual Center กระจายสื่อสารภาพไปยังดวงตาสองข้าง ก่อนที่จะเห็นภาพได้มีการสื่อสารจากความคิดซึ่งมาจากการสื่อสารระหว่างเซลล์เป็นความเข้าใจ ก่อให้เกิดพลังที่เราใช้ศัพท์เรียกว่าญาณ แยกได้เป็นขั้นตอนของญาณ 16 ประการ ญาณแต่ละขั้นคือความสำเร็จในการรวมความคิดเป็นสมาธิ แต่ละขั้นสามารถนำไปสู่การเห็นย้อนหลังถึงชาติปางก่อนได้เป็นร้อยชาติ อธิบายทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า Quantum physics การระลึกชาติย้อนหลังเป็นกระบวนการอันน่าทึ่ง เซลล์แต่ละเซลล์มีชีวิตเป็นอิสระ ส่วนกลางประกอบด้วยสารที่ครบสมบูรณ์ในการสร้างชีวิต ส่วนที่ล้อมรอบทำหน้าที่ป้อนอาหารให้ชีวิตเจริญได้ด้วยตัวเอง เสมือนไข่ขาวเลี้ยงไข่แดงที่จะพัฒนาเป็นร่างกายครบทุกอวัยวะ การสื่อสารติดต่อความเข้าใจนั้นสามารถส่งภาพหรือความเคลื่อนไหวออกสู่เซลล์อื่นที่อยู่ในระบบเซลล์เดียวกันเรียกว่า quark แล้วประสานงานกับระบบอื่นๆ อีก 10 ระบบในร่างกาย ไม่น่าเชื่อว่าระบบจะพัฒนาได้แยบยลปานนั้น ฉะนั้นเราผู้เป็นเจ้าของระบบอันชาญฉลาดนี้แล้ว ไม่ควรใช้งานระบบอย่างโง่ๆ เสียเวลาระบบสร้างมาหลายพันปี ต้องจบลงด้วยความไม่คิด หรือสิ้นความคิดของคนๆ เดียว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตอื่น กระจายถึงชุมชนและกระจายไปหลายชั่วคน เพราะระบบอันไร้ความคิด ไม่มีการศึกษา ถ่ายทอดไปอีกหลายชั่วคน

นี่คือการพยายามติดตามความเข้าใจแต่ละบุคคลไม่ใช่สร้างมาอย่างหยาบๆ แต่ได้ผ่านการพัฒนามาอย่างละเอียด จนกระทั่งเกิดการศึกษาเป็นวิทยาศาสตร์ มีการเชื่อต่อๆ กันเป็นศาสนา และตัวตนคนหนึ่ง คือตัวเราเอง ไม่ควรทำลายการพัฒนานั้นเสียด้วยความโง่ เรียกง่ายๆ ว่า ไม่คิด หรือ คิดไม่ถึง

ที่พยายามเรียบเรียงตั้งแต่ต้นกำเนิด คือ แหล่งเซลล์ ออกมาเป็นการประสานงานเป็นระบบ ก็เพื่อพยายามรวบรัดอธิบายว่า การเห็นไม่จำเป็นต้องด้วยตา นั่นคือ จากระบบ มีการสื่อสารเป็นความคิด จากความคิดเป็นความเข้าใจ จากความเข้าใจก่อให้เกิดพลัง และพลังคือการพัฒนาชีวิต เมื่อการพัฒนาถึงจุดจบนั่นคือ หลับไปแล้วไม่มีการพัฒนา เรียกว่าตาย

สิ่งที่เห็นไม่จำเป็นต้องด้วยตา แต่เพราะการสื่อสารของเซลล์ แปลเป็นภาพด้วยการทำงานของประสาทสมอง (Cranial Nerve) มีอยู่ 12 คู่ ได้แก่ 1.ระบบกลิ่น(Olfactory) 2.ระบบเห็น(Optic) 3.ระบบได้ยิน(Auditory) 4.ระบบรส(Glossopharyngeal) 5.ระบบช่วยหายใจ(Vagus)

การเคลื่อนไหวดวงตา ทำงานโดย 6.กล้ามเนื้อดวงตา( Oculomotor) 7.Trochlear 8.Abducent

