สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
รุ้งยามราตรี แสงสีที่โลกเหนือ

เราเห็นสายรุ้งกินน้ำโค้งสุดขอบฟ้า สีม่วงครามน้ำเงินเขียวเหลืองแสดแดงรวม 7 สี ในแถบรุ้ง เรารู้ว่าเกิดหลังฝนตกเนื่องจากแสงอาทิตย์ทำปฏิกิริยาหักเหกับอณูของน้ำในอากาศเกิดเป็นสีต่างๆ ญี่ปุ่นอธิบายว่าเกิดจากปฏิกิริยาทางไฟฟ้าเพราะเซลล์ของน้ำมีอิเล็กตรอนวิ่งรอบโปรตอนและฉนวนตรงกลางเหมือนเซลล์ทั่วไป เมื่อเกิดการสะท้อนของแสงกับละอองน้ำในบรรยากาศ ย่อมเกิดเป็นสีตามแสงอาทิตย์ เราสามารถมองเห็นได้เฉพาะ 7 สี ที่เรียกว่าสีรุ้ง เป็นเพียงประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ของแสงทั้งหมด อีก 75 เปอร์เซ็นต์ เราเอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น อันดับแรก เรียกว่าพลังคอสมิก หรือ Cosmic Rays วัดความเร็วเป็นนาโนมิเตอร์ระหว่าง 0-100 นาโนมิเตอร์ มีคุณสมบัติใช้ในการบำบัดร่างกายด้วยจักระ ประสิทธิภาพของพลังคอสมิกสามารถผ่านได้ทุกสิ่ง และรับพลังจากโลกหรือดินได้ ทำงานร่วมกับแสงอาทิตย์ได้ และมีพลังเหนือกว่าแสงอื่นๆ พลังคอสมิกประกอบด้วยขั้วบวกและลบ สามารถกระจายพลังจากร่างกาย เช่นมือ หน้าผาก หรือกระหม่อมได้ พลังคอสมิกสามารถผ่านสู่ตำแหน่งอื่นด้วยโลหะหรือไหม สามารถดำรงพลังไว้ได้ในน้ำ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงลงได้ในดิน น้ำ อากาศ และไฟ พลังคอสมิกสามารถได้รับการควบคุมโดยพลังสมาธิจิต และสามารถเพิ่มมากขึ้นด้วยพลังของจักระ โดยคุณสมบัติต่างๆ นี้จึงเอื้อประโยชน์ต่อการใช้พลังคอสมิกในการบำบัดร่างกายผ่านทางจักระ

พลังแสงอันดับถัดไปเรียกว่าเอ็กซเรย์ ความเร็วอยู่ระหว่าง 100-200 นาโนมิเตอร์ สามารถทะลุผ่านเนื้อหนังมังสาได้ แต่ไม่สามารถทะลุผ่านกระดูกได้ แสงอันดับต่อไปเป็นอุลตร้าไวโอเลตซี บี และเอ มีความสามารถทะลุผ่านผิวมากกขึ้นตามความเร็ว ก่อให้เกิดการรวมตัวของสีผิวเพื่อป้องกันผิว ทำให้เกิดจุดดำบนผิวเรียกว่าฝ้าหรือกระ พลังแสงอันดับถัดไปเป็นพลังโซล่าที่เขาทำในอุตสาหกรรมความร้อนจากแผ่นโซล่าเพื่อแปรเป็นพลังไฟฟ้า ต่อจากนี้คือสี 7 สีของรุ้งที่เราเห็น หลังจากสีรุ้ง เป็นแสงอินฟราเรด แสงเรดาร์ คลื่นพลังวิทยุเอฟเอ็มและทีวี ถัดไปคือคลื่นวิทยุเอเอ็มซึ่งรับได้กว้างไกลกว่าเอฟเอ็ม เพราะความเร็วของแสงเหนือกว่า

