สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
ปลอดสิวหน้าร้อนนี้

เวลาคุณออกแดด หรือขับรถไปเที่ยวในเมือง จะรู้สึกว่าเหนียวเหนอะหนะ ยิ่งถ้ารับประทานอาหารเผ็ดจัด ไม่ค่ายมีผักผลไม้สด ไม่ค่อยดื่มน้ำบริสุทธิ์ด้วยแล้ว วันรุ่งขึ้นจะได้สิวบนผิวหน้าทันควันทันใด ทำอย่างไรใบหน้าจะปลอดสิวได้ในหน้าร้อนนี้ หรือคุณผู้ชายที่โกนหนวดแล้วชอบมีสิวตามรอยเคราอาจหายหล่อได้ เพราะมัวกังวลว่านี่เราทำอะไรผิดหรือเปล่า สิวเจ้ากรรมถึงได้เกิดขึ้นตอนนัดพบเธอพอดี

ที่ควรสนใจคือการทำความสะอาดผิวตอนฤดูร้อน ถ้าคุณเคยใช้ครีมล้างหน้าราคาแพง ยี่ห้อหรู สิ่งนั้นไม่ใช่สาระสำคัญ เว้นห่างได้เลยในหน้าร้อน ถ้าคุณใช้ครีมรองพื้น แล้วใช้ครีมล้างหน้า มีโอกาสอุดตันได้ง่าย เพราะหน้าร้อนเหงื่อออกมาก ควันพิษและสารเคมีในอากาศช่วยการเพาะสิว โดยเกิดการหมักหมม อักเสบจากแบคทีเรียไปบริโภคของเสียที่อุดตัน ผิวไม่สามารถป้องกันตัวเองและฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้เพราะทำความสะอาดไม่ดีพอ ภูมิคุ้มกันผิวจากแอซิตแมนเทิล (Acid Mantle) และชั้นคุ้มกันผิวเรียกว่า Gunk ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันการอักเสบของผิว ถูกพอกด้วยควันพิษและสารเคมี ไม่สามารถคงสภาพในการเป็นกรดเพื่อฆ่าเชื้อโรคได้ การทำความสะอาดผิวในฤดูร้อน ควรใช้ เจลที่มีโปรตีนเอนไซม์ (Gelle Cleanser) เพื่อซึมแทรกลงไป ทำให้สารพิษที่เคลือบอยู่หลุดออกมาเสียก่อน แล้วจึงทดแทนโปรตีนเคลือบผิวที่ถูกทำลายไปโดยวัสดุเคมีอันตรายในอากาศ ทำให้ผิวกลับคืนสภาพของแอซิตแมนเทิลที่แข็งแรงทำงานได้ตามประสิทธิภาพที่ควรจะทำ การป้องกันผิวด้วยตัวของมันเองจึงจะเกิดได้ด้วยการช่วยเหลือของเจ้าของผิว

การมีสิวไม่ใช่เรื่องใหญ่ เดี๋ยวนี้การค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ลึกซึ้ง ไปถึงขั้นที่ใช้เม็ดในของลูกว่านซึ่งแต่ก่อนไม่รู้จักกันเลยมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการกำจัดไขมันอุดตันได้ สมัยก่อนอยู่เมืองไทยเมื่อเป็นสิวก็ไปหาหมอ แพทย์ก็จะให้ทานยาปฏิชีวนะ ซึ่งฆ่าเซลล์ดีๆ ของร่างกายในภูมิต้านทานไปเสียด้วย คนที่ทานยาแอนตี้ไบโอติคมากเกินควร บางที่เล็บเป็นสีคล้ำ เลือดขาดความเข้มข้นในการต้านทานโรค เมื่อมีสิวมากๆ แพทย์ก็เจาะเอาสิ่งอุดต้นออก สร้างแผลเป็นให้ผิวไปตลอดชีวิต เดี๋ยวนี้ยิ่งเป็นสิว ยิ่งต้องถนอมผิว ไม่มีการแกะแคะได้ ใช้วิธีป้อนอาหารเลี้ยงเซลล์จากภายใน ทำให้สิ่งอุดตันเลื่อนขึ้นสู่ชั้นบนผิวเร็วขึ้น หลุดร่อนเร็วขึ้น ผิวไม่ถูกทำลาย เพราะผิวมีวัฎจักรป้องกันและทำลายสิ่งที่เป็นอันตรายด้วยตัวเอง เพียงแต่เจ้าของผิวรู้ว่าจะใช้อะไรช่วยผิวในยามคับขันและต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น

