สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
จิตสัมผัส

คุณเคยไหมที่พอคิดถึงใครแล้วเขาติดต่อมาทันที ไม่แต่เฉพาะคนเท่านั้น กับสัตว์หรือแม้แต่พืช เรารักพืชใดก็ตาม เฝ้ารดน้ำคอยดู ไม่นานก็รู้สึกด้วยประสาทสัมผัสทันทีว่าพืชนั้นส่งกระแสตอบรับให้เรารู้ทางใบหรือกิ่งทันที ดูเหมือนกับว่าพืชนั้นแสดงความสุขในความเอาใจใส่ที่เราส่งไปให้ เราสามารถอ่านออกจากใบจากกิ่งก้านสาขาของต้นไม้นั้นได้ เรียกว่าคุยกันรู้เรื่อง เป็นไปได้อย่างไรที่สัตว์หรือพืชรับสัญญาณจิตของเราได้ ถ้าเป็นมนุษย์ด้วยกัน เราก็ว่ามีจิตสัมผัสต่อกัน แล้วพืชล่ะมีจิตสัมผัสกับคนด้วยหรือ แน่นอน ผู้เขียนสังเกตมานานแล้วว่า เราสามารถคุยกับพืชได้ด้วยใจ มีคนๆ หนึ่งคอยตัดกิ่งไม้ในสวนของผู้เขียน ดูเหมือนต้นไม้จะบอกว่าเขาก็พยายามเติบโตให้ดีที่สุดแล้ว แต่โดนตัดที่โคนเลย จิตสัมผัสบอกกับผู้เขียนให้รู้ว่าใคร และคยอคุยกับต้นไม้ว่า ขอให้เจริญเติบโตต่อไป พระเจ้าจะลงโทษเอง วันหนึ่ง ก็มีศาสนาจารย์คนหนึ่งผ่านมาช่วยผู้เขียนทำการซ่อมต่อท่อยางรดน้ำ ขณะที่เขาช่วยงานอยู่นั้น ผู้เขียนเกิดเจ็บหัวใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน และเอามือกุมไว้ตรงหัวใจ ศาสนาจารย์ผู้นั้นก็บอกว่าจะกล่าววาจาขอพรจากพระเจ้าขอให้ผู้เขียนหายเจ็บหัวใจตกลงไหม ผู้เขียนเอามือกุมไว้ตรงหัวใจ พอจบคำอธิษฐาน อาการเจ็บที่หัวใจก็หายไป เขากล่าวว่า นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ คงถึงเวลาให้ผู้เขียนรับคำอธิษฐานปฏิญาณตนเป็นคริสต์เท่านั้น ผู้เขียนก็รับไว้เพราะยังมีพระพุทธรูปอยู่หลายองค์แล้วถวายข้าวพระพุทธทุกวัน ผู้เขียนบอกว่าเติบโตมากับศาสนาคริสต์ เพราะมีคนไปสอนให้ที่บ้านสมัยยังเด็ก ภาษาอังกฤษถึงดีกว่าเด็กรุ่นเดียวกันในโรงเรียน สมัยนั้นยังติดตามคุณแม่ไปวัดพระแก้วทุกวันอาทิตย์ และแตกฉานเรื่องศาสนาคริสต์พอสมควร เมื่อมีเรื่องจนปัญญาคิดอะไรไม่ออก ก็ดูเหมือนว่ามีอะไรดลจิตให้ไปที่จุดหนึ่งแล้วจะได้คำตอบ นี่คือจิตสัมผัสกระมัง

เรื่องนี้อิงวิทยาศาสตร์ได้เลย เพราะเซลล์คุยกันผ่านทางเยื่อหุ้มเซลล์ เซลล์อยู่เป็นกลุ่มเรียกว่า Quark เมื่อเซลล์ติดต่อกันในระหว่างกลุ่มหนึ่งไปยังอีกกลุ่มหนึ่ง ในที่สุดก็ส่งสัญญาณไปถึงสมอง แล้วสมองก็สั่งการไปยังจิตให้คิดหรือสังหรณ์ใจขึ้นมา แน่นอนว่าตัวนำสัญญาณคือแม่เหล็กกับกระแสไฟฟ้า ที่เรารู้กันในนามของ Electro-magnetic ผู้เขียนยังใส่กำไลข้อมือไว้เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว มี 3 จุดบนโลหะ 2 จุดริมนอกเป็นแม่เหล็ก จุดกลางมีรูปสายไฟบอกว่าเป็นสื่อไฟฟ้า นัยว่ากำไลนี้จะกระตุ้นประจุการสื่อสารแม่เหล็กไฟฟ้าของเซลล์ เพราะเซลล์มีน้ำเป็นตัวสื่อสารติดต่อระหว่างเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่งในระบบ Quark จริงหรือไม่ก็รู้กันเองว่า ผู้เขียนสุขภาพดีแม้จะน้ำหนักตัวไม่ขึ้นก็ตาม

แม่เหล็กกับกระแสไฟฟ้า electro-magnetic ทำงานสำคัญระหว่างการย่อยอาหารเอาสารเคมีจากการบริโภค แล้วส่งต่อให้ระบบสมองทำงานต่อไปทั้งการรับคลื่นและส่งคลื่นไปทั่วร่างกาย คนเรากินแล้วมีความคิดก็มาจากการทำงานสำคัญสองอย่างนี้ บางทีเราก็เห็นว่าคนไม่มีความคิด แท้จริงการส่งสัญญาณของสมองไม่มีประสิทธิภาพมากกว่า อาจเป็นเพราะมาจากกรรมพันธุ์ หรือการศึกษา หรือการเติบโตอย่างไร้เหตุปัจจัยของร่างกาย รวมทั้งสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่างญี่ปุ่นมักจะส่งเสริมให้คนเติบโตอย่างรู้จักคิดตั้งแต่เยาว์วัย มีศัพท์ที่ Ms.Shubana Zuboff ศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยาที่โรงเรียนการแพทย์ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เรียกว่า ubiquitous คือ อยู่หลายที่ในเวลาเดียวกัน

