สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
อมตะแห่งฮอร์โมน

คืนนั้นเป็นคืนบลูมูน วันพุธที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 1999 ทางดาราศาสตร์โลกอธิยายว่าบลูมูนเป็นปรากฎการณ์ที่พระอาทิตย์ พระจันทร์ และโลก โคจรอยู่ในเส้นเดียวกัน และมีพระจันทร์เต็มดวงสองครั้งในหนึ่งเดือน คือ เมื่อเดือนมกราคมพระจันทร์เต็มดวงสองหน เว้นเดือนกุมภาพันธ์ แล้วเต็มดวงสองครั้งอีกหนหนึ่งในเดือนมีนาคม ปรากฎการณ์แบบนี้ไม่ใช่จะเกิดขึ้นง่ายๆ เกิดครั้งที่แล้วปี ค.ศ. 1918 และ เกิดครั้งต่อไปในปี ค.ศ. 2015

คุณติ๋วนอนหลับตลอดคืนบลูมูนอย่างไม่ได้คาดว่าจะตื่นขึ้นมาอีก หลังจากที่แพทย์ถอดสายยางให้น้ำเกลือโดยสิ้นเชิง แพทย์วินิจฉัยว่าหมดหวัง สามีสั่งเตรียมการให้คนมารับศพทันทีที่ได้รับแจ้ง แต่โทรศัพท์กลับกลายเป็นว่าให้รอไว้ก่อน ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ทุกคนผิดคาดและงุนงง แม้แต่แพทย์

คุณติ๋วตื่นขึ้นมาอย่างปกติตอนเช้า วันที่ 1 เมษายน ซึ่งเป็นวันเมษาพาโง่ (April’s Fool) เธอต้องการอาบน้ำสระผม แต่งตัว ไปนั่งเฝ้าดูสามีซึ่งเป็นสถาปนิกชาวอเมริกันทำงานออกแบบอาคารติดต่อกันเป็นเวลา 4 ชั่วโมงโดยมิได้พูดอะไรกัน หลังจากเสร็จงาน ทั้งสองคลอเพลง Love.. is a many splendored thing… it’s an April love that only grows in the early spring. Love… is a nature way of giving… แล้วเธอก็นอนหลับไปอีกครั้ง สักพักเธอมีอาการทุรนทุราย ต้องใช้พยาบาลถึง 3 คนประคองลุกขึ้น เพื่อที่จะสามารถหยดมอร์ฟีนเข้าปากเธอได้ เพราะร่างกายทุกส่วนของเธอแข็งและเนื้อตัวแห้งหมดแล้ว ทำให้หนักกว่าปกติ แม้แต่เข็มที่ให้น้ำเกลือก็ยังฝังอยู่ในเนื้อที่อก ไม่สามารถดึงถอดออกมาได้ ไม่มีทางป้อนน้ำเกลือเข้าเส้นเลือดอีก

ครั้งนี้มิใช่ครั้งแรกที่คุณติ๋วฟื้นจากการวินิจฉัยว่ามรณะแล้วโดยแพทย์ นับเป็นครั้งที่ 4 ที่คุณติ๋วกลับมาจากแดนสนธยา ครั้งที่ 3 เธอฟื้นขึ้นมาในห้องดับจิตขณะแพทย์ได้นำร่างของเธอไปไว้ในห้องนั้นแล้ว ตลอดคืนวันศุกร์ที่ 26 มีนาคม เธอตื่นขึ้นมาตอนเช้ารุ่งขึ้นวันเสาร์ที่ 27 เธอบอกว่า เธอฝันเห็นผู้ชายแต่งชุดขาวมานอนเคียงข้างบนเตียง และช่วยเธอไว้ เธอกลับมาครั้งที่ 3 ด้วยบุคลิกที่เปลี่ยนไป หัวเราะกร้าว ห้าวแบบผู้ชาย พูดจาดังโฉงเฉง แต่ค่อนข้างสับสน ลำดับความจำไม่ได้ และตอบไม่ตรงคำถาม ไม่ใช่บุคลิกธรรมดาที่อ่อนหวานแบบสาวชาวเหนือของคุณติ๋ว เธอบอกว่า เธอตายแล้วฟื้นมา 3 ครั้งแล้วค่ะ หลังจากนั้นเธอมีอาการแปลกๆ เป็นต้นว่าลุกขึ้นดึงสายยางจากการให้น้ำเกลือออก เปลี่ยนเตียงนอนเองลับหลังคนเฝ้า ทั้งๆ ที่เวลาอยู่ต่อหน้าผู้คน เธอนอนอยู่กับเตียงเฉยๆ จนกระทั่งคืนวันบลูมูนที่ 31 มีนาคม