หลังจากช่วยผิวในการทำความสะอาดด้วยเจลที่มีโปรตีนเอนไซม์ ก็ตามด้วย น้ำโปรตีนเอนไซม์ (Protein Spray Mist) เพื่อเสริมความแข็งแรงของเซลล์ เอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีนเข้าสูเซลล์ดีขึ้น ปราศจากเอนไซม์ เซลล์จะไม่สามารถดื่มและกินได้ เหมือนกับขาดการช่วยนำเข้าสู่เซลล์ ในร่างกายของคนเรามีเอนไซม์เยอะแยะ ทำหน้าที่เฉพาะส่วน เช่นในปากก็มีเอนไซม์คือน้ำลาย (Saliva) ช่วยแป้งในกระเพาะอาหารก็มีเอนไซม์เรียกว่ากรดเพพซิน (Pepsin) ช่วยย่อยโปรตีน ตับก็ส่งเอนไซม์เรียกว่าน้ำดี (Bile) ไปช่วยย่อยไขมัน อาหารจึงจะได้รับการย่อยอย่างสมบูรณ์ สามารถดูดซึม เข้าสู่ระบบกระแสโลหิตไปเลี้ยงเซลล์ได้

เส้นผมก็มีเอนไซม์ช่วยผลิตผมเรียกว่า Tyrosinase ถ้าขาดเอนไซม์นี้ โปรตีนในผม เรียกว่า Tyrosine ก็ไม่สามารถผลิตสีได้ ก็กลายเป็นผมหงอก ฉะนั้น การที่เรากระตุ้นการผลิตโกรทฮอร์โมนธรรมชาติด้วยสเปรย์ที่มีชื่อการค้าว่าอิลีทโกรทฮอร์โมน ก็ไปช่วยกระตุ้นการนำโปรตีนคืนไปสู่เซลล์ของเส้นผม ในระยะ 6 เดือนตามการค้นคว้าศึกษาของแพทย์พบว่า ผมกลับมีสีธรรมชาติอีก หลังจากไม่มีสีในวัยชราเป็นเวลานาน ก็น่าสนใจติดตามดูต่อไป

ตัวหัวใจในการป้องกันสิวหน้าร้อน อยู่ที่ แอสตรินเจนกำจัดสิว (Acne Conditioning Astringent) เพื่อผลิตจากการค้นคว้าของแพทย์ออกมาทันหน้าร้อนนี้ ประกอบด้วยสารฆ่าเชื้อจากเยื่อไม้เรียกว่า Willow bark น้ำมันอบเชย (Cinnamon) ซึ่งเป็นสารฆ่าเชื้อตามธรรมชาติที่ดีอีกอย่างหนึ่งในขณะที่บำรุงผิวไปด้วยในตัว และป้องกันเชื้อราหลายตระกูลซึ่งทำให้สิวลุกลาม นอกจากนี้ประกอบด้วยสารแอสตรินเจนต่อต้านการอักเสบและลดไขมันอุดตัน ทำให้ผิวไม่หมักหมมจากความสกปรก ทำมาจาก พืชเรียกว่า Green Tea และมีไวตามินซี จากผิวสีขาวอมส้มช่วยทำลายสารศัตรูอิสระในผิว และมีการสกัดจากเม็ดในขมจัดของพืช เรียกว่า Guarana ซึ่งปลูกตามแถบลุ่มน้ำอะเมซอน น้ำมันจากเม็ดในของพืชกัวรานาสลายการอุดตันของไขมันที่เป็นบ่อเกิดของสิว และฆ่าการติดเชื้อลุกลามของสิว นอกจากนี้กรดซาลิซิลิค (Salicylic Acid) จากพืชเรียกว่า Wintergreen และ Sweet birch ซึ่งเป็นแอสตรินเจนธรรมชาติที่ฆ่าเชื้อ ใช้มานานในการรักษาผิวมีสิว และผิวชรา สารเคมีที่อยู่ในแอสตรินเจนบำรุงรักษาผิวมีสิวได้แก่ สารตะกั่ว ทองแดง และสารที่สำคัญที่สุดในการควบคุมปฏิกิริยา 5 ชนิดที่ทำให้เกิดสิวคือ Sepicontrol 5 ตัวที่บำรุงความชุ่มชื้นสำหรับผิวมีสิวคือ Sodium Lactate ซึ่งไม่ก่อให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิว และแสดงความชุ่มชื้นบนผิว ไม่เหมือนกับแอสตรินเจนทั่วไปที่ทำให้ผิวแห้งกร้านหลังจากใช้ ซึ่งมีผลให้เซลล์ขาดน้ำและความชุ่มชื้น ไม่สามารถสร้างเซลล์ขึ้นแทนที่เซลล์ที่ถูกทำลายด้วยเชื้อโรคและสิว กลายเป็นแผลเป็นระยะยาว

