สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
เรื่องของจักระ

เมืองไทยใช้จักระบำบัดโรคมานานหลายปีแล้ว ทำการรักษาด้วยการวางมือบนจักระหายมาเป็นแสนคนแล้ว โดยไม่ต้องพูดถึงคำว่า “เร็คคี้” แท้ที่จริง การบำบัดตามวิชาเร็คคี้คือ รากฐานการใช้มือวางบนจุดจักระเพื่อบำบัดรักษา และส่งกระแสสมาธิจิตไปรักษาได้ด้วย เร็คคี้มาจากการค้นพบและบัญญัติวิธีการรักษาโดยสมาธิจิตของชาวญี่ปุ่น กว่าสองร้อยปีมาแล้ว เมืองไทยเรารับศาสตร์นี้มาทางพระชาวศรีลังกาซึ่งมีชีวิตระหว่างปี ค.ศ. 1846 ถึง 1924 (พ.ศ. 2389-2467) ขนานนามเป็นภาษาไทยว่า หลวงปู่ ดาริสา นราดา เป็นพระอาจารย์ของ หลวงสุวิชา ณ แพทย์ เมื่อปี พ.ศ. 2456 และถ่ายทอดวิชาการต่อให้แก่อาจารย์ เยาวเรศ บุนนาค อาจารย์ใหญ่ของสถาบันพลังกายทิพย์เพื่อสุขภาพ ผู้ประสาทวิชานี้ให้แก่ผู้เขียน และผู้เขียนกำลังสอนวิชาการบำบัดโดยเร็คคี้และจักระที่โรงเรียนผู้ใหญ่ เมืองเบอร์แบงค์ เพื่อประโยชน์ต่อชีวิตและบุคคลทั่วไป เริ่มชั้นเรียนที่ปรับหลักสูตรใหม่วันที่ 31 มกราคม – วันที่ 2 พฤษภาคมนี้ เป็นเวลา 12 สัปดาห์ เฉพาะวันเสาร์ เวลา 13.00 – 15.00 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่ Burbank Adult School Tel. (818) 558-4611

คำว่าจักระ หรือจักรา หมายถึงศูนย์รวมพลังภายในร่างกาย มีตำแหน่งที่ตั้งตรงกับจุดรวมของอวัยวะสำคัญภายใน เช่น จักระที่กระหม่อม คือจักระสูงสุดที่รับถ่ายทอดพลังจากเบื้องบน หรืออักนัยหนึ่ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองเรา จักระที่หว่างคิ้ว คือการมีพลังรับรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้น หรือจิตสังหรณ์ จักระที่คอ เรียกว่าไทรอยด์ คือความสามารถในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น จักระที่หัวใจ คือการมีจิตรับรู้สัมผัสกับอารมณ์ความรู้สึกต่อผู้คนทั่วไป จักระที่หว่างซี่โครงสุดท้ายคือศูนย์รวมพลังภายในที่เป็นที่ตั้งของการแปรรูปอาหารเป็นพลังงาน จักระที่ท้องเหนือสะดือ คือความรู้สึกภายในที่ก่อให้เกิดอารมณ์ จักระที่ฐานชีวิต คือจักระแห่งการจุติ นอกจากจักระหลัก 7 ฐานนี้ ยังมีจักระเสริม อื่นๆ คือ จักระที่ฐานสมอง ส่งเสริมความสงบของจิตทำให้หลับสนิท จักระที่หว่างกระดูกไหล่ส่งเสริมการผลิตเซลล์ป้องกันสุขภาพ จักระที่เข่าเป็นแหล่งรวมพลังอีกจุดหนึ่งของร่างกายส่วนล่าง และจักระที่ฝ่าเท้ารับพลังจักรวาลจากโลกเข้าสู่ร่างกาย พลังภายในร่างกายมีการไหลเวียนติดต่อกัน เรียกว่า ทางเดินของพลังฮาร่า (Hara Line) ซึ่งจะมีฐานหมุนเวียนพลังตามจุดต่างๆ เรียกว่า คุนดาลินี (Kundalini) คล้ายกับการหมุนเกลียวของ ดี.เอ็น.เอ. ซึ่งเป็นที่ประหลาดใจว่า สมัย 200 ปีที่แล้ว ภูมิปัญญาโบราณสามารถรู้ลึกซึ้งถึงขั้นนี้ได้

