สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
ปรัชญาเพื่อชีวิตที่งดงาม

นักปรัชญาชื่อ โอมาร์ คัยยัม เคยกล่าวไว้ว่า “ไม่มีอะไรดีหรือเลว ความคิดทำให้เป็นเช่นนั้น” ความคิดเมื่อสรุปเป็นสัจจะแห่งชีวิตได้ เรียกว่าตรัสรู้ สามารถถ่ายทอดสอนต่อเนื่องกันเป็นศาสนา ศาสนามีพื้นฐานแห่งความดีและเมื่อปฏิบัติตามแล้วเกิดผลดีอย่างใดอย่างหนึ่งต่อชีวิต หรือหลายอย่างต่อคนหนึ่งและหลายๆ คน คนทั่วไปจึงยอมรับปฏิบัติตามต่อๆ กันไป นี่คือบ่อเกิดแห่งความคิดที่จะเป็นปรัชญาสอนต่อกันไปได้ อย่างมีผลดีต่อชีวิต ต่อชุมชน และต่อส่วนรวมขยายวงกว้างออกไป

เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้เขียนได้มีโอกาสสัมผัสสิ่งที่เรียกว่าความคิดสมัยใหม่ จากนักปรัชญาสมัยใหม่ ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดผลดีต่อชีวิต และต่อไปเมื่อปฏิบัติตามนี้เป็นเวลานานๆ น่าจะสรุปเป็นปรัชญาเพื่อความงามของชีวิตได้ดีทีเดียว ข้อคิดนี้สรุปได้เป็นภาษาอังกฤษว่า ไซโออิ (SAIOE)

S คือ Some of things หมายความว่า อะไรบ่างอย่างที่ผ่านมาในชีวิต จะเป็นโอกาส การพบปะเพื่อนใหม่ การมีความคิดเกิดขึ้นใหม่ อะไรบางสิ่งบางอย่างที่คุณประสพพบอยู่

A คือ Appreciation ได้แก่การขอบคุณ หมายถึงว่าเราต้องหัดขอบคุณผู้อื่น ขอบคุณตัวเอง ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอบคุณพระเจ้า คือหัดขอบคุณเป็นนิสัย แล้วเราจะประสพความสำเร็จ เหมือนที่ฝรั่งสอนว่า มีคำพูดสามคำที่จะนำไปสู่ความสำเร็จแห่งชีวิต คือ Good morning, I’m sorry, และ Thank you จะต้องหัดพูดให้ติดปากและใช้อยู่เสมอ แล้วจะประสพความสำเร็จ คำว่า Appreciation กินความหมายกว้างไปถึงการรู้จักบุญคุณ และรู้จักขอบคุณในทุกสิ่งที่ได้รับ หรือบางสิ่งที่ประสพอยู่ เราก็รู้ว่าคนที่เนรคุณคนอื่นจะไม่เจริญ การขอบคุณรวมไปถึงการขอบคุณร่างกายของเรา แขนขาของเราที่รับใช้เรามาจนบัดนี้ แล้วเราจะปราศจากความเจ็บปวดแขนขา อย่างที่ผู้เขียนเคยเล่าว่านักกีฬาโอลิมปิคสามารถเดินได้วิ่งได้อีกครั้งหนึ่งเพราะขอบคุณขาของตัวเองอยู่เป็นประจำประมาณ 3 เดือน อาจจะเป็นเพราะความที่จิตนิ่ง ทำใจให้สบายและใช้มือลูบขาขอบคุณขาของตัวเองทำให้มีการเดินทางของน้ำเหลือง กำจัดสารพิษในส่วนขา สามารถวิ่งได้อีก

I คือ Inspiration หมายถึงการยอมรับวิถีทางที่ถูกต้องมาปฏิบัติ หรือ แผ่เมตตาหรือส่งความดีจากจิตใจของเราไปสู่ผู้อื่น ย่อมช่วยให้เป็นที่รักของคนทั่วไป เพราะปฏิบัติชอบ และไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร รู้จักสร้างบารมีให้กับตนเอง

