สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
ทำอย่างไรไม่ให้ผิวย่น (ฉบับสมบูรณ์)

อ่านบทความที่ตัวเองเขียนส่งหนังสือพิมพ์นานกว่า 50 ปีมาแล้วก็ย้อนไปถึงความหลัง ประวัติชีวิตของตัวเอง จบจุฬาก็สอนวิชา Introduction to Business ที่วิยาลัยกรุงเทพฯ อยู่ 3 ปี เป็นวิชาที่นักศึกษาทุกคนที่เริ่มเรียนจะต้องเข้าห้องประชุมซึ่งมีกว่า 300 คนในปีแรกที่เข้าเรียนก่อนแยกคณะออกไป ตามเส้นทางในอนาคตที่ตนเลือก สมัยนั้น ท่านผู้อำนวยการคือ ร.ต.อ.สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ตั้งใจจะให้เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกของประเทศไทย ส่ง ดร.เจริญ คันธวงศ์ ไปทำปริญญาเอกเพื่อเป้าหมายนี้ ผู้เขียนทำหน้าที่เลขานุการ ในขณะนั้นก็สอนวิชาดังกล่าวในระหว่างนั้นอยู่ 3 ปี เป็นการปูพื้นฐานความรู้ด้านธุรกิจประเภทต่างๆ เช่น การจัดการบุคลากร การเงิน การโฆษณาประชาสัมพันธ์ การตลาด และการเลือกประเภท ธุรกิจที่เหมาะกับวัตถุประสงค์ เรียกว่า วิชานี้ให้ความรู้แก่นักศึกษาเพียงพอที่จะตัดสินใจเลือกคณะ และมุ่งความสนใจในธุรกิจที่ตนเองชอบและเลือกที่จะดำเนินการต่อไปในอนาคต เมื่อผู้เขียนย้ายไปทำงานโฆษณาประชาสัมพันธ์กับบริษัทดีทแฮล์ม ก็ได้ประสบการณ์และการเชี่ยวชาญมาดำเนินธุรกิจของตัวเอง คือการจำหน่ายโกรทฮอร์โมนซึ่งนับว่าเป็นการตลาดที่มีพื้นฐานความรู้มาจากการสอน การเริ่มชีวิตที่อเมริกาเริ่มต้นด้วยการเดินผ่านโรงเรียนสอนวิชาบำรุงผิว ชื่อ Moro Beauty college ก็เดินเข้าไปเรียนจนจบหลักสูตรอยู่ 1 ปี แล้วก็เปิดคลินิกบำรุงผิว และเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ไทย การสอนวิชาการบำรุงผิวและการตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเรียกว่า เป็นหลักแห่งการดำรงชีวิตที่อเมริกาทีเดียว บทความเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประกอบธุรกิจขณะนั้น ก่อนการเรียนวิชา Human and Health Services ที่ California State University of Long Beach บทความเรื่องทำอย่างไรไม่ให้ผิวย่นนี้ จะเป็นการระลึกถึงความหลัง ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในทุกวันนี้ได้อีก เพราะทุกคนคงจะเริ่มมีรอยย่นกันบ้างแล้ว จึงน่าจะนำมาถ่ายทอดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อมิให้ความหลังแห่งผิวงามเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้วของทุกคน

ผิวย่นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านสรีระของผิว เมื่อเซลล์เริ่มแห้งแบนในชั้นนอก เตรียมตัวเลื่อนขึ้นเป็นผิวตายปกคลุมผิวชั้นล่าง ประกอบกับการสร้างเซลล์ใหม่ในผิวลดลงกว่าครึ่งเมื่อสตรีเริ่มอายุ 35 ปี และจะสร้างเซลล์ลดลงเรื่อยๆจนถึง 60 ปี ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น การย่นบางๆก็ปรากฏเป็นริ้วลึกลงไป อีกทั้งสายใยอีลาสตินซึ่งเป็นโปรตีนช่วยให้ผิวมีความตึงก็อ่อนแอลง สายใยคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีน สร้างความยืดหยุ่นก็สลายตัวโดยการทำลายจากแสงอุลตร้าไวโอแลตในแสงแดด ที่ร้ายกว่านั้นก็คือการสร้างฮอร์โมนเพศทั้งฮอร์โมนชาย และฮอร์โมนหญิงในร่างกายลดปริมาณลง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น เนื่องจากฮอร์โมนเป็นตัวกระตุ้นต่อมไขมันให้ส่งไขมันไปบำรุงผิว

จะทำอย่างไรไม่ให้ผิวย่น ?

