เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวทางทีวีว่าสุนัขตัวหนึ่งคลอดลูก 8 ตัวที่สนามบินแอลเอเอ็กซ์ระหว่างรอเที่ยวบิน ข่าวต่อมาปรากฎภาพให้เห็นว่ามีคนช่วยทำคลอดและอุ้มลูกหมาตัวน้อยๆ ทั้ง 8 ไปดูดนมแม่ซึ่งก็ต้องแย่งกันนิดหน่อยตามประสาหิวเพิ่งออกมาจากห้องแม่ยังไม่ได้กินนมเลย ไม่รู้ว่าเต้านมแม่มีพอหรือไม่ ต้องมีการแย่งกันนิดหน่อย ทั้งดันทั้งซุกให้ถึงหัวนมแม่ ซึ่งก็น่ารักดีที่ตัวกลมๆ ยังไม่ลืมตาทำหน้าที่เพื่อความอยู่รอดในวินาทีของโลกใหม่นอกท้องแม่ ข่าวต่อมาปรากฏภาพแม่หมามีสายคล้องคอ เดินจูงนำหน้ากลุ่มคนที่ให้ความช่วยเหลือดูแลทำคลอด และเข็นเตียงที่มีลูกหมา 8 ตัว นอนอยู่ สีหน้าแม่หมาดูมีความสุขมากถึงแม้จะดูเพลียเล็กน้อย แต่ก็เดินนำหน้ายังกับรู้ดีว่าจะไปบ้าน ดูออกว่าแม่หมารู้สึกอย่างไรจากสีหน้าของแม่หมา แม่หมาคงจะโล่งใจ และดีใจที่ได้เห็นลูกๆ นัยว่ามีตัวผู้หนึ่งตัว ที่เหลือเป็นตัวเมีย ข่าวว่า แทนที่จะบินกลับบ้านไปชิลี เห็นที่จะต้องเปลี่ยนเป็นขับรถไปเสียแล้ว แต่ถึงอย่างไรคนเสนอข่าวดีมาก ที่เสนอข่าวจนจบไม่ต้องให้คิดต่อเอาเอง และอย่างน้อยก็เห็นความตั้งใจดีของเจ้าของที่คงจะไม่พรากลูกพรากแม่ เพราะความตั้งใจที่จะนำหมาท้องแก่กลับด้วย คงอยากได้ลูกหมา คงไม่ทิ้งแน่ๆ ผู้เขียนคิดเอาเอง เพราะเคยช่วยแมวคลอดลูกมาแล้ว พอหัวลูกแมวโผล่ออกมาก็ติดแค่นั้น ผู้เขียนเป็นหมอตำแยที่ไม่มีความรู้เอาเสียเลย เมื่อเห็นติดตรงคอ ก็ไปช่วยดึงหัวลูกแมว แม่แมวไม่ยอมและเดินหนีไป นอนพักสักระยะหนึ่ง ลูกแมวจะเอาเท้าสองเท้าชี้ตรงออกมาก่อน เท้าและขาทั้งสองจะปกป้องส่วนหัวให้คลอดตามออกมาง่ายขึ้น ถ้าหัวลูกแมวออกมาก่อนจะติดตรงบ่า ออกไม่ได้เพราะส่วนตัวใหญ่กว่าส่วนหัว นี่คือความรู้เรียนจากการทำคลอดสัตว์สี่เท้า ซึ่งเข้าใจว่าผู้มาช่วยทำคลอดสุนัขในข่าวคงมีความรู้ดี ช่วยทำคลอดลูกหมา 8 ตัวนั้นสำเร็จด้วยดี แม่หมาจึงมีความสุข ลุกขึ้นเดินนำหน้าได้ เพราะรู้แล้วว่าลูกๆ ทุกตัวปลอดภัยดี ไม่มีหลงเหลืออยู่ในท้อง อะไรทำนองนี้แหละ เฮ้อ โล่งใจไปที ผู้เขียนตามข่าวอยู่ 2 วัน นักข่าวก็ดีใจหลาย ไม่ทิ้งให้ผู้ฟังฝันค้างเรื่องหมาๆ แมวๆ ซึ่งผู้เขียนใกล้ชิดมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ อยู่อเมริกาเคยลี้ยงหมา 3 ตัว กับแมวไทยแท้ที่ขับรถไปไกลถึง 