ศาสตร์การบำบัดด้วยจักระ กำหนดให้สีประจำจักระตรงกับแถบสีของรุ้ง 7 สีตาม 7 จักระ และสีของหินที่เกิดตามธรรมชาติจากใต้ผิวโลก สามารถนำไปแช่น้ำในแสงอาทิตย์นาน 8 ชั่วโมง แล้วดื่มเพื่อบรรเทาอาการผิดปกติของร่างกายที่เกิดเพราะการทำงานไม่สมดุลของจักระได้ ที่น่าสนใจคือ การค้นพบวิธีบำบัดด้วยจักระถือกำเนิดเมื่อประมาณปลายปี ค.ศ. 1800 จากญี่ปุ่น นำเข้าสู่รัฐฮาวาย เมื่อประมาณปี 1983 และวันดีคืนดี เราสามารถเห็นรุ้งยามราตรีได้ที่รัฐฮาวาย เป็นวิทยาศาสตร์ที่อธิยายสาเหตุของการเกิดรุ้งในเวลากลางคืนที่ฮาวาย เพราะรัฐนี้อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรของโลก ล้อมรอบด้วยน้ำ โลกของเราหมุนรอบด้วยอาทิตย์ในแนวนอน ไม่ใช่ตั้งฉากกับดวงอาทิตย์ อาจส่งผลให้การหักแหของแสงอาทิตย์กระทบกับน้ำเกิดเป็นรุ้ง เมื่อดวงอาทิตย์ลับสายตาไปแล้ว แสงที่ปรากฏสวยงามยามท้องฟ้ามืดอีกแสงหนึ่งเรียกว่าแสงเหนือ หรือ Northern Light เป็นแสงสีเขียวแกมเหลือง เรืองแสงพุ่งขึ้นพลิ้วไปมาสวยงาม เพราะการที่โลกหมุน ไม่มีใครอธิบายว่าเกิดจากอะไร มองเห็นได้แถบประเทศแคนาดาเมื่อท้องฟ้ามืด แคนาดาเป็นประเทศอยู่แถบเหนือของโลก เคยมีผู้รู้แนะนำเรื่องการนอนว่า ควรหันศีรษะไปทางทิศเหนือ จะช่วยให้หลับสนิท เพราะเป็นทิศของแม่เหล็ก ผู้เขียนก็นอนศีรษะไปทางทิศเหนือตามที่เขาแนะนำ ก็ได้ผลว่าหลับง่าย สบายดี จนเต็มอิ่ม เรื่องนี้ถ้ามีการผิดประการใด ก็อย่าเอาไปคิดให้เสียอารมณ์ เหมือนเช่นที่ผู้เขียนได้รับโทรศัพท์ต่อว่าจากผู้นับถือศาสนาพุทธวจนะว่าการเขียนตามคำสอนของพระธรรมทูตจากประเทศไทยนั้นผิด เพราะพระฉันอาหารสองมื้อไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นพระอลัชชี ผู้เขียนจำเป็นต้องวางสายตัดบท และขอขอบคุณผู้ที่ประพฤติชอบในธรรมะทั้งมวลที่ตั้งตนอยู่ในธรรม อยู่อย่างมีศิลป์ อยู่อย่างสงบ ไม่ระรานใคร ใช้ได้เสมอ ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร

แสงที่โลกได้รับจากแสงอาทิตย์เรียกว่า เรย์ Ray คือพลังจักรวาลชีวิตที่มาจากแสงอาทิตย์ (จากหนังสือของลินดา เบอร์ทัต ปี 2005) เมื่อสมาสกับคำว่า คิ หรือ Chi หรือ Ki แปลว่า พลังกาย จากลมหายใจ และจากการกินอาหาร เกิดเป็นพลังแรงกาย รวมเป็นคำว่า Reiki นำไปใช้ในการบำบัดด้วยพลังสมาธิผ่านจากมือสู่จักระต่างๆ ที่รู้ต้นเหตุของความเจ็บป่วยใช้ในการรักษาตัวเอง ผู้อยู่ใกล้ หรือผู้อยู่ไกล โดยส่งพลังผ่านคลื่นที่เกิดจากแสงอาทิตย์ คือพลังคอสมิก ระหว่างสมาธิ ต้องปลอดจากความกังวล ความโกรธ มีความซื่อตรง และปรารถนาดีต่อผู้อื่นและสัตว์หรือพืชทั้งมวล

