สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
การทำงานของจิตและกาย

ไม่มีข่าวใดที่ดึงดูดความสนใจได้มากเท่าข่าวทารกเกิดใหม่ใต้ซากปรักหักพังของอาคารที่ทับถมอยู่มีชีวิตรอดได้ถึง 4 วัน เมื่อผู้ค้นพบนำร่างทารกขึ้นมาหลังจากแผ่นดินไหวรุนแรง 7.8 ริกเตอร์สเกลที่ตุรกี ผู้เขียนคิดว่า เซลล์คงมีชีวิตอยู่เพราะเซลล์ยังติดต่อได้กับเซลล์ที่ยังดำรงการทำงานอยู่ในร่างกายมารดา ทั้งเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ กล้ามเนื้อการแบ่งคลอด กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อทารกทุกส่วน ทั้งระบบกระดูกที่จะช่วยสร้างโลหิต ที่มีพลาสม่า 55% และเซลล์โลหิต 45% ทำงานด้วย Electrocardiogram หรือ ECG ที่เรารู้จักกันในนาม EKG หรือระบบที่แพทย์ใช้ตรวจการทำงานของหัวใจ ทำงานโดยการสื่อสาร ทางการหดตัวหรือเรียกว่าหัวใจเต้นเป็นนิจสิน ปราศจากการกระตุ้นของประสาท เพราะมีเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจทำงานเป็นอิสระแต่ละเซลล์ ประสานงานกันอย่างสอดคล้องโดยไม่ต้องใช้การกระตุ้นภายนอก ร่างกายของทารกจึงทำงานประสานกันอย่างอยู่รอดปลอดภัยถึง 4 วัน ไม่รู้ว่ามารดาได้สิ้นชีวิตเมื่อใด เพราะความเจ็บปวดจากการคลอดบุตร แต่ทารก็ดำรงชีวิตอยู่ได้จนมีเจ้าสุนัขหรือหน่วยกู้ภัยไปพบใต้ซากตึกหลังจาก 4 วัน คงเป็นเพราะว่าการส่งกระแสไฟฟ้าตามธรรมชาติในการสื่อสารระหว่างเซลล์ของทารกเกิดใหม่ โดยมิต้องอาศัยการกระตุ้นกล้ามเนื้อ เพราะมีการหดตัวของกล้ามเนื้อโดยอิสระของทารกแรกเกิดเองที่ทำงานโดยอัตโนมัติ เรียกว่าการทำงานสื่อสารทางไฟฟ้า electrophysiological impulse ที่มีประสิทธิภาพโดยอัตโนมัติของหัวใจ กระตุ้นดีกว่ากล้ามเนื้อหัวใจเอง ทุกจังหวะมีประสิทธิภาพมากกว่าการกระตุ้นที่เรียกว่า electrochemical หรือ EKG ที่ทำงาน เริ่มแต่ 0-16-26-34-46-50 วินาที จนถึงเวลา 261 วัน ที่ตามในข่าวทำไม่รู้ว่าเกิดมาแล้วเป็นเวลา 4 วัน ระบบทำงานในร่างกายของทารกอาศัยระบบเซลล์ของมารดามาทำงานเองโดยอัตโนมัติ เพราะมดลูกไม่สามารถหายใจได้เหมือนปอดที่ยุบหนอพองหนอจากการหายใจมารดาจึงบำรุงชีวิตทารกได้ด้วยรถที่ห่อหุ้มร่างเด็กอยู่ ระบบโลหิตทำงานส่งเลือดให้หัวใจทารกอย่างไม่คำนึงถึงคุณภาพโลหิตผ่านทางมารดา เม็ดเลือดแดงยังส่งออกซิเจน เมื่อได้รับความอุ่นจากสิ่งแวดล้อม ก็เพิ่มปริมาณน้ำ เป็นการนำออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือดก่อนที่จะถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์โลหิตของทารก พูดง่ายๆก็คือถ้าแม้เซลล์ทารกจะไม่ได้หายใจเอาอากาศภายนอกเข้าไปเอง ระบบการทำงานในมดลูกของมารดาก็สามารถนำออกซิเจนให้อยู่ในระบบน้ำเพื่อช่วยการถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิตของทารกในมดลูกได้ ร่างกายของทารกจึงจะสามารถสร้าง 10 ระบบที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของตัวเองในภายหลังได้

ร่างกายของเรามี 10 ระบบ ต้องอาศัยอาหารที่ผ่านการมีชีวิตมาก่อนเพื่อเลี้ยงเซลล์ให้เจริญชีวิตต่อไป เพื่อการประสานงานของทุกระบบ ตั้งแต่ 1.ระบบหมุนเวียนโลหิต ตั้งแต่หัวใจ ทำการกรองโลหิตใช้แล้วให้มีคุณภาพส่งออกไปสู่เซลล์ของอีก 9 ระบบ เช่น 2.ระบบกระดูก 3.ระบบประสาท 4.ระบบกล้ามเนื้อ 5.ระบบกำจัดสารพิษ 6.ระบบย่อยอาหาร 7.ระบบขับถ่าย 8.ระบบการสร้างฮอร์โมน 9.ระบบการหายใจ 10.ระบบสืบพันธุ์