1.อย่าออกแดด ข้อนี้สำคัญ เพราะผิวจะชราได้ 2 ประการ ประการแรกเป็นการเปลี่ยนแปลงตามวัย ประการที่ 2 เป็นการชราอันเนื่องมาจากแสงแดด ดร.ลอเรน คิงแมน นักชีววิทยาแห่งแผนกผิว มหาวิทยาลัย เพนซิลเวเนีย กล่าวว่า แสงอุลตร้าไวโอเลต เอ และ บี ซึ่งเป็นแสงแดดแรงสุดของอุลตร้าไวโอเลต นอกจากจะทำปฏิกิริยาในผิว ทำให้ผิวชราก่อนวัยแล้ว ยังก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังด้วย การใช้แสงอุลตร้าไวโอเลตทำให้ผิวคล้ำ ดูมีเสน่ห์นั้นไม่ปลอดภัยแก่ผิวเลย ควรใช้โลชั่นป้องกันแสงแดดที่มีความแรงประมาณ SPF-15 และสวมแว่นกันแดด กับสวมหมวก หรือกางร่ม แม้จะเป็นการออกแดดช่วงสั้นๆก็ตาม เพราะอย่างน้อยแสงแดดทำให้คุณหยีตา และย้ำริ้วรอยย่นหางตามากขึ้น ถ้าคุณเคยรักการถูกแดดมาตั้งแต่อายุ 14 ปี และไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็ควรเปลี่ยนนิสัยได้แล้ว เพราะจะเห็นผลเสียก่อนวัยอันควร ดูจากบริจิตต์ บาร์โด ดาวยั่วโด่งดังในอดีต ชอบใส่บิกินี่ถ่ายรูปกลางแดดเป็นประจำ ผิวย่นจนไม่สามารถดึงหน้าให้ตึงได้ การทาครีมกันแดดบางคนก็แพ้ครีม เดี๋ยวนี้มีสเปรย์น้ำ ผสมซิงค์ออกไซด์ผสมโปรตีนเอนไซม์บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและรักษาผิวไม่ให้ย่นด้วยโปรตีนสำหรับเซลล์

2.เลี่ยงคุณอุณหภูมิสูง ทั้งร้อนและหนาวจัด ก็มีส่วนทำให้เส้นใยผิวถูกทำลายได้ หน้าหนาวก็ควรพันคอใส่ถุงมือ และสวมหมวกกันแดด ที่ดีที่สุดคือสเปรย์โปรตีนเอนไซม์น้ำบ่อยๆ จะช่วยป้องกันความแห้งจากความหนาวจัดและร้อนจัด มิให้ทำอันตรายผิวมากเกินควร

3.ควรมีการบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการนวดหน้า ใช้โปรตีนเอนไซม์ย่อยเข้าสู่เซลล์บำรุงผิว เพื่อช่วยผิวในการสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่เริ่มแบนแห้งตายไปตามวัฏจักร

4.เดี๋ยวนี้การใช้ครีมบำรุงไม่ใช่เป็นการบำรุงรักษาผิวที่ตรงกับความต้องการของผิวเสมอไป ต้องมีการวิจัยผิวว่าต้องการอะไร เพราะผิวอาจขาดน้ำ แต่เจ้าของพอกครีมน้ำมันบนผิว ทำให้ผิวเกิดอุดตัน ไม่เรียกว่า รักษาผิวตามความต้องการ อย่างน้อยบำรุงไปที่เซลล์ด้วยโปรตีนเอนไซม์ คือ การรักษาผิวที่อยู่ในความต้องการเฉพาะหน้า จากนั้นก็วินิจฉัยว่า อะไรจึงจะเหมาะสมกับผิวต่อไป