การบำบัดด้วยวิทยาศาสตร์ทางแพทย์ ยังไม่สามารถบำบัดโรค 3 “A’s” ได้แก่ Arteriosclerosis, Arthritis, Alzheimer’s แปลว่า ทางเดินโลหิตบกพร่องหรืออุดตันบางแห่ง ทำให้การทำงานของสมองหรือกล้ามเนื้อบกพร่อง ดังเช่นที่เราเคยได้ยินเสมอเกี่ยวกับสโตรค หัวใจสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงกล้ามเนื้อและร่างกายไม่สมบูรณ์ โรค เอ.ที่สอง คืออาการปวดตามข้อ หรือไขข้อไม่แข็งแรง โรค เอ.ที่สามคือสูญเสียความจำ ความคิดไม่มีประสิทธิภาพตามปกติ อีก 6 โรคซึ่งนัยว่าไม่มียารักษา ได้แก่ มะเร็ง เบาหวาน ซึมเศร้า ประจำเดือนยุติ กระดูกพรุน กล้ามเนื้อสั่น การบำบัดทางเร็คคี้และจักระจึงเป็นความหวังในทางผ่อนคลาย และช่วยให้การทำงานของระบบร่างกายทั้ง 10 ระบบประสานงานกันดีขึ้น อาจบรรเทาอาการที่เป็นอยู่ แล้วแต่ความสามารถของผู้บำบัด การรับของผู้ถูกบำบัด และสมาธิ หรือสภาวะจิตของทั้งสองฝ่าย โดยหลักของนายแพทย์ ดร.ออตโต วอร์เบิร์ค ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสองครั้ง ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุมเมืองลินดา ประเทศเยอรมันนีว่า “ร่างกายของเราสามารถรักษาตัวเองได้ ตราบใดที่มีออกซิเจน”

ความสมดุลระหว่างจิตและวิญญาณ ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพร่างกาย การทำงาน ครอบครัว และจิตที่สงบ จะส่งผลให้วงจรพลังงาน Chi เคลื่อนไปตามเส้นทางลมปราณแห่งชีวิตราบรื่น เมื่อวงจรฮาร่ารับพลังจากดินเดินทางสู่จุดเพอริเนียม ซึ่งเป็นกึ่งกลางระหว่างจุดเปิดด้านหน้ากับจุดเปิดด้านหลัง ผ่านจุดเพอริเนียมขึ้นสู่จักระที่หนึ่ง เรียกว่า รากฐาน (Root Chakra) หรือ Kundalini ไปยังจักระที่สอง เรียกว่า Belly Chakra ผ่านศูนย์พลังภายในฮาร่า ไปสู่จุดที่สองนิ้วเหนือสะดือเรียกว่า Navel ไปยังศูนย์รวมพลังจักระที่สามเรียกว่า Solar Plexus ที่ช่วงท้องตรงกลางระหว่างซี่โครงล่างสุด ซึ่งรวมอวัยวะสำคัญไว้หลายอย่าง เช่น กระเพาะอาหาร ตับ ไต ม้าม ผ่านจุดนี้ พลังงานฮาร่าไปถึงจักระที่สี่ ที่หัวใจ แล้วเดินทางไปสู่ฐานของกระดูกบ่า เรียกว่า Thymus Chakra ซึ่งมีความสำคัญคอยป้องกันมิให้ร่างกายเจ็บป่วย คือคอยส่งสัญญาณกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย จากนั้นพลังฮาร่าเดินทางไปสู่จักระที่หกที่คอ เรียกว่า Throat Chakra ทำหน้าที่สำคัญกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้เข้มแข็งในการรักษาระดับน้ำในร่างกาย และมีต่อมพาราไทรอยด์คอยประสานงานกับการทำงานของสมอง โดยส่งแคลเซี่ยมกับฟอสฟอรัสไปให้สมอง ทำให้คิดแจ่มใส สมาธิได้ผล ประสานต่อการทำงานของร่างกายส่วนรวม จากนั้นไปสู่จักระที่หก ตรงหว่างหัวคิ้ว ซึ่งช่วยให้เกิดความคิดที่เรียกว่าลางสังหรณ์รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า เข้าสู่สมาธิจิตได้สะดวก จักระสูงที่สุดบนกระหม่อมเป็นจักระที่เจ็ด สำหรับรับรู้ข่าวสารจากเบื้องบน หรือเรียกกันว่า Heavenly Chi ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผู้เขียนมีอาการวิงเวียน พยาบาลเรียกว่า Vertigo ก่อนนอนทานยาสมุนไพรไทยของมณีรัตน์โอสถเบอร์ 56 ตอนเช้าเกิดเสียงในสมองบอกว่า You are strong เสียงมาจากไหน ถ้ารู้เรื่องจักระจะได้คำตอบเอง เสียงนี้ให้กำลังใจบอกตัวเองเช่นนั้นอยู่เสมอเวลาเกิดอาการวิงเวียน ก็บอกตัวเองว่าอย่างนั้น โล่งไป ไม่ต้องกลัวแล้ว เราแข็งแรงนะ นี่คือตัวอย่างของการมีพลังฮาร่า จากพลังดินที่ฝ่าเท้า ผ่านจักระทั้ง 7 ถึงเบื้องบน เพื่อรับพลังที่เหนือกว่าขึ้นไป

