สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
อยู่รอดต่างแดนด้วยสุขภาพ

หัวข้อบทความนี้จากภาษาอังกฤษในใจความว่า How to survive abroad in good health without knowing how to cook. สาเหตุที่เกิดแรงบันดาลใจนี้ขึ้นมา เพราะคิดว่าคนที่มาศึกษาต่อต่างประเทศ ไม่มีเวลาปรุงอาหาร ไม่สามารถหาตลาดไทยจ่ายของที่จำเป็นสำหรับทำอาหารไทย และที่จำเป็นที่สุดคือไม่มีเวลาทำอาหารหรือไม่มีความสามารถในการปรุงอาหารเลย ยกตัวอย่างง่ายๆ ของตัวผู้เขียนเอง ออกจากที่ทำงาน 4 โมงเย็นครึ่ง ขับรถ 80 ไมล์มาถึงมหาวิทยาลัยของรัฐที่ลองบีชเข้าชั้นเรียน เวลาหนึ่งทุ่ม ออกจากเรียน 4 ทุ่ม ฝากท้องเป็นอาหารเย็นไว้กับภัตตาคารเปิด 24 ชั่วโมง ชื่อ นอร์มส์ กินสเต็ก สลัด และซุปเรียกว่าครบชุด เข้านอนประมาณ 2 ยาม ตื่นตี 4 ขับรถไปทำงานให้ทันเพราะรถติด เปิดโรงเรียนเตรียมพร้อม 8 โมงครึ่ง สำหรับทุกคนทั้งนักเรียนและคนทำงานอื่นๆ เนื่องจากเราเป็นหัวหน้า งานยุ่งตลอดวัน อาศัยฝากท้องกับคาเฟทีเรียของโรงเรียนจนถึงเลิกงาน วันสุดสัปดาห์จึงได้ไปเดินชายหาดกับสุนัขที่เลี้ยงไม่อยู่ไกลจากที่พัก ประมาณ 3 ไมล์ เรียกว่ากินอยู่อย่างดำรงสุขภาพดีไว้ได้ 4 ปี เรียนจบก็เปลี่ยนที่ทำงานให้อยู่ใกล้ๆ หน่อย นี่คือชีวิตเรียนหนังสือต่างประเทศ อย่านึกว่าโก้เหมือนตอนกลับไปฉุยฉายบ้านเกิดว่านักเรียนนอกนะ

ทีนี้พูดถึงหลังจากปลดเกษียณ หมายความว่าดำรงชีวิตอย่างที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า running your life คือไม่เดินธรรมดาต้องแข่งกับเวลาเสมอ มาเป็นเวลาหลายสิบปี โดยไม่มีโรคใดๆ เช่น เบาหวาน โรคปอด หรือกระดูกพรุน ก็นับว่าฉลาดในการกินอยู่พอสมควรแล้ว จนถึงวันรายได้ลด จะกินอยู่อย่างไรไม่ให้อดกินของโปรด อยากกินของอร่อยๆ ก็ไม่ได้กิน เพราะต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดตาต้อ กระดูกบาง หัวเข่าชำรุด อะไรต่อมิอะไรที่มาพร้อมกับอายุสูงขึ้นๆ

