สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
ชีวิต

ถ้าท่านผู้อ่านจำบทความของผู้เขียนเรื่องตัวบงการชีวิต ที่บอกว่า ตัวจีโนมของมนุษย์ (Human Genome) คือตัวรหัสสารเคมีของ ดี.เอ็น.เอ. ในเซลล์ เป็นตัวบงการว่าใครจะเหมือนใคร เพราะตัวกำหนดคือ จีนส์ (Genes) สำหรับบทความเรื่องชีวิตนี้ จะมุ่งไปพิจารณาที่ว่า ใครจะอยู่ ใครจะไปมากกว่า และจะไปไหนด้วย เพราะตอนมีชีวิตอยู่ก็รู้กันดีอยู่แล้ว อยู่ที่ไหน อยู่อย่างไร อยู่กับใคร เขาว่าเป็นเรื่องของบุญของกรรม ใครทำไว้อย่างไร ก็ได้อย่างนั้น และไม่ใช่เฉพาะแต่ทำในชาตินี้เท่านั้น ทำไว้หลายชาติก่อนหน้านี้แล้วด้วย เพราะสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถระลึกชาติได้เป็นร้อยชาติปางก่อน จำได้แม้แต่ชื่อญาติหรือชื่ออาหาร ทำไมเราไม่ลองมาพิจารณาคิดดูว่า ชาติต่อไปเราอยากเกิดเป็นอะไร หรือต้องการเกิดอีกหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ความเพ้อฝัน แต่เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ ที่เขาเรียกว่า quantum physics เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเวลากับความเร็ว ที่อาจสัมพันธ์กับชีวิต

ถ้าคุณคิดว่าชีวิต คือ เกิดแล้วแก่ แก่แล้วเจ็บ เจ็บแล้วตาย เป็นตัวบงการชีวิต คุณอยากเกิดอีกไหม หรือจะเกิดมาพบคู่ชีวิตคนนี้อีกไหม อย่างผู้เขียนเอง สุขภาพดี ไม่เคยคิดเลยว่าจะตาย เพราะไม่เคยป่วย พอแก่แล้วอยู่ดีๆ เกิดป่วย ไม่ใช่ป่วยเพราะมีโรคอะไรประจำตัวหรอก เกิดท้องเสียอาเจียน หมดเรี่ยวแรงพาลคิดว่าจะตายหรือไม่ มันบ่แน่ดอกนาย ตอนยังมีชีวิตอยู่จึงน่าจะเตรียมตัวตายไว้ให้ดี เพราะตายแล้วต้องการจะไปไหนเรื่องน่าคิด โดยเฉพาะ ตอนยังมีชีวิตอยู่ต้องคิดให้เรียบร้อยว่าตายแล้วอยากไปไหน อยากเกิดอีกหรือไม่ จะได้เกิดเป็นมนุษย์หรือเปล่ายังเป็นปัญหา

ผู้เขียนเคยเห็นชีวิตคนมามาก สมัยยังมีชีวิตอยู่ก็สนุกสนานไปวันหนึ่งๆ ตกเย็นก็ล้อมวงกินเหล้าเฮฮา พอตายกะทันหัน ไม่ได้คิดเตรียมตัวล่วงหน้า ชีวิตจบโดยไม่มีเป้าหมาย ชีวิตก็ไม่มีที่ไป ต้องอยู่ตรงจุดที่ตาย โดยเฉพาะจุดที่นั้นจนกว่าจะมีคนอื่นมาแทนที่หรือส่งวิญญาณไปสู่สุขคติ

ชีวิตประกอบด้วยกลุ่มเซลล์ เรียกว่า Quark ทำหน้าที่สื่อสารกันด้วยฮอร์โมน ระหว่างเซลล์หนึ่งถึงอีกเซลล์หนึ่ง เวลาเซลล์หนึ่งแก่ ก็ได้รับการสื่อสารว่าหมดชีวิต เซลล์อื่นเกิดใหม่แทนที่ในกลุ่มนั้น เป็นระบบร่างกาย เซลล์ไหนบกพร่อง ก็มีการสื่อสารให้ได้รับการรักษาจนแข็งแรงขึ้นจากปัจจัยคืออาหารและไวตามินต่างๆ กลุ่มเซลล์ที่ทำการสื่อสารกันหลายๆ กลุ่มก็เป็นการดำเนินชีวิตเป็นระบบ เรารู้จักการสื่อสารของกลุ่มเซลล์ในนามของชีวิตหรือเรียกว่าวิญญาณ เมื่อยังมีชีวิตอยู่เราเรียกว่ามีชีวิตจิตใจเพราะมีวิญญาณที่สื่อสารกันในกลุ่มเซลล์ และติดต่อระหว่างระบบต่างๆ จิตต่างกับใจตรงที่ความคิดหรือการบงการ อาจถูกบงการโดยการศึกษา การเรียนรู้ทางโลกที่เรียกว่าปริญญา การเรียนรู้ทางธรรมที่เรียกว่า ศาสนา ชีวิตคนเราจะสมบูรณ์ ถูกต้องตามครรลอง ตามกฎหมาย ตายแล้วมีเป้าหมาย ก็ต้องเรียนรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม ชีวิตที่ขาดการเรียนรู้อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ขาดความคิด ที่เรียกว่า ปัญญา