คุณติ๋วไม่ได้รับประทานอาหารเป็นเวลา 26 วัน เธอมีมะเร็งในกระเพาะอาหารมาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว อาการเพียบจนเข้ารักษาในโรงพยาบาลในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1998 และเข้ารับการผ่าตัดเม็ดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะอีกในเดือนกุมภาพันธ์

คุณเพ็ญซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ได้รับการขอร้องจากพระ ดร.เฉลิม ว่ามีเธอคนเดียวที่คงพอจะช่วยให้คุณติ๋วมีชีวิตรอดได้ตอนนี้ มิฉะนั้น คุณติ๋วอาจไม่รอด สามีได้ฝากไข้คุณติ๋วไว้กับคลินิกดูแลคนป่วยแล้วตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม หลังจากคุณเพ็ญตกลงช่วยดูแลคนป่วยได้ 2 วัน คุณติ๋วมีอาการดีขึ้นมาก กลับมารักษาตัวอยู่กับบ้านได้ โดยการดูแลใกล้ชิดของพยาบาลและแพทย์ เพราะโรงพยาบาลไม่มีความหวังในการรักษาอีก

จวบจนลมหายใจสุดท้าย อะไรคือชีวิตของคุณติ๋ว

คำถามนี้ทำให้ต้องค้นคว้าหาคำตอบจากหนังสือและแพทย์ผู้รู้ ได้นึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับพลังของปิรามิด กล่าวว่า ปิรามิดมี 4 หน้า เพราะสร้างตามความเชื่อของอิยิปต์ว่า ชีวิตประกอบด้วยพลังสี่ประการ คือ ดิน (earth) น้ำ (water) ลม (air) ไฟ (fire) สี่หน้าของปิรามิดรวมเป็นพลังซึ่งสามารถนำเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตได้ เรียกว่า The Power of Pyramid ถ้าคุณสร้างปิรามิดด้วยกระดาษแข็งบนด้านหนึ่งเขียนว่า Earth ให้ติดรูปสี่เหลี่ยมเล็กๆ สีเหลืองไว้ พร้อมกับอักขระอิยิปต์ แล้วเขียนคำอธิฐานเกี่ยวกับการเงินไว้ภายในปิรามิด จากนั้นทำจิตรวมให้เกิดสมาธิ ตรงกับคำอธิฐานเป็นประจำทุกวัน ไม่ช้าไม่นานจะได้ผล หน้าปิรามิดอีกด้านเขียนว่า Air ให้ติดรูกลมสีฟ้า พร้อมกับอักขระอิยิปต์และเขียนคำอธิฐานเกี่ยวกับความรักไว้ภายในปิรามิด และทำสมาธิพร้อมกับการมองที่วงกลมสีฟ้านั้นทุกวัน คนที่คุณอยากให้รักคุณ จะขอบคุณมากขึ้น และถ้าคุณเขียนลักษณะของชายหรือสาวในฝันไว้ใต้ปิรามิด คุณจะได้พบแฟนลักษณะนั้นสมใจ อีกหน้าปิรามิดหนึ่งเขียนว่า Water ให้ติดรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวทำด้วยฟอยล์ สำหรับตั้งจิตอธิฐานให้ใครคนหนึ่งหายป่วยไข้ หน้าที่ 4 เขียนว่า Fire ใช้สำหรับการป้องกันภัย ลองเขียนคำอธิฐานไม่ให้ได้รับตั๋วจราจรดูบ้างก็ได้ ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ ทั้งนี้ ต้องวางปิรามิดให้ถูกทิศทางด้วย โดยหันหน้าด้านลม ไปทางตะวันออก น้ำทางตะวันตก ไฟทางใต้ และดินทางเหนือ อยากรู้เรื่องนี้ อ่านได้จากหนังสือชื่อ Secrete From Beyond the Pyramids โดย Parkers Publishing

