สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยฉาย
เรื่องของสมาธิจิต

คำสารภาพน่าเอ็นดูของท่าน บก.ไทยแอล.เอ. ที่ว่าไม่รู้วิธีเข้าสมาธิอย่างไรนั้นทำให้นึกถึงอีกหลายคนไทยที่มาอยู่ต่างแดน นอกจากงานรัดตัวหาเวลาว่างไม่ได้แล้วยังไม่รู้วิธีทำสมาธิอีกต่างหาก ไม่ใช่ความผิดอะไรเลย ผู้เขียนเองมีโอกาสนั่งสมาธิ เมื่อเรียนจบใหม่ๆ ยังไม่ได้ทำงาน สมัยเมื่อปี 1985 วัดพระธรรมกายมีการสอนวิปัสสนา เรียกเข้าวัดเย็นวันศุกร์ พอตีสี่วันเสาร์ ก็เรียกเข้าห้องโถงใหญ่เพื่อทำสมาธิ โดยมีเสียงตามสายของพระสงฆ์เจ้าอาวาสเทศนาจากเมืองไทย ให้พวกเราทำสมาธิโดยการฟังตามเสียงนั้น ผู้เขียนเองเมื่อปฏิบัติสมาธิได้สักพัก ก็เกิดเห็นนิมิต ในขณะสมาธิ เห็นองค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากเบื้องสูงทางมุมบนขวา เฉียงลงมาทางมุมล่างซ้าย พระหัตถ์ไหวเหมือนกำลังทรงพระดำเนิน ปลายจีวรโบกพริ้วเหมือนต้องลมพัด มิใช่เห็นเป็นองค์พระพุทธรูปลอยมา หลังจากฝึกสมาธิได้ระยะหนึ่ง ก็เห็นรูปนิมิต เป็นช่อดอกไม้สีแดง ใบสีเขียว ผูกโบว์แดง ลอยเข้ามาจากหน้าต่างข้างเตียง เมื่อเขม้นมองดู ช่อดอกไม้นั้นก็ลอยห่างออกไปทางหน้าต่าง อีกครั้งหนึ่งรู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะโทรศัพท์ดัง เมื่อลืมตาก็เห็นร่างคน ใส่เสื้อตาหมากรุกสีเขียวอ่อน เขียวแก่ กำลังเกาะหน้าต่างจะปีนออกไป เมื่อเก็บประสบการณ์เหล่านี้ ไปปรึกษาพระสงฆ์ว่าทำไมจึงเห็นเป็นรูปนิมิตต่างๆ นั้น พระสงฆ์ตอบว่า เราไม่ได้นั่งสมาธิเพื่อจะให้เห็นอะไร สิ่งที่ได้ประโยชน์จากการฝึกสมาธิครั้งนั้นอย่างหนึ่งคือ เมื่อมีคนที่ไปเรียนวิปัสสนาด้วยกันถามว่า พระพุทธเจ้ามีจริงหรือไม่ ก็เล่าเรื่องที่เห็นเป็นนิมิตให้เขาฟัง เข้าก็ร้องอ้อ ถ้าเช่นนั้นพระพุทธเจ้ามีจริง หลังจากนั้น ไปทำบุญสังฆทานที่วัดพระธรรมกายอีก คิดว่าพระสงฆ์จะสวดอวยพรให้ตามธรรมเนียม แต่ท่านบอกว่านึกในใจเอาเองก็แล้วกัน ก็เลยไม่ได้ไปวิปัสสนาที่วัดนั้นอีก ก็คิดเอาเองว่า สมาธิทางใจก็เหมือนกัน ไม่ต้องไปวัด

หลังจากผู้เขียนเรียนการสมาธิจากพระสงฆ์และฆราวาส หลายปีต่อมา รวมทั้งศึกษาจากหนังสือธรรมะสูงท่วมหัว (เวลานอนราบ ไม่ใช่ยืนตรง) ได้สรุปวิธีการทำสมาธิสำหรับสอนลูกศิษย์ต่างชาติ ต่างศาสนา สำหรับการฝึกปฏิบัติ โดยใช้หลัก 3 ประการ เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า 3 V’s แปลว่า

(1) เสียง Voice โดยการอัดเสียงการสวดอวยพรของพระสงฆ์หลายรูปพร้อมกัน ระดับ เสียงสูง เสียงต่ำ น่าฟัง ไม่จำเป็นต้องเข้าใจความหมายของภาษา จิตเขาจะว่าง เพราะจดจ่อสภาวะจิตอยู่กับเสียงนั้น ไม่ต้องคิดวอกแวกไปที่อื่น ก็นำจิตเข้าเป็นสมาธิในภาวะจิตว่างได้

