สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
พลังแห่งรัก

ท่านผู้อ่านเบื่อหรือยังค่ะ มีแต่เรื่องสุขภาพ จะกิน จะนอน ท่าเดียว ผู้เขียนกำลังเบื่อ ไม่รู้จะเขียนเรื่องสุขภาพอะไร นึกถึงเพลงของก๊อต จักรพันธ์ ที่ว่า สวดมนต์คาถามหาอะไร แฟนผมมีรักใหม่ สิ้นสดใสแสนเศร้า มัวแต่ท่องคาถา นึกว่าท่านช่วยเรา(ที่ใหนได้ ม.ค.ป.ด.เสียแล้ว) เหมือนกับเรื่องสุขภาพนี่ก็เช่นเดียวกัน มัวแต่ระวังโน้นกินนี่พอถึงเวลาจะไปก็ได้แต่นึกแค่ พุทโธ เท่านั้น ผู้เขียนเลยนึกไม่ออกว่าจะเขียนเรื่องอะไรเลยอยากจะเขียนอะไรให้โรแมนติกเสียหน่อย ทั้งๆที่ไม่ได้คิดเลยว่าสุดสัปดาด์นี้คือวันแห่งความรัก เรียกว่ามีสิ่งเบื้องบนมาดลสมองให้เขียนเรื่องความรักเอง ไม่ได้ตั้งใจเลย

ใหนๆ ก็อยู่ในหัวข้อของสุขภาพ จะเขียนเป็นนิยายโรแมนติกมากนักก็นอกเรื่องแท้ที่จริงการจะมีสุขภาพดี ต้องมีความรัก นี่เป็นไปตามนิยามของสถาบันแอสทาร่าสถาบันนี้ค้นคว้าและปฏิบัติการทางจิตและวิญญาณในการบำบัดรักษา ก่อตั้งโดยดอกเตอร์โรเบิรต์ เซนนี่ และดอกเตอร์เออร์ลิน เซนนี่ ผู้เขียนไม่ซาบซึ้งในอุดมการณ์ของสถาบันในเรื่องของจิตวิญญาณนัก แต่รู้สึกสดุ้งใจและเห็นด้วยอย่างมาก ในหลักการที่ว่าจะมีสุขภาพดีได้ ต้องมีความรักอะไรสักอย่าง

1.รักใครสักคน
2.รักตัวเอง
3.รักสัตว์เลี้ยง
4.รักสถาบัน
5.รักอุดมคติ

ยังมีอีกหลายรายการผู้เขียนขี้เกียจยกอุทาหรณ์ เอาเป็นว่า คุณจะมีสุขภาพดีได้ ถ้ามีความรัก หยุดตรงนี้นิดหนึ่ง แล้วนึกว่าจริงใหม

