สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
แครอท

หลายคนเติบโตมากับการ์ตูนกระต่ายแสนกลที่ชอบแครอทเป็นชีวิตจิตใจ ทำให้สงสัยว่าแครอทนี่คงช่วยอะไรหลายอย่างให้เจ้ากระต่ายแสนกลแสนจะฉลาดปราดเปรียว เป็นความจริงว่าแครอทมีคุณภาพควรแก่การให้ความสนใจอย่างยิ่ง ฝรั่งเคยพูดเสมอว่าทานแอปเปิลวันละผล ไม่ต้องหาหมอทุกคน (Eat one apple a day keeps doctors away.) แต่ในวงการบำรุงผิวกล่าวว่า ทานแครอทวันละหัว ไม่ต้องมัวกังวลกับความแก่ อย่างน้อยก็ของผิว และคุณจะได้ทราบต่อไปว่า แครอทมีความดีกับร่างกายอย่างอื่นอะไรอีกบ้าง

หัวแครอทมีความหวานในตัวจากสารเคมีเป็นต้นว่าน้ำตาล และไวตามินต่างๆ เช่น เอ บีหนึ่ง บีสอง บีสาม และซี นอกจากนี้ประกอบด้วย แทนนิน (tannin) ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นแป้งได้ มีสรรพคุณเป็นตัวฆ่าเชื้อ ใช้ภายนอกแก้การไหม้เกรียมของผิว ใช้ภายในแก้ท้องเสีย นอกจากนี้แครอทมีสารแป้งคาร์โบไฮเดรท ซึ่งเปลี่ยนเป็นน้ำตาล แครอทมีแร่ธาตุเช่น ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซี่ยม และโปรตัสเซี่ยม สารสีเหลืองในแครอทคือคาโรทีน (carotene) ที่เราพบในพืชอื่นๆ เช่น มันเทศ และไข่แดง คาโรทีน อยู่ในรูปสารเคมีอัลฟ่า เบต้า หรือแกมม่าแล้วแต่การฟอร์มตัว ผิวและผมได้รับสีเหลืองจากสารนี้ สารนี้จะเปลี่ยนเป็นไวตามินเอได้ในร่างกาย คนเรามักพูดว่าทานแครอทจะได้ไวตามินเอ ก็เพราะเบต้าคาโรทีนนี่เอง นักวิ่งมาราทอนอาชีพจะทานเบต้าคาโรทีนเป็นประจำ แครอทให้พลังงานที่เป็นกลาง ทานได้ทุกคน ไม่ว่าคนร่างกายร้อนหรือเย็น

หัวแครอทให้สรรพคุณต่อผิวในด้านการผ่อนคลาย รักษาความอักเสบ เป็นสารอาหารบำรุงผิวและร่างกายดีเยี่ยม คนอเมริกันใช้น้ำมันแครอททาผิวในรูปของการป้องกันรอยย่น เนื่องจากเบต้าคาโรทีนช่วยในการเติบโตของเซลล์ให้เลื่อนขึ้นไปสู่ผิวชั้นบนและหลุดลอกออกไปเร็วขึ้น จึงเป็นส่วนประกอบสำคัญในครีมบำรุงผิวกันรอยย่น แครอทเป็นส่วนประกอบของสบู่ ใช้ในการบำรุงอาหาร สลัด ทำแยม และทำขนม สารเบต้าคาโรทีนมีประโยชน์ต่อการต้านทานเซลล์มะเร็ง

จีนเป็นชนชาติที่มีชื่อเสียงในการใช้ทุกส่วนของพืชและสัตว์ให้เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติอย่างดียิ่ง จะเห็นได้จากอาหารจีนที่ใช้ตีนเป็ดตีนไก่ประกอบอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ตัวเดียวอันเดียวก็ดังในการตุ๋น อุ้งตีนหมี ดีงู และอื่นๆ ใช้การได้จากความรู้ของจีน เช่นเดียวกับแครอท จีนใช้ทุกส่วนของแครอท เป็นต้นว่าแยกเอาสารจากรากแครอทใช้ทาบาดแผลภายนอก รักษาการไหม้ และใช้เมล็ดแครอทแก้ท้องเสียท้องเดิน จุกเสียด และชำระล้างสารพิษในตับ

สมัยโบราณใช้แครอทในการเพิ่มความต้องการทางเพศ และส่งเสริมทางเดินของปัสสาวะ แครอทใช้เป็นสารแก้ไอ แก้หวัด ปวดท้อง แน่นหน้าอก ปวดหัวใจ อาหารไม่ย่อย และใช้ขับก้อนหินในไตหรือถุงปัสสาวะ โดยใช้ตำหรับดังนี้ ให้ทำโพรงในหัวแรดดิชแล้วใส่เม็ดแครอทเข้าไปแทนที่ในปริมาณเท่ากัน แล้วอบก่อนรับประทานเพื่อขับเม็ดหินในถุงปัสสาวะ