ผู้อ่านอาจจะตั้งคำถามว่า ทำไมเราต้องให้ความสนใจคำว่าจักระด้วย ก็แค่ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เคี้ยวช้าๆ ย่อยให้สมบูรณ์ หลับให้สนิท ทำใจให้มีความสุข แค่นี้ก็ถูกสุขลักษณะของการดำรงสุขภาพที่ดีพอสมควรแล้วมิใช่หรือ คำตอบก็คือ คงมีสักวันที่เรานั่งในที่สาธารณะ เช่นดูหนัง คนเกิดจามแพร่เชื้อโรค กลับถึงบ้าน เราก็ไอ แถมมีไข้ ทีนี้เราจะทำอย่างไร ก็ไปซื้อยาแทมิฟลูมาแก้ไขหวัดใหญ่ แต่ไม่ทันการณ์ เพราะกว่าจะกลับถึงบ้าน อาบน้ำ ทานข้าว ดูทีวี แล้วจะเข้านอน เชื้อโรคได้เจริญเติบโตภายในครึ่งชั่วโมง เจริญเชื้อแพร่พันธุ์มากเกินยาจะระงับทัน เราก็ตัวร้อนไข้ขึ้นสูง นอนกับเตียงไป 2 สัปดาห์ กว่าจะชนะไข้หวัดใหญ่ได้ ที่นี้ย้อนกลับมาตอบคำถามตอนที่ว่า เรามีความรู้เรื่องจักระ พอปวดศีรษะ เป็นไข้ ตัวร้อน เราก็รู้วิธีบำบัดด้วยวิธีจักระ เป็นต้นว่า กลับถึงบ้านแล้ว อาบน้ำอุ่นมากหน่อย อย่าให้ตัวเย็น เพราะเมื่อร่างกายมีความร้อนสูงจะช่วยให้เซลล์ต้านทานเชื้อไวรัสได้ดีกว่า จากนั้นก็ทานข้าวต้มร้อนๆ กับไข่ทอดใส่น้ำไม่ใส่น้ำมัน เพื่อไม่ให้ไอเพราะคันคอจากน้ำมันทอดไข่ จากนั้นก็จิบน้ำชาใบย่านางอุ่นจัด หรือน้ำชากระเจี๊ยบแดงพุดทราจีนเติมมะตูมแห้งให้ชุ่มคอ แล้วทานยา หรือไม่ทานยาแทมิฟลูก็ได้ ทำสมาธิ เสร็จแล้วจับฝ่ามือที่กระหม่อม รวมจิตที่กระหม่อม อาราธนาหลวงปู่ดาสิรา นราดา ช่วยส่งพลังให้คุณมีกำลังจิตแข็งแกร่งในการต่อต้านรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ที่กำลังมา อีกมือหนึ่งจับที่จักระตรงคอ เพราะเป็นสิ่งที่ระคายเคืองทำให้ไอ เนื่องจากร่างกายพยายามกำจัดไวรัสออกไปจากร่างกายโดยการไอเอาไวรัสออกไปจากการหายใจเข้าทางจมูกไปติดที่คอ ซึ่งมีเสมหะคอยดักไว้ ไม่ให้ผ่านเข้าร่างกาย

นั่งทำสมาธิจิตรักษาตัวเองสัก 2-3 นาที แล้วสวดมนต์ ถ้าถามว่า บทไหนดีก็ตอบว่า บทที่เคยสวด หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทโพชณังคะปะริตตัง เพื่อให้หายจากการเจ็บป่วย ถ้าถามว่าจะไปหาได้ที่ไหน คำตอบคือหนังสือบทสวดมนต์มหัศจรรย์ โดยพระอาจารย์ ชลินทร์ (ปิ่นวัฒนะ) ธมมวทฒโณ วัดบ้านป่านาบุญ รวบรวมไว้

สาเหตุที่ใช้การทำสมาธิ และรักษาตัวเองด้วยจักระ ก็เพราะว่า เป็นการรวบรวมจิตเป็นหนึ่ง ทำให้มีโลหิตสูบฉีดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น เมื่อสมองมีกำลัง เซลล์ก็จะแข็งแรง เซลล์ดีก็กำจัดไวรัสได้ผลดีมากขึ้น เห็นหรือยังว่า จักระมาช่วยให้คุณไม่เป็นไข้หวัดใหญ่ได้อย่างไร ก่อนคุณขึ้นเตียง คุณก็เปิดผ้าห่มไฟฟ้าอุ่นเตียงไว้ก่อนสักชั่วโมง ก่อนเข้านอน ก็ปิดสวิตช์เสียก่อน อย่านอนหลับ ทั้งๆ ที่เปิดสวิตช์ไฟฟ้าผ้าห่มไว้ เพราะร่างกายของคุณจะไม่สามารถปรับตัวทนร้อนทนหนาวตามธรรมชาติได้ การใช้ผ้าห่มไฟฟ้าไม่ใช่ใช้ห่มเพราะจะทำให้เหงื่อแตก แต่ให้ปูเตียง แล้วทับด้วยผ้าปูที่นอนอีกชั้นหนึ่งเพื่อความปลอดภัย และความสบายตัว และเป็นการป้องกันไม่ให้ร่างกายเคยกับการมีอุปกรณ์ช่วยเสียแล้ว เลือดจะไม่ปรับตัวเข้ากับสภาวะอากาศแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