มื้อเช้าที่เตรียมซื้อขนมปังพิต้า Pita bread ของกรีกหรือของตะวันออกกลางติดตู้เย็นไว้กินได้หลายวัน แผ่นหนากว่าขนมปังเม็กซิกันที่เรียกว่า Tortillas จะทำให้อยู่ท้องไม่หิวเร็ว ในเวลาไปตลาดฝรั่งก็ซื้อแฮมที่หั่นเป็นชิ้นบางกว้างประมาณ 4x8 นิ้ว ใส่แพ็คสูงประมาณ 2 นิ้ว เรียกว่าปิ้งวันละ 2 ชิ้น ของแมวหนึ่งชิ้น ของตัวเองหนึ่งชิ้น วางบนขนมปังพิต้าที่อบพร้อมกับแฮมประมาณ 30 นาที เพราะเขาอบเกรียมมาแล้วเพียงอุ่นให้ร้อน ทาด้วยมันเทศสีแดงที่ต้มสุกแล้ว หั่นบางประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อพร้อมให้ทาขนมปังจะได้ต้มสุกเร็ว เฉลี่ยบางๆบนแผ่นขนมปังพิต้า วางแฮม แล้วพับครึ่ง ใส่ปากกัดได้เลย ไม่ต้องทาเนยเพื่อเลี่ยงหัวใจหยุดเต้น หรือสโตร้คเพราะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทั่วถึง ด้วยการเตรียมอาหารเช้าวิธีนี้จะมีรสหวานของมันเทศ อะไรก็ตามที่มาจากดินจะมีแร่ธาตุดีกว่าเนยแน่นอน ป้อนแมวด้วยแฮมแล้วก็ป้อนนมด้วยหลอดแบบดูดจั๊บๆ เวลาเรียกแมวมากินนม ก็เรียกว่า จั๊บๆไหมลูก เขาฟังภาษารู้เรื่องก็กระโดดขึ้นโต๊ะอาหารเราจะได้ไม่ต้องก้มปวดหลังเวลาป้อนนมด้วยหลอดดูดแบบบีบใส่ปากวิธีนี้ แมวกินนมได้มากกว่าเลียกินเอง กระดูกแข็งแรงกระโดดขึ้นเตียงนอนของผู้เขียนสูงระดับเองได้สบาย หลังกินอาหารกระป๋องเป็นเนื้อเส้นซึ่งเขาชอบเลียน้ำเกรวี่ คงมีรสชาติดีกว่าเนื้อต้มมื้อเย็น การกินอาหารเช้าควรให้ได้โปรตีนด้วยเสมอเพื่อบำรุงสมอง

พูดถึงสมอง น่าสนใจที่ผู้รู้ท่านหนึ่งในรายการทีวี พูดว่า ความเมตตาที่เรามีในสมองก่อให้เกิดความสุข เวลาคิดร้ายจะก่อให้เกิดอักเสบเรียกว่า inflammation ในสมองทำให้เกิดอาการไม่ปกติต่างๆ ดูจากข่าวซิ มีคนใจร้ายคนหนึ่งคิดร้ายผลักเด็กให้ตกไปในรางรถไฟขณะที่รถไฟกำลังมา พอรถชนกระเด็นออกไปนอกรางไม่บาดเจ็บมาก แต่คนที่ผลักเด็กเขาจับได้ ต่อสู้เจ้าหน้าที่ไปตายโรงพยาบาล นี่คือผลแห่งการคิดร้ายชั่ววูบต้องการให้เด็กเป็นอันตรายโดยที่สมองเกิดอักเสบในชั่วระยะสั้นเลยตายเพราะเหตุนั้น

มื้อเที่ยงหรือมื้อกลางวัน เลิกพูดถึงแกงเขียวหวานกะทิกับไอศกรีมที่ส่งผู้เขียนเข้าโรงพยาบาลฉุกเฉินอยู่ 3 วัน บิลเป็นเงิน 38,000 เหรียญที่รัฐบาลจ่ายแทนให้ ขืนกินสุ่มสี่สุ่มห้าให้รัฐบาลจ่ายบ่อยๆ ไม่ดี ก็หาเรื่องกินเอาเองละกัน เป็นต้นว่า ผัดพริกขิงเนื้อกับ mixed vegetables ได้ไวตามินจากถั่วผสมหลายชนิดผัดกับเนื้อที่ไม่ต้องหมัก เลี้ยงอาหารไก่และไข่ตลอดชีวิตเพื่อเลี่ยงปัญหาโรคกระดูกและปวดตามข้อ

