สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
วิญญาณคืออะไร

คุณเคยสงสัยไหมว่า วิญญาณคืออย่างไร คุณเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับวิญญาณบ้างไหม ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์กับวิญญาณด้วยตัวเองเมื่อ 70 ปีก่อน ยังเด็กอยู่ ไม่รู้อะไรเป็นวิญญาณ รู้แต่ว่า พี่สาวกระโจนมาหาเราที่นอนอยู่กับแม่ เธอบอกว่า สามีมาเข้าฝัน เป็นห่วงเธอที่กำลังมีครรภ์แล้วจะต้องอยู่คนเดียวเพราะเขาได้เสียชีวิตแล้ว พร้อมกับเอามือทั้งสองมาบีบคอพี่สาวจะให้ตายไปอยู่กับเขา นั่นคือ วิญญาณของพี่เขยมาเข้าฝันและตั้งใจจะให้พี่สาวไปอยู่ด้วยกันในรูปของวิญญาณ พี่สาวคลำเจอแหวนที่นิ้วซึ่งบีบคออยู่ ก็นึกได้ว่า แหวนนี้เป็นแหวนเกียรติยศจากการเป็นพลร่มกล้าตาย ที่พี่สาวได้รับแหวนคืนจากทหารที่นำมาให้เมื่อเย็นวันนั้นพร้อมแจ้งข่าวการเสียชีวิตของสามี เรื่องจึงปลุกพี่สาวจากความฝันที่เขาต้องการเอาเธอไปอยู่ด้วยกันในอีกภพหนึ่ง นี่คือวิญญาณของบุคคลหนึ่ง ซึ่งสมัยที่มีชีวิตอยู่เป็นบุคคลที่จัดว่ากำลังจิตสูง ไม่กลัวความตาย เมื่อตายไปแล้ว จิตก็ยังกล้าทำตามที่คิดแม้จะออกจากร่างกายแล้ว เป็นอุทธาหรณ์ว่า จิตแม้จะละจากร่างกายแล้ว ยังมีพลัง สามารถทำตามที่จิตสั่งให้คิดได้ ต่อมาไม่นานผู้เขียนได้ยินเสียงร้องไห้ที่กอข่าซึ่งปลูกไว้ในสวนไม่ไกลจากบ้าน นั่นคือ วิญญาณของพี่เขยที่สามารถส่งเสียงตามจิตสั่งการได้

วิญญาณคืออะไร วิญญาณคือ สภาวะที่จิตละร่างกายแล้ว เราเรียกว่า วิญญาณออกจากร่างแล้ว สามารถทำตามที่จิตสั่งได้

จิต กำเนิดจากพลังจิต Mechanical Life Force ทำหน้าที่ดำรงไว้ซึ่งการทำงานของร่างกาย และบังคับการทำงานของระบบร่างกาย แม้จิตออกจากร่างกายแล้วก็ยังสามารถบังคับให้คิดและทำตามบงการได้ เพราะเหตุว่า ชีวิตประกอบด้วยสองอย่าง คือ พลังจิต Mechanical Life Force กับพลังลมปราณ Prana Life Force ซึ่งทำงานเพื่อสร้างรูปแบบการเกิดใหม่ ชีวิตมีการหายใจเป็นเครื่องบ่งบอก เมื่อร่างกายไม่สามารถทำการหายใจได้ เพราะระบบไม่สื่อสารกันแล้ว ก็ยังคงไว้แต่ วิญญาณ ที่อาศัยกายอยู่

กายหลักแยกเป็น 7 ประการ ได้แก่ 1.กายเนื้อ The Physical Body 2.กายทิพย์ The Etheric Body 3.กายอารมณ์ The Emotional Body 4.กายจิตระดับต่ำ The Mental Body (lower) 5.กายจิตระดับสูง The Mental Body (Higher) 6.กายศักดิ์สิทธิ์ The Psychic Body 7.กายวิญญาณ The Spiritual Body

การที่จะอธิบายความหมายของวิญญาณ ถ้าอิงวิทยาศาสตร์ในแง่ของ Quantum Physics ที่ว่าพลังงานจากรังสีคอสมิคที่อยู่รอบตัวเรามาจากคลื่นของดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์หรือดาวเคราะห์ใดๆ ก็ตามที่หมุนเวียนเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดเป็นความสั่นสะเทือนก่อให้เกิดพลัง เรานำพลังมาใช้ในการบำบัดการบกพร่องของร่างกายด้วยจักระ อาจทำสมาธิจิตแน่วแน่รักษาอาการเจ็บป่วยของร่างกายตนเอง โดยส่งพลังจิตไปสู่จักระที่มีอาการเจ็บป่วยเกิดขึ้นตรงอวัยวะนั้นๆ เรียกว่า ส่งพลังจิตไปตรงจักระที่อวัยวะนั้นไม่ทำงานตามสมรรถภาพที่ปกติ หรือส่งพลังจิตไปทำการรักษาบำบัดอาการป่วยของผู้อื่นที่อยู่ไกลด้วยการส่งจิตไปตรงจักระของผู้ป่วยนั้น เราสามารถทำได้ เพราะจิตทำงานกับวิญญาณของผู้บำบัดและผู้ป่วย โดยผ่านพลังงานของรังสีคอสมิคที่เคลื่อนไหวอยู่รอบตัวเรา เพราะโลก ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์อื่นๆ ในจักรวาลเคลื่อนไหวทั้งหมด