ในด้านอาหารและไวตามินที่จะทำงานประสานงานกันในเซลล์ทั้งระบบ เป็นต้นว่าไวตามินอีและไวตามินซี มีส่วนทำหน้าที่สำคัญเป็นสายใยที่จะสร้างความสัมพันธ์กับเซลล์อื่น ร่วมมือกับเบต้าคาโรทีน และเซเลเนียม สร้างความชุ่มชื้นในเซลล์ ป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะไวตามินอี ป้องกันเซลล์มิให้กลายเป็นเซลล์มะเร็ง และโรคหัวใจ กับป้องกันตามิให้มีการพร่ามัวจากคาตาแรคซ์ (Cataracts) ที่เรารู้จักง่ายๆ ว่า เป็นแผ่นกระจกบังดวงตา อาหารเริ่มจากน้ำส้มคั้น ผักเขียว และเหลือง เช่นที่เจ้า Bebe แมวของผู้เขียนชอบกินฟักทองนึ่ง และสาหร่ายทะเลแผ่น อาหารอื่นๆ ที่จะส่งเสริมระบบการสื่อสารของเซลล์ ก็เช่น มะเขือเทศ ผู้เขียนชอบปลูกพันธุ์อิตาเลียน เนื้อหนาลูกยาวรี อร่อยไม่เปรี้ยว

สารแมกนีเซียม ช่วยให้กระดูกแข็งแรงและส่งเสริมให้ไวตามินดีทำหน้าที่กระฉับกระเฉงขึ้น อยู่ในผักสปินนาช ข้าวโอ๊ตที่เราเบื่อนักหนา แต่ดีที่สุดสำหรับกระดูก ถั่วพินโต้ เลนทิล และถั่วต่างๆ รวมทั้งเม็ดฟักทอง

ไวตามินเค เราไม่ค่อยสนใจกันนักแต่มีบทบาทสำคัญป้องกันเลือดแข็งตัวในเส้นโลหิต มี K-1 และ K-2 ทำหน้าที่ที่จัดการให้แคลเซียมเดินทางไปสู่กระดูกแทนที่จะสะสมตามผนังเส้นเลือด ได้จากการกินผักเคล สปินนาช นอกจากนี้อยู่ในเนย และเนื้อวัวที่เลี้ยงจากทุ่งหญ้าตามธรรมชาติ ถ้ากินยาแก้เลือดข้นไม่ควรกินไวตามินเค

ไวตามินดี ไม่ใช่ว่ามาจากแสงแดดอย่างเดียว เราได้รับจากปลาแซลมอน ที่แมวของผู้เขียนชอบมาก นอกจากนี้มีในไข่แดง ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน เวลาไปตรวจเลือด ผลไม่ควรต่ำกว่า 32 หน่วยต่อมิลลิกรัมเพื่อความแข็งแรงของกระดูก

สารโปรเทสเซียมที่โรงพยาบาลซีดาร์ไซนายแถลงเตือนว่าถ้าหมอประจำตัวของท่านเตือนให้ควบคุมการบริโภค ควรใช้สารนี้อย่างระมัดระวังเพราะโปรเทสเซียมอยู่ในสารกว่า 40 ชนิด บางชนิดเป็นอันตรายต่อชีวิต เช่นอยู่ในแชมพู สบู่ เครื่องดื่ม รวมทั้งอาหารและผักผลไม้ เช่น แอปริคอต กล้วย แคนตาลูป ส้ม พีช พรุน ลูกเกด แตงโม ปลา เนื้อ แครอท เห็ด มันฝรั่ง มันเทศ มะเขือเทศ รวมทั้งอยู่ในข้าวซีเรียลที่ใช้บริโภคเป็นอาหารเช้าบางชนิด และขนมปังบางชนิดเช่น บอสตันบราวน์เบรด

ทางที่ดีควรรู้ว่าตัววคุณมีปัญหาสุขภาพด้านไหน เช่นหัวใจ ใจหวิวๆ นอนไม่หลับ มักหลงลืม ปัญหาของปอด เช่นผิวหนังแห้ง แพ้ง่าย ตัวเย็นมีเหงื่อมาก เป็นหวัดบ่อย ปัญหาตับเช่น ใบหน้าบวม มีถุงใต้ขอบตา ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสียง่าย มีกลิ่นปาก ปวดฟันโดยไม่รู้สาเหตุ ปัญหาของม้ามหรือระบบย่อยอาหารเช่น ผิวหน้าแดง ดวงตาไม่สดใส เสียงเบาลง ไม่แข็งแรง ปัญหาของระบบไต สังเกตได้จากขอบตาคล้ำ ผิวหน้าเป็นฝ้า แก่ก่อนวัย ปวดปัสสาวะบ่อย นอนไม่หลับ ปวดหลัง มีเสียงดังในหู สาระข้อมูลนี้มาจากกรมการแพทย์กระทรวงสารธารณสุขแห่งประเทศไทย ที่นิตยสารเอ็มทีลงพิมพ์ไว้เผยแพร่

เรื่องของสุขภาพตัวเองน่าจะรู้ตัวก่อนที่จะถึงแพทย์ แต่ถ้าเจ็บหัวใจโดยไม่มีสาเหตมาก่อนไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างที่ผู้เขียนเป็น ก็น่าจะคิดว่า ถึงเวลาตัดสินใจอะไรสักอย่างแล้ว