ที่สำคัญสำหรับวัยหลังการทำงาน ก็คือการขยับอวัยวะแขนขาบ้างสม่ำเสมอ จะได้เป็นการเคยชินกับการพัฒนาตามอายุขัย ไม่ใช่ให้ร่างกายเคยชินกับการไม่ขยับเขยื้อนเสียเลย ผู้เขียนละก้อ เบื่อกับการรดน้ำต้นไม้เสียจริง แต่ก็ทำไปเพื่อให้ร่างกายได้ออกกำลัง เท่านั้นแหละ อย่าหวังลูกหวังดอกอะไรให้มาก เพื่อนบ้านเห็นเราทำประโยชน์ให้ เขาก็ให้อาหารเวลามีอะไรอร่อยๆ

วันคริสต์มาสปีนี้ คนส่งอาหารให้ผู้เขียนแต่งสีแดง สะพายกระเป๋าสีแดง ยื่นให้ผู้เขียน ทีแรกตั้งใจว่าจะเปิดดูวันคริสต์มาส แต่ใจอยากรู้เสียก่อนว่าข้างในมีอะไร ที่หน้ากระเป๋าแดง มีรูปหัวใจ เขียนว่า Project Care ข้างในหัวใจเป็นรูปคนแก่ผู้ชายหลังค่อมถือไม้เท้าเดินนำหน้าผู้หญิงเดินเกาะเอวหลังหง่อมเหมือนกัน ดูมีความหมายลึกซึ้งว่าเขาดูแลผู้สูงอายุด้วยความรัก ทำให้เรารู้สึกเป็นสุขแม้จะสูงวัยไร้ญาติมิตรก็ยังมีสมาคม Bernadi ให้ความรักความดูแลอยู่ ไม่เหมือนประเทศญี่ปุ่น ตอนวัยทำงานเขาให้คิดแต่เรื่องงาน ไม่อย่างนั้นคนอื่นเอาไปเสียก่อน แม้ตอนไปตากอากาศก็หอบงานไปทำด้วย เขามีศัพท์เรียกว่า workation ไม่ใช่ vacation ที่เรามี 2 อาทิตย์ได้ไปเยี่ยมบ้านเมืองไทย ขับรถดูนกชมไม้ไปครึ่งประเทศ ที่ญี่ปุ่นพออายุ 75 เขาฉีดยานอนหลับ เหมือนที่คนดูแลผู้เขียนส่งภาษาสแปนิชให้เขาฉีดยาหมาของผู้เขียนนอนหลับไม่ตื่น ประเทศที่เรียกว่าเติบโตเร็วอย่างญี่ปุ่นวิวัฒนาการเร็ว ไม่เก็บคนไว้กินเงินฟรี ผู้คนถึงเดินทัพจะเข้ามาอเมริกา ถึงขั้นเด็กผู้หญิงอายุ 7 ขวบ ขาดน้ำขาดอาหารถึงแก่ความตาย ทีนี้มาดูในกระเป๋าแดง เขาใส่ของขวัญ มีครีมทาผิว เสื้อคลุมกันหนาวถูกใจมาก สีครีมใส่ทับสีเสื้อแดงหน้าคริสต์มาสได้สวย กับผ้าห่มคลุมเข่าเวลาเย็นๆ เท่านี้เราก็รู้ว่าเขาสนใจกับความเป็นอยู่ของผู้สูงวัย อย่างน้อยก็สร้างความรู้สึกว่าเขา Care ดังที่เขียนไว้หน้ากระเป๋าว่า Project Care ให้มันได้อย่างนี้ซิ ถึงจะเรียกว่าอเมริกา

อเมริกาตอนนี้สีสันสวยงามทั้งกลางวันกลางคืน เนื่องจากฉลองวันคริสต์มาสต่อด้วยวันขึ้นปีใหม่ศักราช 2019 เป็นเลขดี น่าจะดีทุกด้าน ขอให้ผู้อ่านโชคดีทุกด้าน ทั้งความรัก ทรัพย์ และสุข