ทีนี้มาศึกษาเรื่องพลอยสีต่างๆ ที่กำหนดสีตามจักระ สามารถใช้ตากแสงอาทิตย์ 8 ชั่วโมง เพื่อดื่มบำบัดอาการผิดปกติในตัวได้ ตามที่เรียนมาจากอาจารย์คุณย่าเยาวเรศ บุนนาค เจ้าของวิชาการบำบัดด้วยจักระที่เมืองไทย

เริ่มต้นที่จักระที่ 1 คือ อัฟริกันรูบี้ ต่างกับทับทิมสยามอย่างไร คงจะไม่ต้องคิดมาก ขอให้เป็นทับทิมก็ใช้ได้ สามารถบำบัดมะเร็ง (มะเร็งเกิดจากการที่เซลล์ขาดออกซิเจน) สามารถขจัดไวรัส โรคติดเชื้อ

จักระที่ 2 คือพลอยสีส้ม เรียกว่า แจสเปอร์ หรือ คาร์นิเลียน สำหรับอาการผิดปกติของรังไข่ มดลูก กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก อวัยวะเพศ อาการหมดสมรรถภาพทางเพศ

จักระที่ 3 คือ พลอยสีเหลือง ใช้ในการทำให้โลหิตบริสุทธิ์ กระเพาะอาหาร โรคกรดไหลย้อน โรคตับ โรคม้าม โรคเบาหวาน โรคไต โรคความดันโลหิตต่ำ

จักระที่ 4 คือพลอยสีเขียว ใช้ในการบำบัดทางเดินโลหิต โรคหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ เลือดในหัวใจไม่เพียงพอ หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ โรคคอเลสเตอรอล โรคเส้นเลือดไม่ยืดหยุ่น โรคกระดูกพรุน

จักระที่ 5 คือพลอยเตอร์ก๊อย สีฟ้าไม่ใส บำบัดอาการภูมิแพ้ ต่อมไทรอยด์ทำงานไม่ปกติ โรคปอด โรคทางเดินอาหารโรคหลอดลม กล่องเสียง ต่อมทอนซิล

