สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
มิติของอาหาร ตอนที่ 2
ไวตามิน

-ไวตามินเป็นสารออแกนนิคคือมีคาร์บอนเป็นอะมิโนแอซิตที่จำเป็นสำหรับการสังเคราะห์ของร่างกาย

-ไวตามินช่วยให้นำสารจากไขมัน แป้ง และโปรตีนมาใช้เป็นพลังงาน

-ไวตามินเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดง เนื้อเยื่อ โปรตีน และ DNA

-ถ้าขาดไวตามิน จะส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถทำงานได้ตามหน้าที่

-ไวตามินที่ละลายในไขมันได้แก่ ไวตามิน เอ ดี อี และ เค จะถูกเก็บไว้ในเซลล์ไขมัน ไม่ถูกนำมาใช้ทุกวัน มักไม่ขาดพวกนี้ บางที่ถ้ามีไวตามินเอ และ ดี สะสมมากไปอาจเกิดเป็นพิษได้ เช่น ไวตามินเอสูง ทำให้รากผมขยายบวมก่อให้เกิดผมร่วง

-ไวตามินที่ละลายน้ำจะไม่ถูกเก็บไว้ในเซลล์ไขมัน มักแสดงอาการขาดไวตามินภายใน 2-4 สัปดาห์ เคยเชื่อกันว่าถ้ามีไวตามินพวกนี้มากเกินไป จะถูกขับออกไปกับปัสสาวะ แต่แพทย์ชักไม่แน่ใจ ไม่ยืนยันเสียแล้ว เพราะมีปรากฏว่าร่างกายสะสมไวตามินพวกนี้ไว้ ส่งให้เกิดผลเสียขึ้นได้ ไวตามินพวกนี้มี 9 ชนิดได้แก่ ไวตามินซี ไวตามินบีคอมเพล็กซ์ ซึ่งประกอบด้วย ไทอามิน บี-1 ริโบฟลาวิน บี-2 ไนอาซิน ไพริคอนซิน บี-6 ไซยาโนโคบาลามิน บี-12 กรดโฟลิค กรดแพนโทเทนิค และ ไบโอติน

-ไวตามินบางตัวทำหน้าที่ต่อต้านสารศัตรูอิสระได้เก่งมาก เช่น ไวตามินซี ไวตามินอี และเบต้าคาโรทีนซึ่งสังเคราะห์เป็นไวตามินเอ


แร่ธาตุ

-แร่ธาตุสารมาจากดิน น้ำ ไม่ใช่มาจากคาร์บอน มีความจำเป็นต่อชีวิตมาก

-แร่ธาตุมีส่วนในการสังเคราะห์ให้เกิดพลังงาน

-แร่ธาตุทำหน้าที่เหมือนเอนไซน์หรือตัวร่วมเอนไซน์ ที่จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี

-แร่ธาตุเป็นตัวสำคัญในการหดตัวของกล้ามเนื้อ เช่น การสูบฉีดโลหิตจากหัวใจมาจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ

-แร่ธาตุเป็นส่วนสำคัญในการรักษาระดับน้ำ ระดับกรด และระดับของเหลวอื่นๆ

-แร่ธาตุเป็นส่วนประกอบของการส่งสัญญาณประสาท

-แร่ธาตุเป็นส่วนในการสร้างฟัน กระดูก ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง การสังเคราะห์โปรตีน และการพัฒนาระบบฮอร์โมน

-แร่ธาตุหลักที่สำคัญจำเป็นต้องมีอย่างน้อย 100 มิลลิกรัมต่อวัน มี 6 ชนิดได้แก่ แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส แมกนิเซี่ยม โปตัสเซี่ยม โซเดี่ยม และคลอไรด์

-แร่ธาตุย่อยอื่นๆ ที่มีความต้องการในร่างกายน้อยกว่า 100 มิลลิกรัมต่อวัน มีปริมาณเล็กน้อยในร่างกาย ได้แก่ธาตุ 14 ชนิด คือ โครเมียม โคบอลท์ ทองแดง ฟลอรีน ไอโอไดน์ เหล็ก แมงกานีส โมลีบเดนัม นิกเกิล เซลาเนียม ซิลิคอน ดีบุก วานาเดียม สังกะสี

