สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
ความอยู่รอดแห่งชีวิต

เวลาคุณเห็นข่าวสตรีขับรถตกเหวยังมีชีวิตอยู่ได้ 6 วัน หรือข่าวที่ชายอายุ 82 ปียังมีชีวิตอยู่หลังจากพลัดกับเพื่อนหลงทางไปคนเดียวไม่มีน้ำดื่มอยู่ 12 ชั่วโมง จนคนเอาเฮลิคอปเตอร์ไปรับได้ หรือคนที่เป็น Stunt ขับมอเตอร์ไซด์ข้ามรถที่จอดไว้ 52 คัน หรือ รถเมล์เรียงกันได้ 16 คันพ้น นั่นคือต้องอยู่ในความเร็วอย่างน้อย 80 ไมล์ต่อชั่วโมงเพื่อให้เหมาะกับระยะทางที่รถมอเตอร์ไซด์ลอยตัวสูงพอที่จะข้ามสิ่งกีดขวางไปในอากาศได้ หรือพระสงฆ์ที่เดินธุดงค์ไปในป่าเพื่อหาความสงบวิเวกจนกว่าจะพบบ้านคนนำอาหารมาถวาย หรือข่าวระดับโลกที่นักฟุตบอลรุ่นเด็กอายุระหว่าง 11-16 ปีติดอยู่ในถ้ำที่เชียงราย 10 วันกว่านักดำน้ำจะไปพบและช่วยชีวิตได้ หรือข่าวที่สุนัขตกหลุมลึกอยู่หลายวัน กว่าคนจะขุดอีกหลุมหนึ่งใกล้ๆ กันเพื่อทำอุโมงค์ไปหาสุนัขและช่วยชีวิตได้ มิฉะนั้นดินอาจถล่มไปทำอันตรายต่อสุนัข คุณเคยฉุกคิดไหมว่าความทนทานเพื่อความอยู่รอดแห่งชีวิตทั้งสัตว์และคนอยู่ที่ไหน ชีวิตมีอะไรที่ช่วยให้อยู่รอดได้เป็นเวลานานเช่นนั้น

เรารู้ว่าต้องมีอากาศหายใจเป็นอันดับแรกของชีวิต และออกซิเจนเป็นตัวสำคัญ เวลาเราทำปฐมพยาบาลให้ผู้หมดสติ เราใช้ลมปากเป่าเข้าไปในปากของผู้หมดสติ ลมปากมีอากาศหลายชนิดทั้งไนโตรเจน ออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ อากาศที่เป็นประโยชน์ต่อผู้รับการปฐมพยาบาลคือออกซิเจน สามารถช่วยให้เกิดพลังงานในร่างกายของผู้หมดสติได้ ยกเว้นกรณีที่จ่าแซมอดีตทหารเรือหน่วยซีลที่ใช้พลังแรงกายมากจนระดับอากาศไม่เพียงพอกับความต้องการของหัวใจในการสูบฉีดโลหิต ถึงกับกล้ามเนื้อหัวใจหยุดเต้น และขาดอากาศเป็นเวลานานเกินกว่าจะปฐมพยาบาลกล้ามเนื้อหัวใจให้ทำงานอีกได้ ถึงกับเสียชีวิตในระหว่างอาสาสมัครนำถังอากาศไปให้นักฟุตบอลในถ้ำ

เรารู้ว่าภาวะความนึกคิดช่วยให้มีพลัง พลังเป็นตัวสำคัญในการดำรงชีวิตไว้ได้ อย่างในกรณีนักฟุตบอลที่ติดอยู่ในถ้ำสิบกว่าวัน ไม่มีอาหารที่จะสันดาปเป็นพลัง ได้รับเพียงน้ำที่หยดจากหลังคาถ้ำ มีอากาศหายใจคือออกซิเจนเพียง 15 เปอร์เซ็นต์ในขณะที่ปกติร่างกายต้องการ 20 เปอร์เซ็นต์ โชคดีที่ผู้ควบคุมทีมที่ไปด้วยเคยเรียนสมาธิบวชเป็นพระมาก่อน ได้สอนให้เด็กทุกคนทำสมาธิ เรารู้ว่าสมาธิช่วยให้มีออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง 80 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเวลาสมาธิ เราไม่ได้ใช้พลังงานสำหรับแรงกายส่วนอื่น แม้แต่ความคิดก็เป็นความว่าง คือถึงจุดหนึ่งของสมาธิ จะเกิด ความว่าง คือไม่คิดอะไรเลย