O คือ Opening ได้แก่การเป็นคนใจกว้าง ใจเปิดรับความรู้ใหม่ๆ ไม่แคบคับจนขยับยาก ไม่ดื้อจนไม่ยอมรับความเห็นขอบคนทั่วไป คือรู้จักเปิดหูเปิดตาสู่วิทยาการสมัยใหม่ และยอมรับวิทยาการสมัยใหม่มาใช้ให้เกิดผลดีต่อตนเองและบุคคลทั่วไป

E คือ Enter essence of you ได้แก่การรู้จักตัวเอง วิจัยข้อดี ข้อบกพร่อง จุดอ่อน จุดแข็ง และอุปนิสัยที่ประกอบเป็นตัวของคุณเอง ถ้าเรายอมรับสิ่งเหล่านี้ เราก็รู้ว่าจะเริ่มต้นไปสู่ความก้าวหน้าแห่งชีวิตได้อย่างไร จริงหรือไม่ ถ้าคุณยอมรับ ณ จุดนี้ เริ่มจากตัวเราเองก่อน ทำตัวของเราให้พร้อมที่จะก้าวไปสู่ความเจริญ ขยายเติบโต เท่านี้เราก็คงจะพอที่สร้างความสำเร็จให้ตัวเองได้ จริงหรือไม่

จาก SAIOE เอาประกอบกัน เราจะสรุปได้ว่า 1.สิ่งอะไรก็ตาม 2.ให้เรารู้จักขอบคุณ 3.เรียนรู้ 4.ให้เปิดกว้าง และ 5. รู้จักตนเอง

เพียงเท่านี้ ลองใช้ความเป็นนักปรัชญา คิดต่อให้ลึกซึ้ง คุณน่าจะพบสัจจะแห่งชีวิต เป็นข้อๆ เมื่อพบกันอีกครั้ง ลองมาคุยกันดูซิว่า ปรัชญาชีวิต 5 ตัวนี้ คุณได้ตรัสรู้อะไรบ้าง ที่จะเป็นความงดงามแห่งชีวิต

มินู โกลาซ่าร์ กล่าวไว้ในหนังสือชื่อความลับของธรรมชาติสำรับสุขภาพและความงาม (Nature’s Secrets for Health and Beauty) ว่าสุขภาพเป็นสิ่งสะท้อนความสมดุลระหว่างร่างกาย จิตใจ สิ่งแวดล้อม และการบริโภคอาหาร ถ้าคุณต้องการสุขภาพดียืนยาว ประกอบด้วยความสุขสมบูรณ์ในชีวิต กุญแจที่จะนำคุณไปสู่ประตูนั้นก็คือ การขอบคุณตัวเอง การยอมรับตัวเอง และการเรียนรู้จิตใจและเข้าใจภาวะของร่างกายของตนเอง น่าคิดให้ลึกซึ้งทีเดียว

การขอบคุณตัวเองคืออย่างไร ผู้เขียนเคยยกตัวอย่างแล้วถึงนักกีฬาโอลิมปิคที่ไม่สามารถแม้แต่จะเดินได้ เพราะความผิดปกติในร่างกาย เมื่อไปพบมิสเตอร์เบอร์นาร์ด ไฮน์แมนน์ นักวิทยาศาสตร์จุลชีวเคมีและวิศวกรก่อสร้าง ซึ่งเป็นผู้คิดค้นสูตรเครื่องสำอางบำรุงผิวโปรตีนเอนไซม์รักษาผิวด่างขาวเป็นผลสำเร็จเป็นคนแรก มิสเตอร์เบอร์นาร์ดแนะนำนักกีฬาสตรีผู้นั้นว่า ให้กลับไปบ้านนะ นอนในอ่างอาบน้ำอุ่น ใส่ฟองสบู่หอมด้วย (นัยว่าเพื่อผ่อนคลายจิตใจ) แล้วใช้ฝ่ามือลูบไล้ตัวและขาไปมา พร้อมกับจิตใจก็ให้คิดขอบคุณขาทั้งสองและร่างกายที่ได้รับใช้เธอให้เป็นนักกีฬาโดดเด่นมาได้ เวลาผ่านไป 3 เดือนโดยไม่ได้พบกันอีก วันหนึ่งทั้งสองได้พบกันโดยบังเอิญที่ลานจอดรถ นักกีฬาโอลิมปิคผู้นั้นบอกกับมิสเตอร์ไฮน์แมนน์ว่า รอตรงนี้นะ แล้วเธอก็ออกวิ่งรอบลานจอดรถให้ดู ว่าผลการปฏิบัติตามที่เขาแนะนำให้ขอบคุณร่างกายตัวเองนั้น ไม่ทำให้เพียงแต่สามารถเดินเหินได้ แต่วิ่งได้เหมือนก่อนอีก