(2) ภาพ Vision ให้เพ่งมองที่รูปปั้น ถ้าเขาเป็นคนคริสต์ ก็เพ่งที่รูปปั้นพระเยซู ถ้าเป็นพุทธ ก็เพ่งมองที่พระพุทธรูปขัดสมาธิอยู่ในลูกแก้วใส แล้วหลับตาน้อมเอารูปนั้นเคลื่อนไปอยู่ตามตำแหน่งต่างๆ ตามวิธีของอาจารย์ วศิน ศรประสิทธิ์ มีเจ็ดตำแหน่งภายในร่างกาย (1) จมูกข้างซ้ายสำหรับผู้หญิง (ข้างขวาสำหรับผู้ชาย) (2) กลางกระหม่อม (3) ฐานสมอง (4) ฐานคอ (5) หัวใจ (6) ปลายซี่โครง (7) เหนือสะดือ วิชานี้เรียกว่า วิชาปัสสนา แบบ 18 กาย ตามหลักของหลวงพ่อสดปากน้ำ ถ้าเป็นวิชาวิปัสสนา ตามหลักการเพ่งลมหายใจของอาจารย์ปรเมศวร์ ทิพยจันทร์ ก็ให้เพ่งตามลมหายใจไปที่อวัยวะภายใน ถือว่าเกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา เพื่อนของผู้เขียนที่นั่งวิปัสสนาอยู่ติดกันเคยถามว่ากรนหรือเปล่า เพราะนึกว่าหลับไป แต่เราสองคนมิได้หลับ เพียงแต่เข้าในภวังค์วิปัสสนาตามเสียงบรรยายของอาจารย์เท่านั้น นั่นคือ การสมาธิตามภาพในใจ

(3) จิตว่าง Void คือการเข้าถึงฌาน ตามหนทางแห่งการตรัสรู้มีถึง ฌานแปด เราๆ ท่านๆ จะสังเกตได้จากการเปลี่ยนอารมณ์จากความสงบ เป็นความปีติสุข เป็นอุเบกขา เป็นความบริสุทธิ์ของจิต ก็เรียกว่าเข้าสมาธิเป็นปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน ตติยฌาน และจตุตถฌาน แล้วส่วนที่จะบรรลุไปถึงญานแห่งการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้น หลังจากฌานแปดแล้ว เป็นวิปัสสนาญาน 16 ขั้น คือต้องบรรลุญานที่หนึ่ง การระลึกชาติแต่ปางก่อนได้ ญานที่สอง คือมีดวงตาทิพย์ ญานที่สามคือบรรลุสัจธรรม จิตหลุดพ้นจากกิเลส ญานที่สี่คือการบรรลุนิพพาน

พื้นฐานที่เป็นโครงสร้างที่จะนำจิตให้บริสุทธิ์ เริ่มจากการมีศีลห้า ต่อด้วยไม่ใช้ภาษาทำร้ายผู้อื่น ไม่โอ้อวดอุตริ ไม่อาฆาตทำร้ายผู้อื่น และเคารพเชื่อในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เรียกว่ากรรมบท 10

ทั้งหมดนี้ลงเอยที่การมีไตรสิกขา เริ่มต้นที่การมีศีล ก่อให้เกิดสมาธิ สร้างปัญญา หลังจากตนเองฝึกให้จิตว่างเข้าสู่สมาธิได้แล้ว นิมิตจะเกิดขึ้น โดยมิได้ตั้งใจนึกถึง และเมื่อนั้น เราก็จะไม่โอ้อวดอุตริให้เกินเหตุ เพราะจะสูญเสียพื้นฐานของโครงสร้างแห่งญาน

เมื่อสามารถฝึกจิตให้ผ่านขั้นตอนได้ตามลำดับ คุณจะสามารถทำสมาธิที่ใดก็ได้ แม้แต่การเข้าร่วมการสวดของมหาญาน ซึ่งใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นพื้นฐานในการสวดเป็นภาษาอังกฤษ คุณก็สามารถเข้าถึงสมาธิได้ด้วยจิตแห่งตนเอง แล้วคุณจะเริ่มประจักษ์ถึงการคุ้มครองป้องกันภัยที่มีมาโดยอันโนมัติ และนายแพทย์เมเมท ออซ กล่าวว่าการสมาธิทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ยังไม่ต้องเพ้อฝันว่าจะได้อภิญญา 5 ประการจากการนั่งสมาธิ ถ้าคุณมีอภิญญาต่อไปนี้ อย่าลืมบอกผู้เขียนบ้างนะ

1.ฤทธิ์ทางกาย

2.กำหนดกระแสจิตผู้อื่นได้

3.หูทิพย์

4.ระลึกชาติได้

5.นัยตาทิพย์ เห็นการณ์ไกล

การทำสมาธิ ไม่เพียงแต่นั่งขัดสมาธิ นั่งเก้าอี้ก็ได้ ยืนก็ได้ นอนก็ได้ เดินก็ได้ อยู่ที่จิตว่างเป็นสมาธิ

การเพ่งรูป เจาอาจจะเพ่งหรือเขียนอะไรอยู่ก็ได้ แล้วเกิดเป็นสมาธิ เช่น ผู้เขียนเคยเพ่งดูใบเลี้ยงของลูกเพอร์ซิมมอน แล้ววาดเป็นลายไทย จากนั้นเกิดเป็นสมาธิจึงแสดงให้นักเรียนดู และทั้งห้องเงียบกริบ ไปตามสายเส้นที่วาด เกิดเป็นภาวะ จิตว่างไม่จำเป็นต้องเพ่งรูปหรือ กำหนดลมหายใจอย่างเดียว เราเพียงแต่พักสมองไม่ให้ว้าวุ่น ขณะนั่งทำงานปวดหัวกับปัญหา ก็จะคลาย ไม่เชื่อให้ลองดู แพทย์ไม่ว่าอะไรหรอก เขาสนับสนุนให้ทำสักสิบนาทีตอนงานยุ่งๆ อย่าเผลอหลับไปยาว จะยุ่งจริงๆ

นี่เป็นเพียงสมาธิในชีวิตประจำวัน จะได้กล่าวได้ว่า เรารู้จักสมาธินิดหน่อยแล้ว