ศูนย์รวมของพลังร่างกาย ประกอบด้วยธาตุ 4 เรียกว่า ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ศาสตร์จีนเพิ่มอีกหนึ่งธาตุ เรียกว่า ธาตุไม้

1. ธาตุดิน ได้จาก ม้าม

2. ธาตุน้ำ ได้จาก ไต

3. ธาตุลม บางทีเรียกว่า โลหะ ได้จาก ปอด

4. ธาตุไฟ ได้จาก หัวใจ

5. ธาตุไม้ ได้จาก ตับ

เมื่อมีการเจ็บป่วย หมายถึงว่าพลังจาก 5 แหล่งทำงานไม่สมดุลกัน หมอจีนใช้มือแตะตรงจุดสัมผัสที่เกี่ยวข้อง สามารถช่วยให้พลังทั่วไปเกิดความสมดุลทั่วร่างกาย ผู้เขียนเรียนวิธีการใช้พลังเร็คคี้เพื่อบำบัดจักระหรือศูนย์รวมอวัยวะภายในร่างกายจากเมืองไทย และสอนวิชานี้ให้คนอเมริกันที่โรงเรียนผู้ใหญ่เมืองเบอร์แบงค์ เขานำไปใช้บอกว่าได้ผลในแง่ของนักจัดกระดูก ใช้วิธีอ่านการคลาดเคลื่อนของกระดูกเพื่อพิจารณาการเจ็บป่วยของร่างกาย

ในแง่พลังจักรวาล จัดพลังไว้ 4 ประเภทเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่เป็นพลังธรรมชาติ นอกร่างกาย ประกอบด้วย

1. Gravity Force แรงโน้มถ่วง เป็นแรงดึงดูดระหว่างวัตถุที่มีมวลสารต่างกัน เช่น ดวงอาทิตย์ดึงดูดให้โลกหมุนอยู่รอบๆ และโลกดึงดูดวงจันทร์ไว้ เนื่องจากดวงจันทร์มีมวลสารน้อยกว่าโลก ก็ต้องหมุนอยู่รอบๆ โลก หนีไปไหนไม่ได้

2. Electromagnetic Force ที่เรียกว่าเป็นแรงแม่เหล็กไฟฟ้า เช่นไฟฟ้าตามบ้านที่เราใช้อยู่ มิสเตอร์เจมส์ เคลิร์ก แมกซเวลส์ บอกว่าสองอย่างนี้เป็นสนามเดียวกัน เรานำมาใช้ในวิทยาการของสัญญาณมือถือ อินเตอร์เน็ต สัญญานไวไฟ เครื่องปั่นไฟ อเดปเตอร์โน๊ตบุ๊ค สายยูเอสบี

3. Strong Nuclear Force เป็นพลังแรงนิวเคลียร์อย่างเข้มที่มีพลังมากที่สุดที่ดึงดูดให้อะตอมอยู่กับโปรตรอนที่มีขั้วเดียวกันได้ เมื่อแยกแรงนิวเคลียร์อย่างเข้มก็ไม่มีสสารในจักรวาล

4. Weak Nuclear Force เกิดระหว่างการแปรธาตุจากชนิดหนึ่งไปอีกอย่าง ใช้ประโยชน์สำหรับการอ่านอายุวัตถุโบราณ เพราะการเปลี่ยนสถานะของวัตถุต่างๆ ตามอายุ

5. แรงที่ 5 นี้กำลังอยู่ในการทดลอง เลยเรียกชื่อไปพลางๆ ว่า Photophobic x Boson อันนี้ยังไม่ได้ใช้ทำประโยชน์ หากใครค้นพบอนุภาคก่อน สมมุติว่าเป็นเกาหลีเหนือ อาจจะไม่เสียดายที่เซ็นสัญญายกเลิกอาวุธนิวเคลียร์กับประธานาธิบดีทรัมป์ก็อาจเป็นได้

สาเหตุที่ยกเรื่องพลังมาเปรียบเทียบกันระหว่างคนสัตว์และธรรมชาติ เพียงต้องการรู้ว่าคนเรามีชีวิตอยู่ได้เพราะอาศัยพลังจากธาตุในร่างกายนี้แหละในการดำรงชีวิต ใครก็ตามที่สร้างมนุษย์ขึ้นมา ก็ต้องมาจากความต้องการพลังแห่งชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ ฉะนั้น การทำงานของหัวใจ ปอด ม้าม ไต และตับ เป็นสิ่งสำคัญทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องมาจากสมองซึ่งเป็นการทำงานของระบบไฟฟ้าที่จะสื่อสารสัญญาณไปยังอีก 5 ส่วนดังกล่าวนี้ทำให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ อีก 5 ส่วนของพลังชีวิต ได้แก่กลุ่มเซลล์ต่างๆ ที่สื่อสารกัน เรียกว่ากลุ่ม quark ที่ทำหน้าที่ดังวิญญาณ หรือ spirit คือการติดต่อกันระหว่างเซลล์ให้ทำหน้าที่ ต่างๆ ได้แก่