เรื่องนี้ ผู้เขียนประสบกับตัวเองมาแล้ว วันหนึ่งมิสเตอร์ไฮน์แมนน์มาเยี่ยมห้องเรียนที่ผู้เขียนเป็นผู้สอนวิชาบำรุงผิวอยู่ นักเรียนทั้งหมดเกือบ 30 คนเตรียมที่ให้เขานำผลิตภัณฑ์มาแสดง เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถแสดงความเปลี่ยนแปลงของผิวได้จนมีชื่อกระฉ่อนโลก แต่ผิดคาด เขาไม่ได้นำผลิตภัณฑ์มาเลยแม้แต่อย่างเดียว กลับพูดถึงจิต และร่างกาย ความสมดุลของสองตัวนี้ และท้ายที่สุดถามว่าใครมีอาการปวดอยู่บ้างหรือไม่ในชั้นนี้ ผู้เขียนรีบยกมือขึ้น เพราะตอนนั้นมีปัญหาเรื่องปวดหัวเข่าอยู่นานแล้ว เนื่องจากเป็นนักเดิน และทำงานก็เดินทั้งวัน ถ้าสอนวันละ 12 ชั่วโมง จะเดิน 11 ชั่วโมง ยกเว้นตอนพักเท่านั้น วันหยุดก็เดินริมทะเลอีกวันละประมาณ 3 ไมล์ หัวเข่าก็เลยส่งข่าวว่าไม่ไหวแล้วจ้า มิสเตอร์ไฮน์แมนน์บอกว่า ผมจะจับหัวเข่าคุณ พร้อมกันก็ในคุณนึกขอบคุณหัวเข่าของคุณด้วยที่รับใช้คุณมาจนบัดนี้ เรื่องนี้ไม่น่าเชื่อ ทันทีที่มิสเตอร์ไฮน์แมนน์จับเข่าเร็วๆ 2 ที เท่านั้น ก็สามารถสะบัดเท้าได้โดยไม่มีอาการปวดเข่าอีก ผู้เขียนเชื่อว่าจิตและร่างกายสัมพันธ์กัน เพราะทันทีที่คุณมีความทุกข์ คุณจะผ่ายผอมทันที

การมีความรู้เรื่องการกินและเข้าใจว่าธรรมชาติมีอะไรเป็นประโยชน์แก่เราบ้าง เป็นพื้นฐานของระบบสุขภาพ อารมณ์ จิตใจและวิญญาณ กับความประพฤติของเราได้ดี เราควรเข้าใจพื้นฐานของความเจ็บป่วยว่า สาเหตุมาจากอะไร เช่นปวดศีรษะ อาจมาจากเซลล์สมองขาดอาหารหรือออกซิเจน พักผ่อนนอนหลับไม่เพียงพอ ถ้าเรารู้เช่นนี้เราก็แก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่หยิบยาแก้ปวดหัวกันร่ำไป เพราะยาให้ผลร้างข้างเคียง เนื่องจากเป็นสารเคมีสังเคราะห์ เช่นยาแก้ปวดอาจทำให้เป็นแผลในกระเพาะอาหาร เพราะกรดสูง หรือยาฆ่าเชื้อแอนตี้ไบโอติค อาจทำลายเซลล์เม็ดเลือดได้ถ้ามากเกินควร เช่นมีเด็กนักเรียนคนหนึ่งเล็บเป็นสีน้ำเงิน ได้ความว่าเภสัชกรอ่านลายมือแพทย์ไม่ชัด จ่ายยาฆ่าเชื้อให้กินเกินขนาด จนเล็บเขียวไปหมด

