สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
ยามบ่ายวันอาทิตย์

กำลังพักผ่อนนอนดูทีวียามบ่ายวันอาทิตย์อยู่ดีๆ มีคนพาไปชมนกชมไม้หลากสีหลายพันธุ์ ชนิดที่เราไม่มีโอกาสได้เห็น นอกจากเวลาไปเลี้ยงข้าวแมวไร้เจ้าของตอนเย็นๆค่ำๆ จะมีนกมาเกาะต้นไม้ส่งเสียงร้องถามเจื้อยแจ้วว่า แล้วของฉันล่ะ นอกจากนั้นจะไม่เห็นนกชนิดต่างๆในป่าหรอก ดีว่ารายการทีวีเขาเข้าใจวางโปรแกรมพาเข้าป่า ไปดูนกหลากหลายเพลิดเพลินใจไปด้วย นอกจากนั้น ยังพานั่งเรือเล็กไปลงเรือใหญ่ 11 วัน ข้ามเส้นแอนตาร์คติคไปแคนาดา นับว่าเป็นประสบการณ์ที่เราคงไม่กล้าไป เพราะว่ายน้ำไม่เป็น แค่พานางแบบไปถ่ายรูปทำปฏิทินให้บริษัทปูนซีเมนต์นครหลวงสมัยทำงานโฆษณาประชาสัมพันธ์ เจอพายุในทะเลเล็กน้อยยังเล่นเอาใจสั่น ถ้าถึงกับต้องอาเจียนอย่างที่พวกเขาเป็นกันทุกคนเวลาลงเรือใหญ่ในมหาสมุทร เราคงเรียกพยาบาลฉุกเฉินแบบที่เคยไม่ได้ ดีไปอย่างที่นอนดูอย่างมีความสุขไปกับเขาด้วย เออเรานับว่าโชคดีได้ประสบการณ์อย่างรื่นรมย์บนเตียง

พอดีได้เห็นรายงานของนายแพทย์ลันเดลล์กล่าวว่า ผลของยากลุ่ม statin ที่ใช้ลดโคเลสเตอรอลไม่ใช่ทางแก้ และการหันเหไม่บริโภคไขมันอิ่มตัว (saturated fat) เพราะกลัวโคเลสเตรอลพอกทางเดินโลหิต หันไปใช้น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธีไฮโดรเจน เรียกว่า hydrogenated oil เพื่อป้องกันการเหม็นหืนของน้ำมันพืช ซึ่งเป็นตัวการที่เพิ่มการอักเสบของหลอดเลือดต่างหาก แท้ที่จริง หากไม่มีการอักเสบในร่างกายจะไม่มีทางที่โคเลสเตรอลจับเป็นตะกรัน อุดหลอดเลือดได้ เมื่อไม่มีการอักเสบ โคเลสเตรอลก็ไหลไปตามหลอดเลือดได้อย่างเสรี ยังจำได้ไหม ถึงนายแพทย์ท่านหนึ่งกล่าวว่า ถ้าคิดร้าย ร่างกายจะเกิดการอักเสบทำร้ายตัวของตัวเอง

การอักเสบเกิดจากอาหารกลุ่มไขมันอิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated oil)

1.น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี (Hydrogenated oil) ทำให้เกิดการอักเสบที่ผนังหลอดเลือด น้ำมันแซฟลาเวอร์ มี Polyunsaturated 75% น้ำมันข้าวโพดมี 59% น้ำมันถั่วเหลืองมี 58% น้ำมันมะพร้าวมี 2% แต่สูงที่ไขมันอิ่มตัวถึง 86%

2.น้ำตาลที่กินเข้าไปทำให้เกิดอักเสบยิ่งขึ้น เสมือนแปรงสีฟันที่ขัดหลอดเลือดให้เสียหายมากขึ้น เมื่อผนังหลอดเลือดเสียหายและปลดปล่อย Cytokine ทำให้เกิดการอักเสบรุนแรง ทานน้ำตาลมาก ทำให้ Cytokine เพิ่มมากขึ้น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ เส้นเลือดในสมองตีบ อัมพฤกษ์ อัลไซเมอร์ นอกจากระวังน้ำตาลแล้ว ให้หันมาบริโภคคาร์โบไฮเดรทเชิงซ้อน จากธัญพืช ข้าวกล้อง ผัก ผลไม้ เลี่ยงข้าวขัดขาว น้ำตาลทราย ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ มีโอเมก้า 3 ช่วยแก้ปวดเข่าทางอ้อม และเขาโฆษณาว่ามีแร่ธาตุต่าง เช่น สังกะสี เหล็ก และมีไวตามินอี รักษาเนื้อเยื่อช่วยการสื่อสารระหว่างเซลล์ กับเบต้าคาโรทีน บำรุงสายตา