นอกจากความรู้พื้นฐานในการบำบัดรักษาด้วยจักระแล้ว คุณต้องมีความรู้ว่า อวัยวะร่างกายของคุณ อยู่ตรงไหน ทำหน้าที่อะไร จักระเรียกว่าอะไร สีอะไร ภาวนาสำหรับจักระนั้นว่าอย่างไร ออกกำลังจักระอย่างไรให้แข็งแรง ฝึกหายใจอย่างไรให้เซลล์ได้รับออกซิเจนพอเพียงต่อการสังเคราะห์อาหารไปใช้ประโยชน์ และมีความสามารถในการวิเคราะห์ร่างกายด้วยวิธี “เร็คคี้” อย่างไร ความรู้เหล่านี้ ผู้เขียนเรียนจากอเมริกาผสมผสานกับวิธีการบำบัดของเมืองไทย ประกอบกับวิธีการสอนเรื่องสุขภาพที่อเมริกามา 30 ปี รวมเป็นหลักสูตรที่สอนอยู่ในปัจจุบัน คนไทยเรามีความรู้ด้านนี้ดีพอสมควร ไม่มีคนไทยอยู่ในชั้นเรียนเลยแม้แต่คนเดียว

ผู้เขียนกำลังปรับปรุงหนังสือภาษาไทย และมีโครงการที่จะเปิดรับการบำบัดฟรีแก่คนทั่วไป หากโครงการสัมฤทธิ์ผล ก็รอรับการบำบัดจากที่จะมีเสนอให้ต่อไปในอนาคต ตอนนี้ควรหาความรู้เพิ่มเติมเรื่องจักระไปก่อน หากไม่มีเวลาเรียน ก็คอยซื้อหนังสือไทยหรือสมัครเป็นผู้รับการบำบัดเมื่อมีโอกาส

วิชานี้จะช่วยให้เยาวชนมีจุดมุ่งหมายชีวิตที่ชัดเจนขึ้น เพราะเขาจะรู้ว่าความสนใจในชีวิตอนาคตอยู่ที่ไหน เราจะชี้แนะเขายากเพราะเราไม่รู้ความคิดก้นบึ้งของแต่ละคน ผู้เขียนดูวิธีการปลูกฝังความคิดของชาวญี่ปุ่น ก็พอจะมองออกว่า เขาสร้างเยาวชนให้เป็นสมองอันชาญฉลาดให้ประเทศอย่างไร ผู้เขียนเลือกสอนวันเสาร์ตอนบ่าย เพื่อให้เยาวชนปลีกเวลามาเรียนได้ และผู้ใหญ่ควรสนับสนุน เพราะเป็นการเปิดทางให้ความคิดของผู้ที่กำลังจะเติบโตทางสมองและร่างกาย สามารถกำหนดแนวอนาคตที่ตนสนใจได้ ญี่ปุ่นนำนักบินอวกาศหญิงมาสอนเยาวชนที่กำลังเรียนอยู่ระหว่างเกรด 4-5 เพื่อให้เด็กสนใจถามคำถามที่จะเปิดทางความคิด เผื่อจะมีเยาวชนสนใจเป็นนักค้นคว้ายานอวกาศ หรือสนใจไปอวกาศในอนาคต และเขาจะไม่ปิดความคิด ใครอยากจะคิดอะไรก็ส่งเสริมในทางที่ดี เราจะต้องสร้างประเทศไทยให้ถูกทิศ มีโอกาสเปิดให้แล้ว เพราะไม่มีคนโกงทรัพยากร อนาคตของชาติเราอยู่ที่ทรัพยากรที่รุ่นเราสร้างไว้ให้เยาวชนรุ่นนี้ ขอให้สนับสนุนทางสมองไว้ก่อน เรื่องชื่อเสียงความงามของดาราหรือนางสาวไทยต่างๆ เป็นส่วนดึงดูดเท่านั้น