ถึงแม้เราจะได้รับไวตามิน และแร่ธาตุเหล่านี้จากการทานอาหารครบทุกกลุ่ม ทั้งนี้หมายความว่าคุณทานผักและผลไม้เก็บสดจากสวนของคุณทันที เพราะโดยมากไวตามินและแร่ธาตุต่างๆ จะสูญไปในการจัดเข้ากล่อง เก็บในโกดัง จัดส่ง และวิธีการปรุงอาหาร เพราะเหตุนี้เราจึงต้องกำไวตามินตามเข้าไปหลังอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณคุมน้ำหนักตัวด้วย

อาหารประเภทไฟเบอร์

-ไฟเบอร์เป็นส่วนที่ประกอบเป็นรูปร่างของพืช

-ไฟเบอร์ตามหลักการแล้วไม่จัดเป็นโภชนาอาหารเพราะไม่สามารถย่อยได้

-ไฟเบอร์อยู่ในพืชและผลไม้ ข้าวกล้อง ถั่วและลูกนัทเปลือกแข็ง เม็ดของพืชเช่น เม็ดฟักทอง เม็ดทานตะวัน และพืชที่มีฝัก เช่นมะรุม กระถิน สะตอ

-ไฟเบอร์ทำให้อุจจาระรวมตัวและผ่านออกจากระบบการย่อยเป็นของเสียที่ขับถ่ายเร็วขึ้น

-ไฟเบอร์ดูดซึมไขมัน ทำให้กระเพาะเต็ม ตัดการรับประทานจุ

-ไฟเบอร์ตัวความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือมะเร็งทางเดินอาหาร

-ไฟเบอร์ที่ไม่ละลายในน้ำส่วนใหญ่มาจากข้าวสาลีไม่ขัด (Whole wheat) ช่วยในการขับถ่ายของเสียรวดเร็วและดีขึ้น

-ไฟเบอร์ที่ละลายในน้ำได้แก่ถั่ว รำข้าวโอ๊ต (Oat bran) มีประสิทธิภาพในการรวมตัว เชื่อว่าช่วยลดโคเลสเตอรอลได้ดี

-สถาบันมะเร็งแห่งชาติของอเมริกาแนะนำการทานไฟเบอร์วันละ 25-40 กรัมต่อวัน คุณต้องการทั้งไฟเบอร์ที่ละลายในน้ำและไฟเบอร์ที่ไม่ละลายในน้ำ

-ถ้าทานไฟเบอร์จากรำมากเกินไปอาจเสียแคลเซี่ยม แมงกานิส และสังกะสี


น้ำ

-น้ำจัดเป็นโภชนาการที่สำคัญที่สุดต่อชีวิต

-เราอาจอยู่รอดชีวิตหลายวันได้โดยปราศจากอาหาร แต่ไม่สามารถรอดได้ถ้าขาดน้ำเพียง 2-3 วัน

-ในร่างกายมีน้ำ 2 ใน 3 และสมองมีน้ำ 85 เปอร์เซ็นต์

-น้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดสำหรับกระบวนการชีวิต รวมทั้งการย่อยอาหาร การดูดซึมสารอาหาร การหมุนเวียนโลหิต และการขับถ่ายของเสีย

-น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของเลือดและน้ำเหลือง

-น้ำปรับอุณหภูมิของร่างกาย

-น้ำหล่อลื่นไขข้อและอวัยวะ

-น้ำให้ความชุ่มชื่นต่อผิว รักษาผิว

-น้ำทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง

-การสูญเสียน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนร้อน หรือเมื่อออกกำลัง ทำให้สูญเสียการถ่ายทอดพลังไฟฟ้าจากแร่ธาตุ เช่น โปตัสเซี่ยม แคลเซี่ยม อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