3.พิจารณาการบริโภค โอเมก้า 6 กับ โอเมก้า 3 อัตราซึ่งควรจะเป็นอยู่ในสัดส่วนไม่เกิน 3 ต่อ 1 น้ำมันพืชทำให้อัตรา โอเมก้า 6 กับ 3 เป็นสัดส่วน 15 ต่อ 1 ถึง 30 ต่อ 1 จะเห็นได้จากน้ำมันข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะมีโอเมก้า 6 เท่ากับ 6940 มก. น้ำมันเนื้อสัตว์มีโอเมก้า 6 ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์

4.โปแตสเซี่ยมในผลไม้สด ทำปฏิกิริยากับโคเลสเตอรอลก่อให้เกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และหัวใจโต วิธีเลี่ยงก็คือ ทานผลไม้แห้ง ถั่วแห้ง ซุปถั่วหลายชนิด การบำรุงหัวใจ ภูมิปัญญาไทยใช้ว่านหอมแดง

ผลไม้ที่มีโปแตสเซี่ยมสูงตามลำดับได้แก่ แอปริคอท กล้วย แคนตาลูป ฟิกซ์ น้ำส้มเกรพฟรุต ส้มและน้ำส้มคั้น ลูกพีช ลูกพรุนและน้ำคั้น ลูกเกด แตงโม

ผักที่มีโปแตสเซี่ยมสูง ตามลำดับได้แก่ อาร์ติโชค อะโวคาโด หน่อไม้ บรัสเซลล์สเปราท์ แครอท ถั่วลิมา เห็น พาร์สนิพ มันฝรั่ง ผักสปินาช มันเทศ มะเขือเทศ

โปรตีนที่มีโปรเตสเซี่ยมสูงตามลำดับคือ ถั่วแห้ง ปลา เนื้อ เนยถั่วลิสง สัตว์ปีก

5.เรื่องกรดยูริค ส่วนใหญ่มาจากสัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ เนื้อแดง ผักบางชนิด เช่น บร็อคโคลี คะน้า กะหล่ำปลี

กรดยูริค จับตัวเป็นแผ่นที่หนังศีรษะ ก่อให้เกิดรังแค และผมร่วง พอกที่ตา ก่อให้เกิดตาต้อ จับที่หู ทำให้ปวดหู จับที่ฟัน ทำให้ปวดฟัน จับที่ช่วงต่อระหว่างกระเพาะอาหารกับลำไส้เล็ก ซึ่งดูดซึมแคลเซี่ยมกับแมงกานีส ทำให้กระดูกบาง จับที่ผนังเส้นเลือด ไปสู่หัวใจหนึ่งเส้น ทำให้ปวดที่หัวใจ ไปสู่หัวใจสองเส้น ทำให้หายใจติดขัด ไปสู่หัวใจสามเส้น ทำให้หัวใจวาย จับที่หัวเข่า ทำให้ปวดเข่า จับที่กระดูกสันหลังข้อที่ 6 และข้อที่ 7 ทำให้ปวดหลัง จับที่ปลายประสาท ทำให้รู้สึกแปลบ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง

สารต่อต้านอนุมูลอิสระที่คอยทำร้ายเซลล์ ได้จาก 3 แหล่ง คือ

1.ไวตามิน เอ ซี และอี

2.แร่ธาตุ ได้แก่ Co Q-10, Alpha Lipoic Acid, Selenium, Idebonone, DMAE, Estrogen, Polypherols

3.พืชผักผลไม้ ได้แก่ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น เช่นน้ำมันเมล็ดองุ่น ถั่วเหลือง ชาเขียว ชาขาว Licorice root, Sage, Geranium, Grapefruit, Peach, ขมิ้น แตงโม บร็อคโคลี อะโวคาโด แอปเปิล พลัม