5.ควรมีการลอกผิวตายด้านชั้นนอกออกบ้าง เพื่อให้การบำรุงได้ผลไปถึงเซลล์ชั้นล่างได้สะดวก แต่การลอกผิว ก็ไม่ใช่ลอกกันจนไม่เหลือหลอชั้นผิวที่จะปกป้องผิวจากอันตรายรอบข้าง ควรลอกโดยการแนะนำของผู้มีใบอนุญาต ไม่ใช่เชื่อตามคำบรรยายกล่องอย่างเดียว

6.ดื่มน้ำบริสุทธิ์มากๆ ถ้าผิวขาดน้ำ เซลล์ก็ไม่สามารถนำอาหารเข้าสู่ระบบได้ และในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถขับถ่ายของเสียได้สะดวก เซลล์ก็แห้ง ถ้าอยู่ในที่บรรยากาศแห้ง ควรใช้อุปกรณ์ปล่อยความชื้นในห้อง จะเห็นได้ว่า เขาเอาแก้วน้ำตั้งไว้ในตู้เครื่องเพชรพลอยเสมอ เราก็ควรบำรุงผิวด้วยความชื้นธรรมชาติเหมือนกัน

7.อย่าสูบบุหรี่ หรืออยู่ในบรรยากาศที่มีควันบุหรี่ เช่น ในไนท์คลับ เพราะมีหลักฐานว่าการสูบบุหรี่ก่อให้เกิดรอยย่นไม่เฉพาะที่ริมฝีปากบน แต่ที่ขอบตาด้วย เพราะการหรี่ตาหลบควันบุหรี่ และนิโคตินยังขัดขวางการเจริญเติบโตของชั้นเซลล์ ทำให้ผิวตายด้านหนาขึ้น ไม่สามารถถ่ายทอดออกซิเจนในการหายใจ เพื่อฟอกโลหิตให้บริสุทธิ์ ไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆได้เต็มที่

8.รับประทานอาหารถูกหลักครบถ้วน เช่น ผักสด ผลไม้สด และไฟเบอร์มากๆ อาหารประเภทแป้ง ของหวาน และไขมัน LDL น้อยๆ ไวตามินของผิวได้แก่ไวตามินเอ อยู่ในผักสีเหลืองสดเช่น แครอท ฟักทอง และซัมเมอร์สควอทซ์สีเหลืองที่คนไทยเอามาแกะสลัก ไวตามินซี จากส้ม ไวตามินอีจากผลอะโวคาโด และไวตามินดีจากแสงแดดอ่อนๆ การดื่มแอลกอฮอล์ มีส่วนทำให้เกิดเส้นเลือดขอด นอกเหนือไปจากการทำลายการทำงานของตับในการผลิตฮอร์โมน และสารเคมีสำคัญเข้าสู่โลหิต และทำลายเซลล์สมองด้วย

9.นอนหลับให้พอเพียง ผิวจะสะท้อนสุขภาพที่ดี ทานอาหารถูกต้อง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และนอนหลับพอเพียง

การปฏิบัติตามหลักดังกล่าวนี้ จะได้ผลสมบูรณ์ขึ้น ถ้าสามารถกระตุ้นระบบของร่างกายให้ผลิตฮอร์โมนโดยทั่วไป ฮอร์โมนคือการสื่อสารระหว่างเซลล์ตลอดเวลา และสร้างเซลล์ใหม่ ถ้าร่างกายขาดฮอร์โมนจากต่อมนายใหญ่ที่ต่อมพิจุอิทาริ ผิวจะขาดการหล่อเลี้ยง เดี๋ยวนี้แพทย์สามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนจากต่อมพิจุอิทาริมาอยู่ในขวดได้แล้ว