พลังงานนี้ไม่ใช่ของใหม่สำหรับชาวพุทธ ตรงกันกับคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ว่าชีวิตคนเรา ประกอบด้วยธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อไม่สามารถควบคุมของเหลวในตัวได้ ก็ใกล้ถึงกาลอวสาน และเมื่อหมดลม ชีวิตก็ยุติ ธาตุไฟก็จากไป

ร่างกายประกอบด้วยน้ำ มีแร่ธาตุเรียกว่า อะมิโนแอซิต (Amino Acids) ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญ สร้าง DNA ให้แก่ชีวิตทุกเซลล์ เซลล์ต่างๆ สื่อสารถึงกันด้วยฮอร์โมน ฮอร์โมนที่บงการชีวิตให้เจริญเติบโตอยู่ที่ต่อมใต้สมอง ซึ่งผลิตฮอร์โมนนายใหญ่ (Master Hormone) ส่งไปถึงจุดรับ (Receptors) ของต่อมอื่นๆ โดยระบบน้ำคือโลหิต ต่อมอื่นๆ รู้ทำหน้าที่อยู่แล้วว่าจะผลิตฮอร์โมนอะไรต่อไปอีกบ้าง ที่จะทำให้ร่างกายเจริญเติบโต เช่น สร้างกระดูกให้ยาวขึ้นจนถึงที่สุด หรือสร้างกล้ามเนื้อให้เป็นผู้หญิง ให้เป็นผู้ชาย

ร่างกายคนเราใช้เวลาถึง 9 เดือน สร้างระบบต่างๆ 9 ระบบเพื่อทำงานประสานงานกัน คือ ระบบประสาท กระตุ้นการทำงานของระบบกล้ามเนื้อคือหัวใจ ให้ทำงานกับระบบการหมุนเวียนโลหิต ส่งอาหารไปที่เซลล์ หลังจากเซลล์ดื่ม กิน และระบบหายใจเอาอากาศเข้าไปแล้ว ระบบการขับถ่ายก็จะทำงานชำระของเสียดัวยระบบขับถ่าย หลังจากร่างกายเติบโตด้วยระบบกระดูกถึงวัยอันควร ระบบสืบพันธุ์ก็เริ่มทำงาน ระบบการย่อยอาหาร จะคอยส่งสารที่ร่างกายต้องการไปให้ การทั้งหมดนี้สามารถแบ่งเป็นไปได้ด้วยระบบสื่อสารแห่งชีวิต ที่สำคัญมากคือ ระบบฮอร์โมน หรือระบบต่อมไร้ท่อ

แพทย์ Oriental Medicine ให้ความเห็นว่า เป็นไปได้ที่เมื่อมีฮอร์โมนไปกระตุ้นใต้สมองซึ่งเป็นนายใหญ่ การบงการก็เกิดขึ้นไปยังระบบต่อมไร้ท่อ ให้ผลิตฮอร์โมนตามหน้าที่ที่เคยปฏิบัติ เป็นผลให้เกิดการสั่งงานให้อวัยวะยังทำตามหน้าที่ได้ เช่นหัวใจยังเต้นอยู่ ลมหายใจยังมี สมองยังจำได้ คนที่เป็นโรคความจำไม่มีเลย (Alzheimer) มีสารโปรตีน RNA เพียงครึ่งเดียวของอัตราปกติ