เมื่อผู้เขียนฝันว่าตุ๊กตาไม้พูดกับผู้เขียนว่ายูจะตายวันที่ 1 เมษา ท่านหลวงตาประทีปที่เรากำลังระลึกถึงคุณงามความดีมหาศาลที่ท่านเพียรสร้างไว้สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านเขียนหนังสือชื่อการสร้างโบสถ์ เป็นหลักวิชาอันมีค่าที่ท่านสร้างไว้ประดับโลกนี้ ท่านได้ตรวจดวงชะตาชีวิตของผู้เขียนแล้วบอกว่า ดวงนี้ยังไม่ตายดอกแต่ชีวิตจะเปลี่ยนไป ดวงตาจะเห็นสัจธรรม ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นโดยไม่ต้องแสวงหาก็มาเอง เมื่อผู้เขียนคิดถึงความตอนนี้ ก็ให้แปลกใจว่าท่านสามารถหยั่งรู้ได้จากการศึกษากำเนิดของดวงชะตาได้แม่นยำยิ่งนัก

ย้อนกลับมาเรื่องของชีวิต เรามีจิตเป็นตัวบงการสมัยเมื่อยังมีชีวิตอยู่ และเราก็สามารถตั้งจิตบงการเมื่อพ้นจากชีวิตนี้ได้เช่นเดียวกัน ผู้เขียนทึ่งมากๆ เมื่อได้ฟังพระอาจารย์สติสัมปันโน (แปลว่า ความถึงพร้อม) หรือที่เราเคารพนับถือกันอย่างสูงในนามพระอาจารย์สุภณ ท่านพูดธรรมะให้ฟังทุกวัน เวลา 18 – 20 น. ที่วัดไทยลอสแองเจลิส ณ ตึกกรรมฐานวันจันทร์ อังคาร ศุกร์ ที่ใต้ถุนโบสถ์ วันพุธกับพฤหัสฯ

ผู้เขียนสนใจในคำบรรยายธรรมะของท่านว่า ชีวิตนี้มีทั้งสุขและทุกข์ สุขมีสองอย่าง คือสุขกาย และสุขใจ ความสุขคือสภาพที่ทนได้ง่าย เช่น เราทนร้อนไม่ได้ ก็ใช้เครื่องทำความเย็นหรือกางร่ม เพื่อให้สุขทางกาย ความไม่มีโรคก็เป็นสุข ความถึงพร้อมด้วยปัจจัยต่างๆ ก็เป็นความสุข สภาพที่ไม่ต้องขาดอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ทำให้สุขทั้งทางกายและทางใจ คนมีปัญญาสามารถมีความสุขทางใจได้ เพราะคิดเป็น คิดในเรื่องที่สร้างสรรค์ ได้มาจากการเรียนรู้วิทยาการ การศึกษา ดูตัวอย่างชีวิตของผู้อื่นที่มีความสุข และดำเนินตาม ทำให้มีความสุข การดำรงชีวิตอยู่ในอารมณ์ที่น่าปรารถนาคือสุขทางใจ เป็นความหลุดพ้นจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ที่ก่อให้เกิดความอยาก และหลงผิด คิดไปในทางที่ผิด ก่อให้เกิดทุกข์

ที่สุดของสุขคือพระนิพพาน การศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้า ก่อให้เกิดการพัฒนาจิตจนถึงนิพพานได้ นั่นคือ ไม่ต้องเกิด ไม่ต้องผจญความทุกข์ จากความแก่ ความเจ็บป่วย แม้ความตาย พระอรหันต์เมื่อดับขันธ์ก็เข้าสู่นิพพาน เพราะพระอรหันต์บรรลุแล้วซึ่งพระธรรม และปฏิบัติตามพระวินัยจนปราศจากกิเลสแล้ว