ส่วนสำคัญที่ควบคุมประสาทใบหน้าและศีรษะได้แก่ 8.ประสาทใบหน้า (Facial Nerve) 9. ประสาทศีรษะกับใบหน้า (Trigeminal) 10.ประสาทลิ้นรู้รสและช่วยกลืน(Glossopharyngeal) 11.รับรู้รส(Hypoglossal) 12.กล้ามเนื้อคอ(Spinal Accessory)

ท่านผู้อ่านเคยได้ยินไหมว่า ผู้สูงอายุเสียชีวิต เพราะอาหารติดคอ อาจเป็นไปได้ เพราะฟันเสื่อม ทำหน้าที่ผ่านอาหารลงคอทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียด หรือผิดจังหวะการเคี้ยวกับการกลืน ประสาททำหน้าที่กลืนทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียด ทำให้อาหารก้อนใหญ่มีโอกาสติดคอ หรือผิดทางเดินอาหารไปติดหลอดลมก็เป็นได้ เราไม่รู้สาเหตุแท้จริง เพราะผู้เสียชีวิต หรือญาติที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ติดใจสืบหาสาเหตุ เพราะไม่ใช่ฆาตกรรม ถือเป็นวาระหมดอายุหรือเป็นอุบัติเหตุถึงแก่ความตายมากกว่า ถึงอย่างไรก็เป็นไม้ใกล้ฝั่งอยู่แล้ว ทางที่ปลอดภัยสำหรับการกินก็คือ ฟังเพลงไป กินไป จะได้ไม่รีบร้อน ถ้ารู้ว่าประสาทกับอวัยวะต้องทำงานซับซ้อนอย่างนี้ ก็ทำงานให้ช้าลง อย่ารีบกลืน เคี้ยวให้ละเอียดพอสมควรกับการกลืน

โปรแกรมทางทีวี ในญี่ปุ่น แสดงรายการผู้ที่เจ็บป่วยขั้นสุดท้าย ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป เขาก็ฉีดยาให้หลับแล้วไม่ตื่น โดยกำหนดเวลาตามที่ประสงค์ ก่อนถึงเวลานั้น ญาติก็จะป้อนอาหารโปรด เช่น ไอศกรีมวานิลา ปรากฏว่า สรีระไม่ประสงค์จะทำงานแล้ว ประสาทไม่รับรู้การกินการกลืน ยังมีสติเพียงบอกว่าขอนอนหลับยาว เมื่อป้อนไอศกรีมก็ไหลออกนอกปาก นั่นคือวาระสุดท้าย ศาสนาพุทธจะสอนในวาระใกล้หมดลม ให้คิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นพิธีที่สวยงาม ก็ไม่รู้ว่า จะได้ยินหรือรับข่าวสารได้เพียงใด แต่สำเนียงการสวดที่รื่นหูน่าฟัง น่าจะส่งวิญญาณไปสู่สุคติได้ ถ้าผู้ตายเป็นผู้ประกอบทำความดีไว้ตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่ ใจบริสุทธิ์จะน้อมนำจิตให้ผ่องแผ้ว ชาติหน้าคงจะเกิดดี หรือส่งไปนิพพาน ไม่ต้องมาเกิดให้เป็นทุกข์อีก ฉะนั้น เกิดมาชาตินี้เป็นมนุษย์ แปลว่าผู้มีใจสูง อย่างได้ทำชั่ว หรือสิ่งที่ผิด สิ่งที่ไม่ดี เพราะมีคนเห็น แม้มิใช่ด้วยตา ดีไม่ดี ชาติหน้าจะได้เกิดอีกหรือเปล่า ยังเป็นปัญหา เพราะเห็นอยู่แล้วว่าชาตินี้ทำผิดอะไรไว้บ้าง ถ้ายังมีโอกาสมีชีวิตอยู่ ก็เตือนตัวเอง กลับตัวเป็นคนทำดีไว้บ้าง จะได้ไม่เสียชาตินี้ที่เกิดมา แม้จะได้แค่นี้ รูปร่างหน้าตาแค่นี้ ไม่มีเงินทองฐานะร่ำรวย ก็ยังดีกว่าไม่ได้เกิดอีก ไม่มีโอกาสแม้แต่จะทำผิด ทำชั่วอีก ได้แต่พูดว่ารู้อย่างนี้ทำดีไว้ตั้งนานแล้ว