เท่านี้ก็แก้ปัญหาที่เคยมีมาในอดีตจากสิว ถ้ารู้อย่างนี้มานานแล้ว ก็ไม่ต้องทรมานจากสิวต่อไปยังดีที่มีคนฉลาดและขยัน ผลิตแอสตรินเจนบำรุงผิวมีสิวได้ทัน


กำจัดสิวหัวดำ

นี่คือเรื่องเล็กแต่เป็นจุดใหญ่ของคำว่าสิว สิวเสี้ยนหรือสิวหัวดำ เกิดขึ้นกับทุกคน อย่าคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว ถึงแม้ว่าผู้โชคดีที่มีผิวเนียนทั่วไป จะไม่รู้จักคำนี้ แต่มันอยู่ในช่องเปิดว่างของต่อมไขมัน หรือที่โคนขน ไม่เฉพาะแต่บนใบหน้า แต่ปรากฏตามแผ่นหลัง ตามไรผม ตามรอยเครา โดยเฉพาะบนจมูก แม้ว่าจะไม่มีขุมขนเลย แต่ประกอบด้วยต่อมไขมันเพียบ อย่างน้อยก็มีไขมันเกาะตัวอยู่ เมื่อถูกกับอากาศก็เปลี่ยนสีเป็นหัวดำ เรื่องเล็กมาก เอามือเค้นก็ออกแล้ว แต่ถ้าคุณทำไม่ถูกวิธี เกิดติดเชื้อเข้าสู่กระแสโลหิต เคยมีหนุ่มร่างกำยำตายเพราะสิวบนจมูกเม็ดเดียวมาแล้ว

การทำความสะอาด รักษาความสะอาดอย่างถูกวิธี ด้วย เจลเอนไซม์ ตามด้วยโปรตีนสเปรย์ผสมเอนไซม์ ถ้าเป็นคนผิวหยาบ จะยังมีรอยสิวหัวดำปรากฏอยู่ให้เห็นบ้างไม่มากก็น้อย สุภาพบุรุษบางท่านไม่รู้ว่าไปทำอย่างไรมากับใบหน้า มีสิวหัวดำเกิดเป็นกลุ่มใหญ่มากที่โหนกแก้ม และข้างจมูก ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ผิวที่มีต่อมไขมันหนาแน่นเลย ปรากฏว่าใช้โลชั่นแอสตรินเจนวันหนึ่งบ่อยมากถึง 2-3 ครั้ง เพื่อทำลายไขมัน แต่ผลก็คือทำให้ผิวส่วนบนสูญเสียน้ำ เลยบิดกระชับทับไขมันไว้เป็นสิวหัวดำมากมายเป็นกลุ่มก้อน

คุณสาวๆ ส่วนใหญ่จะไม่มีปัญหานี้ ยกเว้นคนที่มีปัญหาสุขภาพ จากต่อมไทรอยด์ ทำให้ผิวแห้งปิดทับไขมันด้านล่างผิวไว้ เกิดเป็นสิวหัวดำเห็นได้บนผิว หรือคนที่ผิวมัน พยายามกำชับไม่ให้ไขมันปรากฏด้วยการใช้สบู่ด่างอย่างแรง หรือสบู่ผสมคอลโรฟิลด์ ทำให้อักเสบกลายเป็นเรื่องบานปลาย เพราะผิวพยายามปล่อยน้ำมันมากขึ้นอีก แต่โดนกันกันไว้ จึงกลายเป็นสิวหัวดำ

การกำจัดสิวหัวดำ ไม่ใช่ทำด้วยสองเล็บบีบเค้นออกมา จะกลายเป็นรอยช้ำ เปลี่ยนเป็นสีคล้ำกว่าจะจางหายก็นานวัน ยิ่งถ้าทานเนื้อวัวระหว่างนั้นด้วย มีโอกาสผิวเป็นจุดดำไปอีกนาน อาจจะเป็นเพราะสารเคมีจากเนื้อวัว มีปฏิกิริยากับสารเคมีในร่างกายของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน

