สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ?

คุณผู้อ่านเห็นข่าวสตรีท่านหนึ่งอายุ 86 ปี วิ่งมาราธอนนิวยอร์กเป็นปีที่ 25 ไหม วิ่งไปดื่มน้ำไป หยุดไม่ได้ ผู้เขียนเคยมีเพื่อนชายอเมริกันวิ่งแอล.เอ.มาราธอนทุกปีในวัย 50 เขาวิ่งเป็นกิจวัตรทุกวัน แถมเข้าแข่ง Triathlons รวมว่ายน้ำผสมวิ่งและจักรยานด้วย กล้ามเนื้อแข็งแรง นอกจากวิ่ง ยังชอบปีนเขาอีกต่างหาก เขาวิ่งที่ Death Valley เป็นเรื่องเล็ก เวลามาบ้านผู้เขียน เขาวิ่งมา ขากลับผู้เขียนขับรถไปส่ง พอนึกถึงสตรีวัย 86 ปี ที่ยังวิ่งได้ 20 กว่าไมล์แล้วนับถือ ถ้าเราอายุขนาดนั้นคงไม่แน่ใจว่ายังเดินไหวไหม อายุแค่นี้ก็แทบเดินเป็นเด็กแล้ว นี่แสดงว่า สังขารกับตัวเลขไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กันเสมอไป อยู่ที่การดำเนินชีวิตประจำวันมากกว่า ชายอีกคนหนึ่งตามข่าวอายุ 82 ปี ไปเดินป่าหาที่ตกปลาแล้วพลัดกันกับเพื่อนชายอีกคน เนื่องจากต้องแยกกันแบกเต้นท์และสัมภาระอาหาร ผลปรากฏว่าชายอายุ 82 พลัดหลงไปนอกทาง ไม่มีน้ำดื่ม 12 ชั่วโมง โชคดีที่รอดชีวิตอยู่จนได้เฮลิคอปเตอร์ไปรับ นี่เรียกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังมี

เราเคยคิดว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงหรือไม่ ถามเพื่อนที่เก่งพุทธธรรม เขาว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริง เพราะเคยประสพด้วยตัวเอง ผู้อ่านหลายคนคงมีประสบการณ์ที่จะตอบได้ว่ามีจริงหรือไม่มี คนบาปหรือจิตคิดร้ายคงไม่เชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครลงโทษเขาได้ เพราะไม่มีพยานเห็น แต่ก็คงได้รับผลสนองตอบแล้ว คนที่เคยชกศีรษะผู้เขียน 3 ที เป็นชายอเมริกันแข็งแรง ภายหลังมีข่าวว่าเขาป่วยทางประสาท เข้าสถานพยาบาลแล้วไม่เห็นอีก หรือบางทีผู้เขียนนึกอยากกินหรืออยากได้อะไรก็มักจะได้สมใจอยาก หรือชายคนหนึ่งถูกล็อตโต้ 2 ครั้งในระยะเวลาใกล้กัน โอกาสที่จะเป็นไปได้เช่นนั้นมีแค่ 1 ใน 16 ล้าน เรียกว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย

อะไรคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าคิดว่าเป็น Law of Reciprocals ที่เราเคยพูดว่า คิดอย่างไรใจก็จะทำให้เป็นเช่นนั้น ดังที่ฝรั่งว่าไว้ Be careful of what you are thinking, it might happen that way. คงจะเป็นไปได้ เช่นเราสามารถส่งกระแสจิตสมาธิไปบำบัดผู้อยู่ไกลได้ แต่ถ้าเราคิดร้ายจะส่งใจไปทำร้ายเขาได้ไหม คงไม่ได้ เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องเขาอยู่ หรือบางคนรู้ล่วงหน้าว่าอะไรจะเกิด มักจะเกิดขึ้นจริง ต้องเป็นคนจิตดี จึงจะมีพลัง มีคนถามผู้เขียนว่ามาอเมริกาได้อย่างไร ต้องยกให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นคำตอบ เพราะถูกกำหนดให้มา อีกสองเดือนต่อมา ก็มีกฎหมายออกใหม่ยอมรับให้ถูกต้องตามสิทธิของพลเมืองอเมริกัน และได้เรียนต่อที่ School of Health and Human Services ดูเหมือนว่าถูกกำหนดโดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งๆ ที่พื้นฐานการศึกษาเป็นบริหารธุรกิจ โชคดีที่ไม่ใช่ด้านวิทยาศาสตร์พอที่จะเรียนสถาบันแพทย์ หรือ School of Medicine และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกนั่นแหละที่กำหนดให้มีอาชีพสอนที่อเมริกาตลอดมา แค่นี้ความจำก็หลงลืมแล้ว