200 ไมล์ เพื่อไปรับแมว พอแม่แมวเป็นสาวอยากมีแฟน ก็ต้องซื้อแม่พันธุ์พม่า ลักษณะคล้ายแมวไทยแต่สีแก่กว่า ไม่เหมือนแมวไทยเก้าแต้มลักษณะเด่น เมื่อออกลูกอีก 4 ตัว ไม่เหมือนแมวไทยนักแต่ก็คงลักษณะเก้าแต้มของแมวไทย เดี๋ยวนี้ผู้เขียนก็ยังให้อาหารแมวไร้เจ้าของอยู่หลายตัว หมาแมวมีสำนึกพิเศษที่รู้จักผู้ที่ให้อาหารมัน มันจะรอและไว้ใจคนนั้น ไม่ปรากฏตัวให้เห็นเมื่อมีคนแปลกหน้า หมาก็รู้จักแสดงความรู้สึก เช่น หมาจะยิ้ม เมื่อรู้ว่ากำลังถูกถ่ายรูป หมาตัวสุดท้ายที่ผู้เขียนเลี้ยงมีญาณพิเศษรู้ว่าผู้เขียนกำลังคิดอะไรอยู่ หรือรู้ว่าเรามีนัดกี่โมงและจะปลุกผู้เขียนให้ตื่นทันเวลานัด หรือแม้แต่หมาที่เพิ่งคลอดลูกที่สนามบินก็แสดงสีหน้าที่บ่งบอกว่ามีความสุข จะได้เลี้ยงลูกๆ แล้ว นั่นคือสัญชาตญาณของสัตว์
กลับมาที่หัวเรื่องนี้ เพราะผู้เขียนกำลังรู้สึกตัวว่าเป็นไปตามวัฎจักรแห่งชีวิต ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และสอนไว้ถึง 84,000 พระธรรมขันธ์ อย่างน้อยก็มิให้ประมาท เพราะชีวิตเป็นไปตามกฎ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย นั่นคือเลี่ยงวัฎจักรแห่งชีวิตตามสัจธรรมมิได้ ถึงแม้จะมีสุขภาพดีตามที่แพทย์ประจำตัวบอก แต่ก็ต้องแก่ และมีความเจ็บปวดเป็นธรรมดาแห่งวัฎจักร
ไม่มีผู้ใดที่ผู้เขียนเคารพยิ่งไปกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านสละความสุขตามโลกียวิสัยออกบวช สิ่งที่ท่านตรัสรู้จากการบำเพ็ญสมาธิอยู่ 6 ปี เป็นการค้นพบสัจธรรมแห่งวัฎจักรของชีวิต ไม่มีวิทยาศาสตร์แขนงใดคัดค้านหรือลบล้างได้ ไม่ว่าจะล่วงเลยไปกี่พันปี เป็นแนวทาง ช่วยพวกเราให้ได้พบความสุขอันจีรังแท้จริงแห่งชีวิต ให้พวกเราได้เรียนรู้ ไม่ประมาท และบำเพ็ญตนตามลิขิตแห่งชีวิต ให้บรรลุถึงจุดหมายปลายทาง อย่างสันติ
ยกตัวอย่างแพทย์ประจำตัวบอกว่าผู้เขียนสุขภาพดี แต่เอายานี่ไปกินแก้เจ็บแก้ปวดไว้นะ ถ้าไม่หายก็ฉีดยา นั่นคือ เกิด แล้วแก่ แล้วเจ็บ ฉะนั้นปลงเสียเถิด เพราะชีวิตถึงอย่างไรก็ตายอยู่ดี ทำดีได้ก็รีบทำ อย่าได้สะสมจิตใจชั่วร้ายไว้ทำลายพืช หรือสัตว์เลย เดี๋ยวนี้ ที่สวิสเซอร์แลนด์ สามารถเลือกเวลาตายของตัวเองได้แล้ว มีบริการปลิดชีพตัวเอง ให้ร่างกายยุติตามกำหนดเวลาที่ต้องการด้วยการฉีดยา โดยมีผู้วินิจฉัยสภาพจิตประกอบด้วย