-เราต้องการน้ำอย่างน้อย 2 ควอทต่อวัน หรือ แก้วขนาด 8 ออนซ์ จำนวน 8-10 แก้วต่อวัน การดื่มน้ำหลังการออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็นมาก

-การดื่มน้ำก่อนอาหารจะทำให้สูญเสียความอยากอาหาร โดยปกติแล้วไม่ควรดื่มน้ำ 20 นาทีก่อนหรือหลังอาหาร เพราะทำให้น้ำย่อยเจือจาง

-ควรดื่มน้ำกลั่นด้วยไอร้อน (Steam distilled water) หรือ distilled drinking water เพื่อให้การดูดซึมและการขับถ่ายของเสียเป็นไปดีที่สุด

มิติของอาหารเหล่านี้ นายแพทย์โดนัล แคลทซ์ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากการค้นคว้าและแนะนำโกรทฮอร์โมนต่อชีวิตมนุษย์ ได้ให้หลักว่า คุณสามารถวางแผนการรับประทานอาหารควบคู่ไปกับการให้โกรทฮอร์โมนช่วยทำงานกับอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังต่อไปนี้

1.ใช้โกรทฮอร์โมนสเปรย์เพื่อกระตุ้นการผลิตโกรทฮอร์โมนในร่างกาย

2.ทานโปรตีนให้พอเพียง

3.จำกัดไขมัน

4.ทานอาหารแป้งในกลุ่มที่ไม่เป็นอันตรายต่ออาการเบาหวาน

5.ทานอาหารแต่ละมื้อห่างกันไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง

6.ถ้าอยากจะอดอาหารก็ทำได้ 1 วันใน 2 อาทิตย์ เพื่อความสะอาดของระบบขับถ่าย

7.ออกกำลังชนิดที่ส่งเสริมการปล่อยโกรทฮอร์โมนเข้าสู่ระบบ

นายแพทย์โดนัล แคลทซ์ แนะนำตารางการรับประทานอาหารในรายที่ใช้โกรทฮอร์โมนไว้ดังนี้

อาหารแป้ง 50-60 เปอร์เซ็นต์

ไขมัน 10-30 เปอร์เซ็นต์

โปรตีน 25-30 เปอร์เซ็นต์

นายแพทย์โดนัล แคลทซ์ แนะนำให้ใช้โกรทฮอร์โมนสเปรย์สำหรับกระตุ้นการปล่อยโกรทฮอร์โมนและสารคล้ายอินซูลินปัจจัยแห่งการเติบโตประเภทที่หนึ่งเข้าสู่ระบบ และเข้าสู่เซลล์หลังจากที่การผลิตและการปล่อยสารนี้ลดลงในวัยกลางคน ควรใช้ก่อนนอน เพราะจะช่วยให้หลับดีขึ้น และช่วยให้การปล่อยโกรทฮอร์โมนเป็นไปสูงสุดเมื่อเริ่มหลับได้ 2 ชั่วโมง ถ้าออกกำลังกายโดยการยกน้ำหนัก ควรใช้หนึ่งชั่วโมงหรือหรือหนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนออกกำลังกาย

นายแพทย์โดนัล แคลทซ์แนะนำว่าควรทานโปรตีนให้มากพอระหว่างที่ใช้โกรทฮอร์โมนและ สารคล้ายอินซูลินปัจจัยแห่งการเติบโตประเภทที่หนึ่ง เพราะโกรทฮอร์โมนต้องการเอาไปสังเคราะห์สร้างกล้ามเนื้อ การเสริมด้วยโกรทฮอร์โมนและ IGF-1 เป็นการใช้โปรตีนจากอาหารให้เป็นประโยชน์โดยตรง แทนที่จะไปดึงเอาโปรตีนที่เก็บไว้ในกล้ามเนื้อ ก่อให้เกิดไนโตรเจนทางลบ อย่างน้อยควรทานโปรตีน 0.8-0.9 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 ปอนด์ แหล่งโปรตีนควรมาจากปลา ไก่ เนื้อปราศจากไขมัน อาหารจากถั่วเหลือง ไข่ขาว โปรตีนจากหางนมหลังการทำเนย