สุขภาพเป็นผลเนื่องมาจากความสมดุลของความต้องการของร่างกายกับจิตใจ เช่นเด็กชายที่เริ่มโตเป็นหนุ่มจะแสวงหารูปแบบความเป็นแมนจากพ่อ ถ้าครอบครัวขาดพ่อ เด็กชายจะเกิดความขัดแย้งทางอารมณ์ แสดงออกต่างๆ นาๆ ท้ายที่สุดอาจเป็นเหยื่อของสตรีโฉบเอาไปครองเสียก่อนจะเรียนจบ ความต้องการของร่างกายดูง่ายๆ จากการที่เราอยากกินอาหารอย่างหนึ่ง อาจเป็นเพราะเราขาดธาตุอาหารอย่างนั้นในร่างกาย เราก็ต้องสนองด้วยการกินอาหารนั้น อย่างคนแรกตั้งครรภ์อยากกินอาหารแปลกๆ เป็นต้น

มีปัจจัยหลายอย่างที่จะนำไปสู่สุขภาพที่ดีของร่างกายและจิตใจ ถ้าคุณรู้จักร่างกายของคุณดีพอ ฟังข่าวสารของร่างกายอย่างใกล้ชิด คุณจะพบว่าอาหารก็เป็นเสมือนยาบำบัดอาการผิดปกติของร่างกายด้วย การเจ็บป่วยโดยตัวของมันเองไม่มีหรอก นอกจากจะเกิดช่องว่างขึ้นที่ใดที่หนึ่งในร่างกาย เราจะต้องสร้างภูมิต้านทาน เพื่อต่อต้านเชื้อโรคและสารอนุมูลอิสระ มิให้เข้าไปทำอันตรายต่อเซลล์ สารอนุมูลอิสระคือโมเลกุลซึ่งอิเล็กตรอนไม่ครบ คอยเข้าไปหาจับคู่จากเซลล์ ในขณะเดียวกันก็ดูดอาหารไปจากเซลล์ ทำให้เซลล์ทุพพลภาพด้วย เป็นที่ยอมรับกันว่าโรคหัวใจ โรคทางเดินเลือด และมะเร็งเป็นผลมาจากสารอนุมูลอิสระนี่เอง สารอนุมูลอิสระอาจเกิดขึ้นจากของเสียภายในร่างกายเอง หรือมาจากภายนอก จากอากาศ เข้าไปทำปฏิกิริยาเคมีกับเซลล์ ทำลายน้ำย่อยของเซลล์ แล้วก็เป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ

การช่วยให้ร่างกายสามารถมีภูมิต้านทานแข็งแรง นอกจากการทำงานของโกรทฮอร์โมนไปเสริมความแข็งแรงของต่อมไทมัสที่กระดูกไหปลาร้าแล้ว เราอาจได้สารต่อต้านอนุมูลอิสระจากการทานสมุนไพร เช่นสะระแหน่ ผักชี ใบพีช ใบมะละกอ หรือใบวัชพืชชื่อแตนตรีล่อน และไวตามินเช่น เบต้าคาโรทีน ไวตามินเอ อี ซี และ เซเลเนี่ยม ทานพืชผักเขียวสด สาหร่าย และต้องทานอาหารหลายๆ อย่าง เพื่อให้ได้ไวตามินหลากหลายนานาประเภท ดื่มน้ำบริสุทธิ์ เช่นน้ำกลั่นสำหรับดื่มเป็นต้น และควรพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ออกกำลังในที่มีออกซิเจนเป็นประจำ พักจิตทำสมาธิบ้างพอสมควร