อันนี้น่าคิด ทำให้ถ่องแท้ว่า เมื่อยังมีชีวิตอยู่ เราสามารถตั้งโปรแกรมความคิดให้มีความสุขทางใจได้ นอกเหนือการสร้างโปรแกรมให้ร่างกายมีความสุขกับชีวิตได้แล้ว หลังจากชีวิตหาไม่แล้ว ยังสามารถตั้งโปรแกรมให้มีความสุขนิรันดร คือ ไม่ต้องเกิดให้ทุกข์ แก่ให้ทุกข์ ป่วยให้ทุกข์ และตายให้ทุกข์อีก โดยการตั้งโปรแกรมให้ถึงพระนิพพาน

ทำอย่างไรจึงจะสามารถตั้งโปรแกรมถึงพระนิพพานได้ ผู้เขียนยังพยายามศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งบรรยายโดยพระอาจารย์สุภณอยู่เพื่อการเตรียมตัว ที่แน่ๆ ตอนมีชีวิตอยู่ก็คือ ได้เห็นได้ยินเรื่องคนตายแล้วไม่รู้จะไปไหน เพราะเขาไม่เคยตั้งจิตไว้ก่อนเสียชีวิต มีแต่ความมืด ไม่รู้จะไปทางไหน ก็วนเวียนอยู่แถวนั้น ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ก็ตาม เพราะก็เป็นชีวิต มนุษย์ แปลว่า ผู้มีใจสูง สัตว์ก็มีความคิดในระดับหนึ่ง มีจิตคิดในระดับนั้น มีกตัญญูรู้คุณที่เราเห็นอยู่เสมอ เช่น ข่าวที่สุนัขช่วยชีวิตลูกกวางจากแม่น้ำ และช่วยเลียให้แห้ง อย่าดูถูกว่าเป็นสัตว์จะไม่มีความคิด เราเป็นมนุษย์ โชคดีที่มีผู้ชี้ทางให้พ้นจากความทุกข์ได้ ควรเป็นผู้มีใจสูง

เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ลองปฏิบัติสมาธิดู สมาธิเป็นเรื่องความมั่นคงของชีวิต โดยฝึกจิตให้อยู่เฉยไม่คิดอะไร เป็นความว่างของจิต ผู้เขียนใช้วิธีสวดมนต์พระคาถาชินบัญชร เมื่อจบแล้วจิตว่าง เพราะตอนสวดไม่คิดอะไรอื่น ผู้เขียนสอนวิธีสมาธิให้กับลูกศิษย์ที่ไม่เคยรู้พุทธธรรมมาก่อนโดยใช้หลัก 3 V’s คือ ตามเสียง Voice ตามภาพ Vision แล้วทำจิตว่าง คือ Void ตามเสียง อาจเป็นเสียงสวด ภาพอาจเป็นภาพที่สามารถยึดใจเขาไว้ได้ คืออยู่ในความนับถือของเรา มองจนจิตรวมเป็นหนึ่งที่ภาพ แล้วหลับตา ไม่ยึดติดกับภาพ ทำให้จิตว่าง ผู้เขียนเองเคยมีประสบการณ์ว่าได้สมาธิจากวิธีดังกล่าวนี้มาแล้ว แน่นอนว่ามีหลายวิธีที่จะทำให้จิตเข้าสู่ภาวะแห่งความมั่นคงเป็นความว่างได้ แล้วแต่บุคคล จึงควรศึกษาปฏิบัติให้ถึงนิพพาน ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม เริ่มแต่บัดนี้จะได้มีเวลาตั้งจิตให้มั่น

การตั้งจิตเข้าถึงนิพพาน คงจะต้องฝึกปฏิบัติและรู้แนวทางที่จะดับกิเลสเสียก่อน พระอรหันต์เมื่อดับขันธ์ก็เข้าสู่นิพพาน เพราะพระอรหันต์บรรลุแล้วซึ่งพระธรรมและปฏิบัติพระวินัยจนปราศจากกิเลสแล้ว

ผู้เขียนตั้งจิตว่าเมื่อยังมีชีวิตอยู่ จะสามารถศึกษาพระธรรมและปฏิบัติตามจนปราศจากกิเลส เพื่อให้ถึงวันที่สามารถตั้งจิตถึงพระนิพพานได้ ยังไม่สายเกินไป เพราะยังมีชีวิตอยู่ ผู้อ่านลองศึกษาและปฏิบัติดู ตั้งจิตให้ถึงนิพพาน นี่คือความหมายของชีวิต จะช่วยให้ชีวิตมีค่าต่อการดำรงชีพมากขึ้น