จักระที่ 6 และ 7 คือ พลอยสีม่วงเรียกว่าอะเมทิส บำบัดกล้ามเนื้อสั่นพาร์กินสัน อาการสูญเสียความจำอัลไซเมอร์ ความตั้งใจบกพร่อง เซลล์สมองเสื่อม ต่อมไพนีล ต่อมพิจุอิทาริ และประสานสมอง 12 คู่ไม่ทำงานเป็นปกติ ก้อนทูเมอร์ ความผิดปกติของระบบเพศ ประจำเดือนไม่ปกติ

จักระบนกระหม่อม หรือสูงสุด ใช้พลอยสีขาว หรือชมพู บำบัดความเจ็บป่วยทั่วไป และเพื่อความมั่งคั่ง

ทีนี้เรามาพิจารณาการทำงานของแต่ละจักระ ตามหลักวิชาการ จักระที่บนกระหม่อมควบคุมการทำงานของจักระอื่นๆ ทั้งหมด เพราะดูแลการทำงานของสมองส่วนกลาง ประสานงานกับระบบประสาท ทำให้ประสาทตื่นตัวตลอดเวลา ไม่เซื่องซึม โง่เง่า ไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้ เป็นจักระที่ส่งผลต่อจิตวิญญาณ และการบำบัดร่างกายตัวเอง จักระที่หว่างคิ้วควบคุมต่อมพิจุอิทาริ ทำให้การสื่อสารด้วยฮอร์โมนสมดุลและสมบูรณ์ สามารถคิด และมีลางสังหรณ์ล่วงหน้า แก้การปวดศีรษะได้ หรืออาการประสาทหลอนต่างๆ จักระที่สามตรงฐานสมองทำหน้าที่ส่งเสริมการเข้าสู่สมาธิ บำบัดอาการนอนไม่หลับ ประสาทหลอน จักระที่คอ ส่งเสริมมนุษย์สัมพันธ์การพูดจา การมีศิลป์ กำลังจิต จักระที่กระดูกไหปลาร้า ทำหน้าที่ส่งเสริมความสุนทรีย์มีความรักความเข้าใจ สร้างความแข็งแกร่งของหัวใจ ปอด ต่อมน้ำเหลือง และการหมุนเวียนโลหิต จักระที่ 4 อยู่ที่หัวใจ ส่งเสริมการทำงานของหัวใจและปอด บำบัดทูเมอร์ ส่งเสริมการบำบัดด้วยจักระทให้ปลอดสารพิษ และผ่อนคลาย จักระที่โซล่าเพล็คซัสตรงระหว่างท้อง สร้างพลัง สร้างความกระฉับกระเฉง ส่งผลให้ทุกอย่างทำงานดีขึ้น ตั้งแต่ตับ กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะ และม้าม ช่วยปลดเปลื้องความหวาดกลัว เกิดความสงบสุข มีความรัก ความเชื่อมั่น ความพอใจ เปิดกว้างสำหรับการแก้ไขปรับปรุง มีความสงบทางจิตใจ และการย่อยอาหารดีขึ้น จักระที่สะดือ ช่วยการหมุนเวียนของพลังงาน และโลหิต รักษาการย่อยอาหาร ช่วยให้กระดูกสะโพกทำงานสมดุลขึ้น จักระที่ฐานระหว่างโคนขาหนีบ ช่วยการทำงานของต่อมหมวกไต สร้างพลังใจในการอยู่รอด ความสงบ ความแข็งแกร่ง และเชื่อมั่นในตัวเอง จักระนี้ส่งผลแก้อาการท้องผูก เลือดออกที่ทวารหนัก โรคอ้วน โรคปวดหลัง ขา เข่า ข้อ โรคนอนไม่หลับ

แสงสีของรุ้งหรือแสงสีที่โลกเหนือ มีความสัมพันธ์สุขภาพร่างกายด้วยประการฉะนี้ จะเมินก็กระไรอยู่ เพราะแสดงสีมีความหมาย ดูอย่างแสงสีรอบตัวแต่ละคน ที่เรียกว่าออร่ายังสามารถบอกลักษณะภายในร่างกายและจิตใจได้เลย