เมื่อผู้เขียนมีอายุได้ประมาณสิบขวบ พี่เขยของข้าพเจ้าเป็นทหารเสียชีวิตจากรถจิ๊บพลิกคว่ำที่ทางโค้งที่ภาคอิสานในการไปราชการซ้อมรบที่ชายแดน เวลาประมาณ สิบหกนาฬิกาเศษ วันเดียวกันนั้นประมาณ สองทุ่ม ก็มีทหารหลายคนมาส่งข่าวที่บ้าน ซึ่งผู้เขียนอยู่ที่นั่นด้วย ทหารนำแหวนพลร่มและของส่วนตัวของพี่เขยมามอบให้ที่บ้านพร้อมทั้งบอกข่าว แน่นอนว่าพี่สาวร้องให้มากมาย ตอนที่เราอยู่พร้อมหน้ากันนั้น เราได้ยินเสียงร้องเท้าบูทกระทบถนนซีเมนต์ เป็นเสียงเดินของทหาร ซึ่งมีจังหวะเสียงประจำตัวกันไป คุณแม่ของผู้เขียนบอกว่า สงสัยจะมีทหารมาอีกมั๊ง เอาไฟฉายส่องทางดูสิ เมื่อฉายไฟเสียงรองเท้าบูทที่ผู้เขียนเรียกว่าไอ้โอ๊บก็เดินออกไปจากบ้าน มีเสียงโซ่คล้องประตูตามมาแสดงว่าทหารนั้นเดินกลับออกไป พวกเราก็มองหน้ากัน ไม่ได้วิจารณ์อะไรให้สยองเพิ่มขึ้นตกดึกคืนนั้น ผู้เขียนและคิดว่าทุกคนได้ยินเสียงร้องให้ที่กอข่า ผู้เขียนยังไม่รู้จักผีก็ไม่รู้ว่าอะไรก็ไม่มีใครพูดถึงเสียงนั้น ตอนประมาณตีสี่ พี่สาวของผู้เขียนซึ่งเป็นหม้ายหมาดๆ กระโจมมายังเตียงที่ผู้เขียนนอนกับแม่ แล้วเล่าว่า พี่เขยมาหาเหมือนว่าฝันไปบอกว่าเขาเป็นห่วงที่พี่สาวกำลังท้อง อยากชวนไปอยู่ด้วยกัน แล้วก็เอามือกุมที่คอพี่สาวก็จับมือนั้น บังเอิญไปถูกแหวนพลร่มที่บนนิ้วที่จับคอหอยอยู่ ก็จำได้ว่า แหวนนี้พึ่งได้คืนมาตอนหัวค่ำนี้เอง เอ๊ะ พี่ตายไปแล้วนี่ ไม่ไหวแล้ว หนูโจนดีกว่าว่าแล้วก็วิ่งประโจนมาหาคุณแม่ที่เตียงที่ผู้เขียนนอนอยู่ด้วย นี่คือเรื่องของความรัก ที่ตายแล้วยังมีพลัง เรื่องนี้ยังไม่จบแค่ตอนเดียว เพราะวันหลังนานพอสมควร เราไปที่ตลาดท้องสนามหลวง ซึ่งเป็นตลาดนัด เราก็แวะซื้อของจากยายคนหนึ่ง นัยว่ามาจากอิสานยายเล่าโดยไม่รู้เรื่องครอบครัวของเราบอกว่ามีทางโค้งตรงนั้นที่ทหารตายเพราะรถจิ๊บคว่ำ เคยมีคนตกปลานอนหลับใต้ต้นไม้ตรงทางโค้ง แล้วรถแฉลบไปทับแกตาย แล้วก็มีทหารรถคว่ำตายตรงที่เดียวกัน หลังจากทหารเสียชีวิต เขาต้องตั้งศาลเพียงตา เพราะเฮี้ยนมากถ้าใครขับรถตรงทางโค้งไม่บีบแตรหรือทำความเคารพศาล รถจะเสียหลัก หรือเครื่องดับเฉยๆ พวกเราก็ได้แค่มองหน้ากัน ไม่ได้บอกยายว่า ญาติพวกเราเองแหละยาย เพราะพี่เขยเป็นคนกล้าหาญ ชอบกระโดร่มเสี่ยงชีวิตจนเป็นคนห้าวหาญดุเอาการ เมื่อลูกคลอดออกมา พูดเก่ง ฉลาดเหมือนที่เขาว่า ผีสอน แต่ผู้เขียนไม่รู้ไม่เข้าใจเท่าไรนัก

ทางศาสนาพุทธนิกายมหายาน ใช้พลังแห่งความรักเป็นพลังอย่างหนึ่งในการบำบัดรักษาโรค ในสาขาวิชาเร็คคี้ซึ่งผู้เขียนสอนวิชานี้อยู่ในชื่อว่าการบำบัดด้วยเร็คคี้และจักระ ในฐานะที่ใช้ศาสตร์นี่เผยแพร่เพื่อการบำบัดผู้เขียนก็ส่งพลังแห่งความรักไปยังบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งเขาขับรถไปกับภรรยาแล้วถูกรถคันอื่นชนเอา ต่อมาภรรยาเสียชีวิตเขาก็เสียใจมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ ใหนจะเสียคนที่รักมาก ใหนจะเสียใจที่ทำให้ภรรยาเสียชีวิต ใหนจะหว้าเหว่ขาดคู่ที่เคยอยู่ด้วยกันมา ถึงแม้จะเป็นชายอกสามศอกก็ยังเสียใจทั้งอกทั้งใจไปทั้งหมด ด้วพลังแห่งความรักที่ผู้เขียนส่งไปรักษา ไม่ช้าก็มีคนทักเขาว่าทานอาหารได้แล้วนี่ ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น นี่แค่ส่งพลังแห่งความรักไปบำบัดเท่านั้นนะ ไม่ได้ส่งอะไรอย่างอื่นเลย ท่านผู้อ่านลองใช้วิธีนี้ดูก็ได้ ว่าจะเป็นจริงแค่ใหน