การเตรียมการกำจัดสิวหัวดำ ต้องมีกรรมวิธีกำจัดชั้นเซลล์ที่เคลือบอยู่เสียก่อน เพื่อให้เปิดโอกาสให้สิวหัวดำทะลุออกจากเยื่อที่ปิดทับอยู่ หลังจากทำความสะอาดด้วยเจลเอนไซม์ กับน้ำอุ่นจนสะอาดดีแล้วให้ซับหน้า ด้วยผ้าจนหนูอุ่น แล้วทาหน้าด้วย Benzoyl Peroxide Scrub 2.5% ลูบเบาๆ เป็นวงกลมจนแห้งประมาณ 1-4 นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่นจนเกลี้ยง ซับหมาดด้วยผ้าอุ่น จะช่วยให้ผิวที่ปิดคลุมอยู่หลุดล่อนออก จากนั้นทาครีมลอกผสมเอนไซม์ (Enzyme Peel 5%) บนผิวชุ่มเล็กน้อย ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 2-3 นาที ทาทับด้วยผงโปรตีนเอนไซม์ผสมกับ dilutant (เรียกว่าเจลผสมกับผงเป็นครีมพอกหน้า) อย่างละครึ่งช้อนชา จะช่วยทำงานใต้ผิว กระชับด้านล่างของผิวดึงหัวสิวขึ้นสู่เบื้องบนผิว ทิ้งไว้จนแห้งประมาณ 7-10 นาที เท่านั้นยังไม่พอ ให้ทาทับด้วยผงโปรตีนผสมกับ dilutant อีกชนิดหนึ่งเป็นชั้นที่สอง อีก 7-10 นาที เพื่อเสริมการดึงหัวสิวขึ้นสู่บนผิวจากเบื้องล่าง พอถึงตอนนี้ใบหน้าจะตึงเขม็ง แต่ส่วนล่างของผิวจะมีการกระตุ้นให้ผิวบีบหัวสิวขึ้นสู่ด้านบน พร้อมที่หลุดร่อนออกมาด้วยตัวเองในวันรุ่งขึ้น หรือใช้อุปกรณ์กดเพียงเล็กน้อย สิวหัวดำจะสปริงโดดออกจากต่อมโดยง่าย เป็นการทำความสะอาดสิวหัวดำแบบถอนรากถอนโคน ทั้งนี้ต้องปฏิบัติการซ้ำอีกในรอบ 15 วัน หรือ 30 วันต่อมา เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนอายุของเซลล์ภายในผิวด้วย

หลังจากการกำจัดสิวหัวดำด้วยมือหรืออุปกรณ์ช่วยชั้นนี้แล้ว ควรใช้ครีมพอกหน้าผลิตจากส่วนผสมของเคลย์กับพืชสมุนไพรและกำมะถัน 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อกำจัดแบคทีเรีย และป้องกันสิวมิให้เกิดอุดตันอีกในอนาคต ครีมพอกผสมกับเจลสำหรับบำบัดสิวผสมในปริมาณเท่ากัน พอกทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 2-4 นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่น ซับด้วยผ้าอุ่น แล้วทาเอนไซม์เจลบนหัวสิวทิ้งไว้เป็นการปิดรายการ ผิวส่วนอื่นๆ ให้ใช้ ครีมน้ำนมแรกเพื่อส่งเสริมการเกิดใหม่ของเซลล์ ป้องกันแผลเป็นหรือรอยลึกหลังจากบีบสิวหัวดำออกไป

ข้อควรระวังคือไม่ควรใช้ครีมที่มีน้ำมันกับผิวมีสิว และควรใช้แต่ โลชั่นผลิตสำหรับทำความสะอาดสิวเรียกว่า Acne Conditioning Astringent เท่านั้น เพราะไม่ทำให้ผิวส่วนบนแห้งปิดทับไขมันอีก

จะเห็นได้ว่า การกำจัดสิวหัวดำสมัยใหม่จากการค้นคว้าของวิทยาศาสตร์การแพทย์ไม่ใช่การเจาะแล้วบีบเหมือนสมัยก่อน ซึ่งทิ้งรอยแผลเป็นไว้ชั่วนิรันดร์ กว่าจะรู้ว่าสมัยก่อนคนเรายังโง่อยู่ก็ซื้อบทเรียนด้วยผิวเสียไปเสียแล้ว ก็ต้องเรียนกันต่อไปว่าจะแก้ผิวที่เสียได้อย่างไร