ชาวอิหร่านทำแยมแครอทโดยผสมกับน้ำผึ้ง ซึ่งเขาเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการตั้งครรภ์เพราะช่วยเพิ่มปริมาณสเปิร์ม และลดการเครียดของกล้ามเนื้อมดลูก

ชาวฝรั่งเศส ดื่มน้ำแครอทขณะที่ท้องหรือกระเพาะกำลังว่าง สำหรับช่วยสร้างเม็ดเลือด

แครอทอุดมไปด้วยเบต้าคาโรทีน ที่จะช่วยป้องกันสารศัตรูอิสระ (free radicals) มิให้ทำลายเซลล์ ผลการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า พืชและผลไม้ที่ประกอบด้วยเบต้าคาโรทีนช่วยป้องกันมะเร็งได้ รายที่ขาดสารนี้ในอาหารประจำวันมักจะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะมะเร็งที่รักษายากเช่นมะเร็งที่ปอด และกระเพาะอาหาร

ในปี ค.ศ.1986 นักค้นคว้าชาวสวีดิช พิสูจน์ว่าแครอทเป็นตัวสำคัญในการป้องกันมะเร็งที่กระเพาะอาหาร การทานแครอททุกวันจึงจะช่วยรักษาสุขภาพของกระเพาะอาหารได้ดี

ดอกเตอร์มาริลีน เมนเกส (Dr.Marilyn Menkes) นักค้นคว้าด้านมะเร็งพบว่า นักสูบบุหรี่ที่มีเบต้าคาโรทีนในเลือดน้อย มีโอกาสเป็นมะเร็งสูงกว่านักสูบบุหรี่ที่มีเบต้าคาโรทีนในเลือดสมบูรณ์ถึง 4 เท่า

นักค้นคว้าอีกกลุ่มหนึ่งที่มหาวิทยาลัยแห่งนิวยอร์ก เมืองบัฟฟาโล่ พบว่าผู้ที่บริโภคเบต้าคาโรทีนเป็นประจำทุกวัน สามารถลดมะเร็งในปอดได้ถึง 50% และยิ่งถ้าทานแครอทวันละหนึ่งหัวด้วยแล้ว จะช่วยลดโอกาสเป็นมะเร็งในปอดได้ 15–20 %

ปี ค.ศ.1981 ดอกเตอร์ ริชาร์ด เซเกลล์ (Dr.Richard Shekelle) ประกาศผลการค้นคว้ากับความสัมพันธ์ระหว่างอาหารการกินกับมะเร็งว่า หลังจากติดตามผลการทานอาหารของคน 2,000 คน เป็นเวลา 19 ปี พบว่าคนติดบุหรี่ที่ไม่ทานเบต้าคาโรทีนในอาหารประจำวัน จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในปอดสูงขึ้น 8 เท่า มากกว่าคนที่สูบบุหรี่มาเป็นเวลา 30 ปี แต่ทานเบต้าคาโรทีนเป็นประจำอย่างเพียงพอ เนื่องจากมะเร็งอาจใช้เวลาในการก่อตัว 30-40 ปี การมีเบต้าคาโรทีนในอาหารประจำวันจึงจะช่วยลดโอกาสการถูกทำลายของเซลล์ที่จะเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็งยากขึ้น คนที่สูบบุหรี่มาเป็นเวลานานแล้วหยุดการสูบก็ควรทานเบต้าคาโรทีนเป็นประจำเพื่อบรรเทาโอกาสที่จะเป็นมะเร็ง เพราะเบต้าคาโรทีนต่อสู้สารศัตรูอิสระที่จะเป็นบ่อเกิดของการเสื่อมสุขภาพของเซลล์ รายงานล่าสุดของ เรจิน่า จี. ซิคเล่อร์ (Regina G. Ziegler) แห่งสถาบันมะเร็งปอดแห่งชาติได้ติดตามศึกษาชายที่พำนักอยู่ในรัฐนิวเจอร์ซี่ ซึ่งมีแครอท ฟักทอง และมันเทศอุดมสมบูรณ์ สามารถลดโอกาสเป็นมะเร็งที่ลูกหมาก คอ ปอด และกระเพาะอาหารได้

แครอทลดปริมาณโคเลสเตอรอลในเส้นเลือด ช่วยการขับถ่าย การดื่มน้ำแครอทตอนเช้าขณะที่กระเพาะอาหารยังว่างช่วยล้างลำไส้ใหญ่ให้ปราศจากสารพิษ

โดยเหตุนี้ เราจึงควรทานแครอททุกวัน การนึ่งแครอทเสียก่อนจะช่วยให้แครอทให้สารต้านทานมะเร็งสูงสุด เพราะจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมเบต้าคาโรทีนได้สูงขึ้น 400-500 เปอร์เซ็นต์

รายงานเรื่องนี้ขอมอบความดีไว้ให้สตรีชาวอิหร่านชื่อ มินู โกลาซ่า (Minoo Golazar) ที่ศึกษาและรวบรวมความรู้ของเธอไว้ในหนังสือชื่อ Nature’s Secrets for Health & Beauty.