ทีนี้ มาพิจารณาว่า บางคนวางยาทำร้ายตัวเองโดยรู้ไม่ถึง เช่น กินยาที่มีผลข้างเคียงทำร้างร่างกายตัวเอง บางรายถึงกับต้องเรียกบริการฉุกเฉินมารับไปโรงพยาบาล เพียงเพราะแพ้ยา หรือประสบการณ์ที่ผู้เขียนเคยกินยาฟอร์ซาแมกซ์อยู่ 2 ปี เพื่อป้องกันโรคกระดูกบาง หมอให้เลือกเอาระหว่างนั่งรถเข็นหรือกินยาฟอร์ซาแมกซ์ ตัวยานี้ทำหน้าที่บังคับมิให้เซลล์ดึงแคลเซี่ยมจากกระดูก เซลล์ก็เลยดึงแคลเซี่ยมจากเลือดสลากข้างขวดบอกว่าผลข้างเคียงก็คืออาจเจ็บหน้าอก ปวดกราม หายใจไม่สะดวก อาจเป็นแผลในกระเพาะอาหาร โชคดีที่ทันแพทย์ซึ่งเป็นเพื่อนผู้เขียนเตือนว่า ยานี้อาจก่อให้เกิดหัวใจวายระหว่างนอนหลับ เพราะเซลล์ดึงแคลเซี่ยมจากเลือด ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดแคลเซี่ยมได้ สลากประจำขวดบอกไว้ว่าผลข้างเคียงอาจทำให้เจ็บหน้าอก ปวดกราม หายใจไม่สะดวก และอาจเป็นแผลในกระเพาะอาหาร เมื่อผู้เขียนหยุดกินยา ผลก็คือเจ็บหัวเข่า ทำไงได้ วัฎจักรแห่งชีวิต เกิดมาแล้วต้องแก่ ต้องเจ็บ ที่ไม่ประมาทต่อความตาย ก็คือ คอยสังเกตความดันโลหิต ปกติไม่ควรเกิน 140/90 ความดันโลหิตบอกระดับคอเลสเตอรอลซึ่งจะมีผลต่อโรคหัวใจและสมอง ทำหน้าที่วัดสองจุด คือจุดที่เลือดเริ่มเดิน เรียกว่า systolic ระดับปกติอยู่ระหว่าง 100-120 อีกจุดคือเมื่อหัวใจพักเรียกว่า diastolic ระดับปกติคือ 60-80 คนที่ความดันสูง ถ้าเกิน 140 ก็ระวังเรื่องอาหาร และลดความเครียด รู้จักสมาธิ คือพักใจ สวดมนต์ ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอนคือสัจธรรมของท่าน และศึกษาธรรมะกับพระสงฆ์ที่เป็นทายาทแท้จริงแห่งพระธรรม มีศีล 5 ประการ คือไม่ฆ่าสัตว์ ทำลายชีวิตสัตว์และพืช ลักขโมย ผิดประเวณีหรือข่มขืนผู้ไม่ประสงค์ยินยอม ไม่พูดโกหกหยาบคาย และไม่เสพติดสุราหรือพืชที่มีผลเสพแล้วติดเป็นนิสัย เป็นการทำลายระบบร่างกาย ศีล 5 ประการมีผลดีอย่างน้อยก็ช่วยให้เกิดความปิติในใจเป็นปกติวิสัย เพราะไม่ทำร้ายและทำลาย คน สัตว์ และพืช สิ่งมีชีวิตทั้งมวล ย่อมเกิดความสงบในใจของผู้นั้น อย่างน้อยก็ช่วยให้ความดันโลหิตสม่ำเสมอเป็นปกติ จะสังเกตความแตกต่างกันระหว่างผู้มีศีล 5 กับคนที่ไม่รู้จักศีลและธรรมเลย ว่าประพฤติต่างกันอย่างไรในชีวิตประจำวันทุกวัน นี่ยังไม่รู้ว่า ตายแล้วจะต่างกันอย่างไรนะ เอาไว้ถึงตอนนั้นแล้วจะรู้เอง