สัตว์ก็เช่นเดียวกัน จะมีสัญชาตญาณแห่งความรัก เป็นต้นว่า เขาจะจำเสียงเดินได้ว่าคนนี้เคยให้อาหารแก่เขา คนนี้ขัยรถจอดที่ตรงใหน เขาจะมาหาถูกและเวลานำอาหารไปให้เขา เขาจะมาดมหัวแม่เท้า แสดงอาการแห่งความรัก ถ้าเป็นคนอื่นเพียงแต่เปิดประตูบ้าน เขาก็วิ่งหายตัวไปแล้ว ผู้เขียนบอกสัตว์ทุกตัวไว้ว่า รักษาตัวให้ดีนะเขาก็ทำตาม และจะออกจากที่ซ่อนเมื่อเห็นผู้เขียนอยู่แถวนั้น

มีข่าวทางทีวีที่สะเทือนใจมาก เมื่อสุนัขตัวหนึ่งวิ่งตามรถเจ้าของเป็นชั่วโมงเจ้าของยิงตัวตายในรถ สุนัขก็ยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เป็นชั่วโมง จนกระทั่งสถานดูแลสัตว์สามารถนำตัวสุนัขนั้นไปได้ เราก็โล่งใจ แต่หารู้ไม่ว่า สุนัขที่รักเจ้าของมากขนาดนั้นจะคิดอย่างไร จะเข้าใจความรักของเจ้าของที่ไปรักสาวแล้วสาวเขาไม่รักเลยยิงตัวเองตาย แล้วหมาจะรักใครอีก เพราะสุนัขคงคิดว่าคนช่างทรยศต่อความรักของมันเสียจริง

น้องหมาของผู้เขียน เวลาเขาฝันร้ายตื่นกลางดึก เขาจะมาตะกุยข้างเตียงร้องให้ เรารู้ว่าเขาคิดถึงเรา และตื่นกลางดึกเนื่องจากกลัวจะมาหา เพราะเรารักเขา ทำให้เขาหายกลัวได้ นี่คือพลังแห่งความรัก ระหว่างคนกับเดรัจฉาน

ย้อนกลับมาวิจัยปรัชญาของสถาบันแอสทาร่า ว่าการจะมีสุขภาพดี ต้องรักอะไรสักอย่างหรือหลายอย่างไม่จำเป็นต้องมีคู่รักถึงจะมีสุขภาพดีแต่คนมีความรักมักมีความสุข เจ้าตัวนี้เองทำให้การสื่อสาระหว่างเซลล์เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ไม่ขาดหล่นหน้าที่แล้วสุขภาพก็จะดีเอง พูดอีกก็ถูกอีก

ฉะนั้น ลองรักเพื่อนบ้าน ลองรักสัตว์ ลองรักตึกที่เราอยู่ ลองรักเตียงที่เรานอน ลองรักหมอนที่เราหนุน แค่นี้เราก็นอนหลับสบาย ฝันหวานว่า นอนอยู่กับความรัก นอนอยู่ในความรัก คุณเอ๋ย ชีวิตเรานี้สั้นนัก อย่าไปหาเรื่องฟ้องชาวบ้านอยู่เลยอยู่เป็นสุขเป็นสุขเถิด หัดรักคนรอบตัวเสียบ้าง จะได้อยู่ในโลกอันงดงามนี้ไปอีกนานๆ

คนเรานั้นโดยมากรักตัวเอง เห็นตัวเองเป็นใหญ่ เป็นบุคคลสำคัญ ก็ดีเหมือนกัน ที่รู้จักรัก อย่างน้อยก็รักตัวเองเป็น จะได้มีน้ำใจพอสำหรับคนอื่นต่อไป

วันแห่งความรัก มีไว้ให้เราจัดบ้านเสียใหม่ ทำอาหารที่แปลกเสียบ้างและหาคนที่ทำให้เรารักสักคน หรือหาแมวที่รักเราสักตัวแล้วคุณก็จะรู้จักมีความรักจะได้มีสุขภาพดีไปอีกนาน

แฮบปี้วาเลนไทน์ค่ะ ทุกๆ คน ขอให้มีความรักที่มีความสุข มีสุขภาพดี ทั่วหน้ากัน อย่าหาเรื่องกวนใจคนอื่น เราก็จะมีสุขภาพดี เป็นที่รักของทุกๆ คน