ตอนนี้สังเกตว่า เพราะอะไรจึงได้รับความช่วยเหลือได้รับคำแนะนำจากสมาคมต่างๆ อยู่เสมอ แม้หลังออกจากโรงพยาบาลฉุกเฉินแล้ว ก็มีคนตามมาสอนวิธีการเดิน การหายใจ ให้อาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยดูอยู่หรือ ไม่ใช่คนแนะนำอย่างเดียว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชี้ทางด้วย เพราะตัวเองจะไม่รู้วิธีหรือมีอำนาจการติดต่อได้ ยังแปลกใจว่าเขาดูและถึงการเดิน การหายใจเชียวนะ เดี๋ยวก็คอยมาถามไถ่ เพื่อสอดส่องดูแล นี่เป็นเป็นอุทาหรณ์ว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ ฉะนั้น อย่าได้ประมาทคิดการร้ายต่อสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นพืชหรือสัตว์หรือคน ซึ่งคงจะได้เห็นด้วยตนเอง หรือเห็นจากที่คนอื่นประสบอยู่บ่อยครั้งว่า เหตุต่างๆ เกิดขึ้นโดยเรามิได้บงการ เช่นจากความฝันเป็นลางบอกเหตุ

ผู้เขียนเคยเขียนเรื่องพลังแห่งจิต และพลังจิต ว่าต่างกันตรงที่ว่า พลังแห่งจิตทำงานโดยสมองส่วนหน้า คือส่วนที่ทำหน้าที่ delicate thinking ส่วนพลังจิต หมายถึงอภิญญาเกิดจากการฝึกสมาธิจนแก่กล้า อาทิ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดสามารถดื่มได้ในยามคับขัน ผู้เขียนอ่านพบทีหลังว่าน้ำจืดสามารถไหลเป็นทางในน้ำทะเลได้ นั่นคือสิ่งพิสูจน์ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีวิทยาศาสตร์รับรอง หรืออย่าง Mr.Mesmer ที่สามารถใช้กระแสจิตบังคับสิงโตตัวผู้ให้ทำร้ายสิงโตตัวเมียได้ ซึ่งแทบไม่ปรากฏในความเป็นจริง เขาเลยบัญญัติศัพท์ว่า Mesmerism เมื่อเราใช้กระแสจิตบงการ เช่นเวลาอยากได้ที่จอดรถ