ความสามารถนี้ เราเคยมีประสบการณ์ง่ายๆ ที่สามารถอ่านความคิดของผู้อื่นได้ เรียกว่า ESP หรือ Extra-Sensory-Persuasion มาจากการทำงานของจิตแน่วแน่บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับวิญญาณของผู้เสียชีวิตไปแล้ว สามารถมาเข้าฝัน บีบคอ และเกิดในครรภ์ของภรรยาเพื่อดำรงชีวิตใหม่ได้ ถ้าจิตแน่วแน่หรือกำกับวิญญาณให้ทำตามที่จิตสั่ง

คำถาม คือว่า เรายังสามารถสั่งจิตให้ปฏิบัติการต่อวิญญาณของผู้อื่นได้อยู่หรือเปล่า

วิญญาณ เป็นส่วนที่ละเอียดอ่อนจากการทำการอันแน่วแน่ของจิต และอนุภาคที่อยู่รอบตัวเรา ซึ่งอาจไม่บริสุทธิ์ มีสารพิษควันเสีย และการสั่นสะเทือนจากการเคลื่อนไหวและเสียงในมวลบรรยากาศ อาจมีส่วนทำลายการทำงานของจิต และไม่ช่วยให้วิญญาณทำงานได้เต็มที่

ตัวอย่างที่พระอาจารย์ไพบูลย์ นิสัยสุตานุยุติ สามารถส่งดวงแก้วมาให้ผู้เขียนทางสมาธิ และผู้เขียนเห็นดวงแก้วสีเงินพร้อมประกายระยิบระยับพุ่งขึ้นสูง ณ ดวงตาข้างซ้าย ดวงตาข้างขวาเห็นดวงแก้วสีทองส่งประกายขึ้นสูงสีทอง และเห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระดำเนินอยู่ที่กลางหว่างดวงตา พระหัตถ์ทรงเคลื่อนไหวไปตามพระบาทที่กำลังย่างก้าว ชายพระจีวรโบกพลิ้วตามแรงลม ที่ปรากฏเห็นนี้ ไม่มีการบงการของจิต เป็นการทำงานละเอียดของวิญญาณที่บริสุทธิ์ของผู้ส่งดวงแก้ว และผู้รับ ซึ่งปรากฏในสมอง ตามหลักสรีระวิทยา มีการประสานงานของเซลล์ประสาท 5 อย่าง ได้แก่ การเห็น การได้ยิน การรู้รส การรู้สึก และการได้กลิ่น ทำงานต่อกับประสาทของโครงกระดูกสมอง 12 คู่ กับกระดูกสันหลังอีก 31 คู่ และประสานงานกับระบบประสาทที่ 3 เรียกว่า ประสาทอัตโนมัติ Autonomic Nervous System

ผู้เขียนพยายามสรุปความหมายของวิญญาณ เอาจากระบบวิทยาศาสตร์สมองว่า เป็นการประสานงานของการทำงานประสาทสมอง ประสาทสันหลัง และอวัยวะที่อยู่ใกล้เคียงกัน เรียกว่า

1.Central Nervous System ได้แก่ การทำงานของประสาท 5 อย่าง ได้แก่ การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรู้รส และการรู้สึก

2.Peripheral Nervous System ทำงานกับโครงกระดูกสมอง 12 คู่ และกระดูกสันหลัง 31 คู่

3.Autonomic Nervous System ทำงานประสานกับโครงกระดูกสมอง และกระดูกสันหลัง ร่วมกับอวัยวะภายในที่ตั้งอยู่ ณ จุดใกล้กัน อีกนัยหนึ่ง ระบบประสาททำงานประสานกันทั้งศีรษะ ร่างกาย และอวัยวะภายใน เราจึงอาจบำบัดอาการเจ็บป่วย หรือ สามารถหาสาเหตุแห่งการเจ็บป่วย ได้ตรงจุดที่เรียกว่า จักระ และเราอาจบำบัดอาการบกพร่องของร่างกาย โดยส่งสมาธิไปช่วยให้อวัยวะตรงจุดที่เรียกว่า จักระ นั้นทำงานดีขึ้นได้ โดยนัยแห่งการประสานงานของวิญญาณ

นี่ยังมิได้กล่าวถึงว่า การทำสมาธิจิต สามารถสร้างอภิญญาให้กับวิญญาณได้ 5 ประการ คือ 1.ฤทธิ์ทางกาย 2.การกำหนดกระแสจิตผู้อื่น 3.หูทิพย์ 4.ระลึกชาติได้ 5.นัยตาทิพย์ หรือ เห็นการณ์ไกล ซึ่งมาจากประสาทสมอง 12 คู่ เพื่อให้วิญญาณรับรู้ จาก การได้กลิ่น การเห็น การกลอกตา กระกระพริบตา การรับรู้ จากที่เห็น การรับสัมผัสจากโหนกแก้ม การยิ้ม การได้ยิน การกรองเสียง การเคี้ยว การขยับปาก การกลืน การส่งสัญญาณให้หัวใจ ปอด และลำไส้

ด้วยเหตุนี้กระมัง ไม่มีใครยืนยันได้ว่า วิญญาณที่มาจุติในท้องของพี่สาว หรือวิญญาณที่ส่งเสียงร้องไห้หลังจากเข้าฝันนั้น เป็นวิญญาณที่เสียชีวิตไปแล้วของพี่เขย เพราะวิทยาศาสตร์กับความเป็นจริง ต้องพิสูจน์