1. การย่อยแยกสารอาหารไปสู่อวัยวะที่ต้องการสารนั้น

2. ซ่อมแซมเซลล์ที่บกพร่อง

3. กำจัดของเสียที่เซลล์ไม่ต้องการใช้ เพื่อให้เซลล์บริสุทธิ์ มิฉะนั้นก็เกิดสิ่งที่บั่นทอนชีวิต เรียกว่า โรค

4. เพิ่มพลังงานที่ร่างกายต้องการ

ในการนี้ ร่างกายสร้างสารที่อำนวยความบริสุทธิ์ของโลหิตที่จะส่งสารอาหารหรือสารไปยังส่วนที่ต้องการเพื่อการดำรงชีวิต จึงเห็นได้ว่าเพราะเหตุใดในสถานการณ์คับแต้น ขาดอาหาร ร่างกายจึงยังคงรักษาชีวิตไว้ได้ สารนี้ชื่อว่า Globulin A เป็นกรดไขมันที่จะทำให้โลหิตบริสุทธิ์มีคุณภาพในการทำงานของ quark หรือการติดต่อสื่อสารระหว่างเซลล์ เพื่อการยังชีวิตได้ยาวนานในภาวะขัดสน ถ้าเรียนวิชาการแพทย์ก็คงจะอธิบายระบบการร่วมมือของพลังในร่างกายได้ดีขึ้น ในขณะนี้ เราเหมาเอาว่า น้ำที่ร่างกายมี หรือได้รับ คือพลังโมเลกุล 8 ทิศทางที่จะช่วยการดำงชีวิต ผู้เขียนเห็นตัวอย่างจากตัวเองเมื่อขาดน้ำ ถึงกับหงายหลังตึง ต้องนอนโรงพยาบาลให้น้ำเกลือ 3 ขวดครึ่ง จนต้องบอกว่าปวดหัวแล้วจ้า สงสัยน้ำเกลือมากไปแล้ว ในน้ำเกลือกมีสารไวตามินบีที่จะสร้างกรดไขมันจากแป้ง เพื่อช่วยให้เราสามารถสร้าง Globulin A และไวตามินบีอื่นๆ ทุกรูปแบบที่จำเป็นสำหรับระบบประสาท เช่น บี1 กำจัดคาร์บอนไดออกไซด์จากเซลล์ บี2 สร้างริโบฟลาวิน สำหรับสร้างกรดไขมัน และอะมิโนแอซิตที่จะใช้สร้างโปรตีน บี3 สร้างเม็ดเลือดแดง บี6 ช่วยน้ำโปรตีนไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อเซลล์ บี7 ช่วยสร้างกรดไขมัน บี9 สำหรับสร้างโปรตีนและสร้างโมเลกุลจำเป็นสำหรับระบบประสาท บี12 ช่วยให้เม็ดเลือดแดงทำงานได้ผลในการบำรุงเลี้ยงเซลล์ และไวตามินซีช่วยให้การทำงานของสมองให้ปราศจากปัญหา และช่วยความจำ

นอกจากนี้ น้ำเกลือช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ (Dehydration) อย่างที่ผู้เขียนประสบมาแล้วจากการอาเจียนและท้องเดินพร้อมกัน แพทย์บอกว่าสงสัยจะมาจากไวรัส เพราะมีผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลฉุกเฉินแห่งนี้พร้อมกัน 4 คนแล้ว และผู้ช่วยของผู้เขียนก็ป่วยด้วยอาการท้องเดินมาก่อนแล้ว 2 สัปดาห์

อย่างน้อยการคิดไปเรื่อยเปื่อยของบทความนี้ ก็คงตอบข้อสงสัยได้ว่าทำไมคนถึงอยู่รอดได้นานในภาวะคับขัน เข้าใจว่าประการแรก มีน้ำ ประการต่อมา ก็คือภาวะจิตไร้ความวุ่นวาย มีสติในการสมาธิ ช่วยให้ร่างกายใช้ออกซิเจนให้เป็นประโยชน์ได้มากที่สุดต่อเซลล์ แพทย์จะตอบในฐานะแพทย์ว่าอย่างไร ไม่รู้ได้