อาหารที่ร่างกายควรได้รับสมบูรณ์ควรมีครบ 5 หมู่ และหายใจเอาออกซิเจนบริสุทธิ์ให้แก่โลหิต เราได้ออกซิเจนผ่านทางการปล่อยของพืช ส่วนอาหารการกิน 5 หมู่ เช่น 1.แป้ง หรือคาร์โบไฮเดรท 2.โปรตีนจากเนื้อสัตว์ หรือ ถั่ว 3.ไฟเบอร์ จากพืชผัก และผลไม้ เพื่อช่วยการเคลื่อนกากอาหารหลังดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกายแล้ว จะเคลื่อนผ่านออกทางลำไส้ใหญ่และทวารหนัก กับ ระบบปัสสาวะ 4.ไขมัน มาจากพืช เช่น mono unsaturated fat และ poly unsaturated fat ยกเว้น น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันปาล์ม เป็นที่มาของ highly saturated fat น้ำมันในการผัดหรือทอดที่ผู้เขียนใช้เป็นประจำได้แก่ สเปรย์น้ำมันมะกอกสำหรับการผัดหรือทอดทุกอย่าง เช่น ผัดข้าวใส่ไข่ เม็ดถั่วสปลิทพีกับแครอท หรือสำหรับทอดมันหมูให้แห้งก่อนรับประทานเล่นกรอบๆ อาหารกลุ่มที่ 5 ได้แก่ อาหารเสริมไวตามินและสารมีประโยชน์ที่ร่างกายบกพร่อง เช่น แคลเซี่ยมผสมไวตามินดี 3 เพื่อช่วยการเดินเหินให้แข็งแรง

แป้ง จำเป็นสำหรับการช่วยร่างกายให้เกิดพลังงานในการเคลื่อนไหว ไม่จำเป็นเฉพาะต้องอยู่ในข้าว อาจเป็น ขนมปัง ซีเรียล ผลไม้ และถั่วแห้ง ก็กินไปพรอ้มกับกินข้าวผัดใส่ถั่วสปลิทพี และแครอทและไข่ อาจได้แป้งจากของหวาน เช่น ช็อกโกแลตใส่ถั่วลิสง เส้นพลาสต้าหรือก๋วยเตี๋ยวบะหมี่ ก๋วยเตี๋ยวธรรมดา ไม่ให้สารที่สูงด้วยคุณค่ามากนัก เราใช้พลังงานจากแป้ง เพื่อการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ และควรควบคุมปริมาณเกลือ และโคเลสเตอรอลในแป้งด้วย ถ้าร่างกายขาดแป้ง ก็จะเริ่มเปลี่ยนไขมันและโปรตีนเป็นพลังงานแทน กล่าวกันว่า คาร์โบไฮเดรทหนึ่งกรัมจะให้พลังงาน 4 แคลอรี่ บุรุษควรบริโภคแป้ง 2,900 แคลอรี่ หรือประมาณ 360 กรัมต่อวัน สตรีควรบริโภคประมาณ 2,200 แคลอรี่ หรือประมาณ 275 กรัมต่อวัน

ไขมันที่เห็นชัดมาจากน้ำมันสลัด ไขมันเนื้อสัตว์ที่ควรบริโภค ควรมาจากถั่ว เนื้อปลา ผลแตกต่างระหว่าง saturated fat กับ unsaturated fat อยู่ที่หน่วยโมเลกุลที่ห่อหุ้มด้วยอะตอมของไฮโดรเจนเรียกว่า ไขมันอิ่มตัว ซึ่งมีอันตรายต่อการเพิ่มปริมาณโคเลสเตอรอลที่จะส่งผลไปสู่โรคหัวใจ จึงควรบริโภค ไขมันไม่อิ่มตัว หรือ unsaturated fat ที่มีในปลา เช่น ปลาแซลมอน จะจับไขมันร้ายทิ้งไป นอกจากนี้มีอยู่ในน้ำมันพืช ซึ่งมีปริมาณไขมันต่ำที่สุด

คุณอาจสงสัยว่า Polyunsaturated fat คืออย่างไร นั่นคือ ไขมันที่ใช้ประกอบอาหารนั้นมาจากแหล่งของพืช หรือ mono unsaturated fat ยกเว้นมาจากน้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปาล์ม ซึ่งนับว่ามีไขมันอันตรายสูง highly saturated fat

กลุ่มไวตามินที่มีประโยชน์ เช่น ไวตามินเอ มักมีคำว่า Acetate หรือ Palmitate ในครีมบำรุงผิวสำหรับบำบัดอาการอักเสบ ถ้าอาหารที่บริโภคขาดไวตามินเอ อาจนำไปสู่การสูญเสียน้ำหนักร่างกาย เจริญเติบโตช้า ผิวมีสีเหลือง และเกิดโรคที่ดวงตา หรือมีปัญหาในทารกแรกเกิด หรือ มีความดันสูงภายในกะโหลกศีรษะ ไวตามินอยู่ในพืชสีเหลืองและเขียว ในผลิตภัณฑ์จากนม ตับ และน้ำมันตับปลา ช่วยป้องกันการไม่เจริญเติบโตของผิวชั้นบน

ไวตามินซี ascorbic acid มักใช้เป็นตัวป้องกันการสูญเสียความชื้น ในครีมบำรุงผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสกัดสีผม ไวตามินซีช่วยความแข็งแรงของฟัน และกระดูก และเสริมความแข็งแรงของทางเดินโลหิต ไวตามินซีระเหยเร็ว และเสียคุณภาพรวมเร็วจากการระเหย

ไวตามินดี 2 Calciferol มีคุณสมบัติในการบำบัดรักษา ใช้ในครีมป้อนความชุ่มชื้นให้ผิว ถ้าขาดไวตามินดี อาจง่อยเปลี้ยหรืออัมพาต

ไวตามินบี 12 สกัดจากตับ เชื่อกันว่า สามารถช่วยป้องกันร่างกายที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง

กลุ่มไวตามินบีคอมเพล็กซ์ รวมทั้ง thiamine และ riboflavin เป็นไวตามินที่ควรบริโภคสามารถละลายได้ดีในน้ำ