คุณติ๋วไม่ได้อาหารตามธรรมชาติในระยะสุดท้าย 26 วัน ไม่ต้องพูดถึงระบบการย่อยอาหาร เพราะได้แต่สารอาหารของเหลว ไปกระตุ้นการทำงานของระบบต่อมต่างๆ ให้ผลิตฮอร์โมนตามหน้าที่ จึงยังมีการสื่อสารระหว่างเซลล์สมอง ทำให้สามารถมีความทรงจำที่ใช้การได้เมื่อฟื้นขึ้นมาครั้งที่ 4 การพูดจาและการร้องเพลงยังพิสูจน์การทำงานของระบบสมองที่เกิดจากการกระตุ้นของต่อมได้ดี ระบบกระดูก ระบบกล้ามเนื้อ ระบบสืบพันธุ์ ได้ยุติไปนานแล้ว วันสุดท้ายร่างกายไม่สามารถควบคุมระบบการขับถ่ายได้

ในวาระสุดท้าย ระบบประสาทยังทำงานอยู่ด้วยความคิดถึงลูก เมื่อบุตรชายมาถึงได้เพียง 10 นาที ระบบประสาทได้ยุติวัฎจักรแห่งชีวิต เป็นอันจบสิ้นการรอคอยของจิต

การฟื้นขึ้นมาครั้งสุดท้ายหลังจากคืนบลูมูน คุณติ๋วพูดว่า มีอะไรอย่างหนึ่งใต้ถุนบ้านช่วยเธอไว้ เธอได้รับพลังจากดินในการที่โลกโคจรเส้นเดียวกับพระอาทิตย์และพระจันทร์หรือไม่ยังเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ แต่ความแตกต่างไปจากการฟื้นครั้งที่ 3 คือ เธอมีกำลังวังชา มีความคิดปกติ เห็นได้จากการอยากอาบน้ำ สระผม มีความทรงจำ สามารถพูดถึงความหลังได้ถูกต้อง ร้องเพลงได้ จวบจนกระทั่งร่างกายใช้ฮอร์โมนในการสื่อสารระหว่างต่อมต่างๆ ร่อยหรอลง เพราะไม่สามารถให้น้ำเกลือได้อีก เธอก็สงบไปตั้งแต่วันที่ 2-7 เมษายน รอเห็นหน้าบุตรชายเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นบุตรชายมาถึงเพียง 10 นาที เธอก็ไม่มีสัญญานของชีวิตเหลืออยู่ ต้องพยายามปิดตาเธอถึง 5 ครั้ง จึงสำเร็จ เหมือนกับว่าเธอต้องการดูหน้าลูกชายตลอดไป

อมตะแห่งฮอร์โมน กับชีวิตหนึ่งได้พิสูจน์หลายประการ อย่างหนึ่ง ให้ข้อคิดว่า โกรทฮอร์โมน ผลิตจากต่อมใต้สมองชื่อว่าต่อมพิจุอิทาริทำงานจนวินาทีสุดท้ายในการสื่อสารเพื่อชีวิต ฮอร์โมนนี้กระตุ้นการเต้นของหัวใจ ทำงานกับระบบประสาทจนวาระที่ระบบหายใจหมดสิ้นลม

คนที่มีชีวิตอยู่ขณะนี้ ควรรักษาและทำนุบำรุงการทำงานของต่อมนี้ให้ดีที่สุด การแพทย์ได้พยายามค้นคว้าเป็นผลสำเร็จได้ RA-H (GH) Reverse – Aging Hormone (Growth Hormone) จากโกรทฮอร์โมนธรรมชาติ มากระตุ้นต่อมพิจุอิทาริให้ทำงานเหมือนสมัยเมื่อร่างกายยังอยู่ในวัยเติบโต จึงเป็นข่าวดีที่น่าขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ต่อมวลมนุษยชาติ และเป็นข่าวดีพิเศษต่อผู้ที่เริ่มวัยกลางคน จะได้ใช้ชีวิตอีกนานๆ