พระสงฆ์ผู้ฝึกสมาธิขั้นสูง สามารถส่งดวงแก้วให้ผู้เขียนรับได้ทางสมาธิและเห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย คือพระอาจารย์ไพบูลย์ นิสัยสุตานุยุค แห่งวัดตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ท่านมาพักที่วัดบ้านป่านาบุญของพระอาจารย์ชลินทร์ที่เมืองไวท์วอเตอร์หลายปีแล้ว เมื่อตั้งใจไปแวะเยี่ยมท่านที่วัดตากฟ้านครสวรรค์เมื่อ 2 ปีก่อน ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าพระอาจารย์ไพบูลย์ไปเยอรมัน ท่านเจ้าอาวาสอนุญาตให้ผู้เขียนและคณะพักที่บ้านพักรับรองของวัดตากฟ้า ผู้เขียนอยากจะเรียกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้ผู้เขียนได้มีโอกาสพบพระอาจารย์ไพบูลย์ ท่านได้ทำนายว่าดวงนี้ไม่ตายดอก แต่ชีวิตจะเปลี่ยนไป ดวงตาจะเห็นสัจธรรม ซึ่งก็ดูจะเป็นไปตามนั้น ครั้งหนึ่ง เมื่อผู้เขียนยื่นสองมือเพื่อรองรับพระที่พระสงฆ์จะมอบให้ ผู้เขียนทำสมาธิหลับตา ได้ปรากฏนิมิตเห็นเป็นพระสงฆ์รูปหนึ่งยืนถือบาตรโน้มกายคล้ายกำลังมอบของในบาตรให้กับผู้เขียน สิ่งนี้ผู้เขียนอยากจะเรียกว่าได้รับประทานจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบรรดาลให้เห็นนิมิต ซึ่งมาจากไหน มาได้อย่างไร เมื่อผู้เขียนไปปาล์มสปริง ได้เห็นเขาวางหินภูเขาก้อนหนึ่งเป็นแท่งสูงประมาณ 8 นิ้ว ภายนอกดูเป็นหินภูเขาธรรมดา แต่ชั้นในประกอบด้วยสีต่างๆ เริ่มแต่ขาวสลับน้ำตาลเรื่อยไปถึงชั้นยอดสีเขียว แล้วเปลี่ยนเป็นยอดสูงสุดสีชมพูซึ่งหายไปตอนคนขายหยิบใส่ถุง ผู้เขียนสะดุดตาตรงที่หินภูเขาสามารถเปลี่ยนสีต่างๆ ได้ตั้งแต่ชั้นนอกสุดสีน้ำตาลสลับขาว แล้วเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต แล้วเปลี่ยนเป็นสีชมพู ซึ่งคิดไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้ เพราะสีเย็นเปลี่ยนเป็นสีร้อน ซึ่งเป็นสีตรงกันข้าม และน่าประหลาดใจว่าแม้ภายนอกดูเป็นหินภูเขาทั่วไป แต่ภายในอาจเกิดสีต่างๆ ตามธรรมชาติสร้าง เช่นเขียวมรกตเปลี่ยนเป็นสีชมพู นี่คือความแปลกมหัศจรรย์ ทำให้เข้าใจได้ว่าหินที่เรียกว่าเพชรพลอยมีค่าสำหรับประดับสร้อยของเรานั้นเกิดได้เองตามธรรมชาติ และที่มนุษย์สร้างพระพุทธรูปแก้วมรกตขึ้น โดยอาศัยสีหินธรรมชาติเป็นตัวอย่าง เรียกได้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์สร้างหินธรรมชาติจากกำเนิดของภูเขา แม้ว่าภายนอกเป็นหินธรรมดา แต่ภายในอาจเป็นหินสีต่างๆ มีค่าหายากได้ เช่นเดียวกับพระสงฆ์ภายนอกดูธรรมดา แต่พลังจิตภายในแก่กล้าสามารถส่งดวงแก้วให้ผู้เขียนเห็นแสงฉัพพัณรังสีเป็นประกายระยิบระยับสีทองพุ่งจากดวงแก้วสีทองที่ดวงตาข้างซ้าย และแสงฉัพพัณรังสีเป็นประกายสีเงินจากดวงแก้วสีเงิน ณ ดวงตาขวา ตรงกลางหว่างตาปรากฏองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งหมดนี้อยู่ในระหว่างการสวดมนต์ของพระอาจารย์ไพบูลย์ เมื่อจบการสวด ท่านถามว่าเป็นไง ผู้เขียนเล่าให้ฟังตามที่เห็น ท่านบอกว่าใช้ได้ เห็นแสงฉันพัณรังสีแล้ว ท่านได้ให้พระสำหรับแขวนสามองค์ ซึ่งผู้เขียนแบ่งให้หลานชายคนโตไปสำหรับบูชาเป็นพระประจำตระกูล เพราะนัยนี้ ท่านผู้อ่านคงเห็นแล้วว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ฉะนั้น อย่าประมาท ทำดีไว้เถิด เมื่อยังมีชีวิตอยู่ จะได้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองเมื่อยามคับขัน ดูจากข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ว่า 10 นักโทษรอดตายจากการประหารชีวิตได้ราวกับปาฏิหาริย์ เช่น หญิงท้องคนหนึ่งต้องโทษประหารในฐานะเป็นแม่มด สามีถูกประหารแล้วแต่เธอได้รับการรอไว้จนคลอด และได้รับการปล่อยตัว อีกรายหนึ่งถูกแขวนคอ แต่กลไกไม่ทำงานถึง 3 ครั้งเลยได้รับการปล่อยตัว อีกรายหนึ่งถูกแขวนคอประหารแล้ว หลังจากนั้นถูกส่งไปโรงเรียนแพทย์เพื่อเป็นตัวอย่างในชั้นเรียนผ่าตัด เกิดหายใจได้ เลยได้รับการปล่อยตัวไป หญิงอีกรายหนึ่งถูกทำโทษด้วยการฝังครึ่งตัวและโดนก้อนหินขว้างให้ตายเพราะสงสัยว่ามีชู้ แต่เมื่อถูกส่งไปห้องดับจิตเพราะคิดว่าเธอสิ้นชีวิตแล้ว กลับหายใจได้ และมีอาการดีขึ้น เมื่อศาลทบทวนคดีแล้ว ก็ปล่อยตัวเธอไป อีกรายหนึ่งถูกตัดสินประหารชีวิตเพราะปล้น ถูกยิง 10 นัด นัดสุดท้ายยิงจ่อที่หัว กลับไม่ตาย หนีออกมาเล่าเรื่องได้ อีกรายหนึ่งถูกแขวนคอ 15 นาที จนคิดว่าเขาตายแล้ว เลยถูกนำไปห้องเก็บศพ เกิดฟื้นสามารถเล่าให้คนเฝ้าฟังว่า ตอนถูกแขวนคอเขารู้สึกเจ็บที่คอมาก ตอนที่ร่างถูกหย่อนเหมือนความเจ็บปวดไปรวมกันที่ศีรษะราวกับจะระเบิด จากนั้นเริ่มเห็นแสงสว่างมากจนตาพร่ามัวไปหมด ตอนนั้นความเจ็บปวดหายไปหมด เมื่อเชือกถูกตัด เลือดก็ไหลกลับไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทุกความรู้สึกกลับมาเหมือนเดิม ทั้งหมดนี้ผู้อ่านคิดว่ามาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือไม่