สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
ใช้จักระรักษาสุขภาพได้อย่างไร

คุณรู้จักคำว่าจักระหรือไม่ คำว่า จักระ หมายถึงจุดรวมประสาทซึ่งบงการความรู้สึกนึกคิดและการทำงานของอวัยวะที่เกี่ยวเนื่องกันในบริเวณใกล้เคียง ผู้ประสาทวิชานี้เริ่มจากพระอาจารย์ดาสิรา นราดา สมัยปี 1846-1924 บวชที่ศรีลังกา สถาบันพลังกายทิพย์เพื่อสุขภาพเป็นผู้ถ่ายทอดวิชานี้ที่เมืองไทย โดยท่านนาวาเอาสุวิชา ณแพทย์ ผู้เป็นศิษย์ นำมาถ่ายทอดต่อให้กับอาจารย์เยาวเรศ บุนนาค ภรรยาและเป็นผู้ก่อตั้งสถาบันพลังกายทิพย์ ผู้เขียนเรียนจากท่านและอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิอื่นๆเมื่อกว่าสิบปีมาแล้ว วิชานี้เป็นศาสตร์ที่ทรงคุณค่าต่อชีวิตในการดำรงรักษาสุขภาพไม่เฉพาะแต่ตนเอง แต่สามารถส่งพลังจิตไปบำบัดผู้อื่นได้ทั้งใกล้และไกล แล้วแต่การฝึกและสะสมพลังจิต นับว่าเป็นพระคุณของผู้นำวิชานี้มาเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์ต่อชนรุ่นหลัง

จักระเป็นศูนย์รวมอวัยวะที่ทำงานประสานกันในแต่ละระบบ ร่างกายมนุษย์แยกไว้ 10 ระบบ ได้แก่ 1.ระบบประสาท 2.ระบบหายใจ 3.ระบบการย่อย 4.ระบบโลหิต 5.ระบบฮอร์โมน 6.ระบบขับถ่าย 7.ระบบสืบพันธุ์ 8.ระบบกล้ามเนื้อ 9.ระบบกระดูก 10.ระบบต่อมไร้ท่อ ควบคุมและบริหารและการทำงานทั้งหมดของร่างกาย เมื่อปี 1914 มร. Vla Dumus Leonidovich Dulop นักจิตวิทยาชาวรัสเซียแสดงพลังของจิตสั่งการผ่านระบบของสมอง เรียกว่าการใช้ Universal Energy หรือพลังจักรวาลที่มีในโลกมาใช้บังคับผ่านบรรยากาศให้เป็นไปตามจิตสั่งการได้ โดยเขาเป็นผู้แสดงต่อสาธารณชนให้ปรากฏผลตามจิตสั่งการโดยสามารถใช้จิตบงการที่เราเรียกว่า hypnotism ทางสายตาให้สิงโตตัวผู้คิดว่าสิงโตเมียกำลังจะแย่งอาหาร จึงตอบโต้ต่อสู้กันเพียงแต่สิงโตตัวเมียเหยียดเท้าไปข้างหน้าเท่านั้น แสดงว่าจิตหรือการทำงานของระบบประสาทสามารถสั่งผ่านพลังจักรวาลตามที่คิดและบังเกิดผลตามนั้น

เราสามารถสร้างพลังในตัวเราได้ ขึ้นอยู่กับว่าความสมบูรณ์ของระบบประสาทมีมากน้อยเพียงใด ต่อมไพนีล สร้างสารซึ่งจัดว่าสำคัญที่สุดเพราะประสานกันระหว่างกายกับจิต เป็นฮอร์โมนซึ่งรับข่าวสารจากเบื้องบนที่เราใช้ศัพท์ว่าพระเจ้า ศัพท์ในสรีระวิทยาเรียกว่า จิต ทำงานโดยการประสานข่าวสารของเซลล์สมองผ่านประสาทไขสันหลังไปยังอวัยวะต่างๆที่เซลล์ในแต่ละระบบรับช่วงต่อ ศัพท์ง่ายๆที่เรารู้จักกันก็คือ sixth sense หรืออีกนัยหนึ่งมโนภาพ ซึ่งต่างกับการเห็นด้วยดวงตาทั้งสอง อาทิ ภาพที่ผู้เขียนเห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดำเนินอยู่ระหว่างดวงตาทั้งสอง เป็นภาพในภาวะจิตว่างของสมาธิ คือไม่คิดอะไร มิใช่ภาพที่สร้างขึ้นด้วยการคิด แต่เป็นภาพที่มีการเคลื่อนไหวของพระบาทและพระหัตถ์ตามจังหวะการดำเนินพระวรกาย พระจีวรโบกพลิ้วตามสายลม มิใช่ภาพนิ่งเท่านั้น ทั้งหมดนี้เป็นภาพที่ปรากฎในระหว่างที่พระอาจารย์ไพบูลย์ นิสัยสุตานุยุติ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ก็อยู่ในสมาธิ ไม่มีผู้อื่นใดในห้องเรียน ตอนตีสี่ที่ตึกกรรมฐาน วัดไทย เมื่อท่านบอกว่าจะส่งดวงแก้วมาให้ผู้เขียน รับให้ได้นะโยม เป็นคำสั่งสั่นๆก่อนเริ่มสมาธิ ผู้เขียนไม่รู้ว่า ดวงแก้วเป็นอย่างไร และอะไรจะเกิดขึ้น แต่ก็ปรากฏภาพดวงแก้วสีเงินส่องประกายระยิบระยับพุ่งขึ้นสูงที่ดวงตาซ้าย ดวงตาขวาปรากฏดวงแก้วสีทองพร้อมประกายสีทองพุ่งขึ้นสูง และปรากฎภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระดำเนินอยู่ ดังกล่าวแล้ว ปรากฎการณ์นี้ ศาสตร์แห่งจักระเรียกว่า เป็น spirit guide, perception, understanding of oneness of the universe หรือ sixth sense ซึ่งต่อมา หลังจากที่ได้ศึกษาหลักสูตรการบำบัดด้วยจักระจากสถาบันพลังกายทิพย์ ประกอบกับความรู้เรื่องสรีระวิทยาจากการเรียนปริญญาโทในวิชา Health and Human Services จาก California State University ที่ลองบีช จึงผสมผสานกัน ก่อให้เกิดความเข้าใจว่า ภาพและการประสานงานของระบบ Bioelectric Energy (Universal Energy) จะสามารถนำมาใช้ในการบำบัดโรคทางสรีระวิทยาได้อย่างไร

ระบบสรีระหรือร่างกายมนุษย์ เริ่มแต่ระบบสมองที่อยู่สูงสุด มีต่อมพิจุอิทาริ สำคัญที่สุดในการสร้างฮอร์โมน ซึ่งสั่งงานให้ระบบประสาทติดต่อกับระบบอื่นๆในการทำงานตามหน้าที่ หากมีการบกพร่องของการทำงานในแต่ละระบบ เราก็ชี้ความรู้ทางการแพทย์แก้ไขด้วยการกินยา และการออกกำลังกาย เพื่อให้สรีระร่างกายทำงานดีขึ้น หากภาวะร่างกายไม่ทำงาน ก็ผนวกด้วยภาวะจิต เสริมประสาทในการสั่งงานแก่ร่างกายเรียกว่าการบำบัดด้วยจักระ

ร่างกายของเรา ตามศาสตร์การบำบัดด้วยจักระ แบ่งออกเป็น 7 จักระดังนี้

จักระที่ 7 สหัสรา (Crown) อยู่กลางกระหม่อม เป็นที่ตั้งของต่อมไพนีลที่สมอง ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนสำคัญที่ระบบอื่นๆให้ทำงานผสมผสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมการทำงานของทุกจักระ แก้อาการซึมเศร้า วิกลจริต สมองเสื่อม มีปัญหาทางสมอง แก้อาการปวดทุกส่วนของร่างกาย แยกการทำงานของสมองแต่ละส่วน คือ ส่วนหน้าทำงานเกี่ยวกับการพูด เหนือขึ้นไปทำงานเกี่ยวกับการพิจารณาหาเหตุผล ส่วนบนของสมองด้านหน้าทำงานสั่งการเคลื่อนไหวร่างกาย สมองส่วนบนสุดเป็นส่วนที่จะพิจารณาหาเหตุผล หรือเรียกว่า Sense Center ถัดต่อไปคือการเรียนภาษา (Language Area) สมองด้านหลังเป็นการทำงานเกี่ยวกับการเห็น (Visual Center)

จักระที่ 6 อัชนา (Brow or Ajana) อยู่ตรงหน้าผาก เหนือหว่างคิ้ว เป็นที่ตั้งของต่อมพิจุอิทาริ ทำงานร่วมกับต่อมไพนีลซึ่งผลิตฮอร์โมนสำคัญสำหรับระบบประสาท ช่วยการทำงานของดวงตา ระบบความทรงจำ แก้ไขความหลงลืม หลงผิด หรือคิดผิด

จักระที่ 5 วิสุทธิ (Throat) อยู่ตรงต้นคอ ตรงข้ามคอหอย ควบคุมการทำงานของต่อมไทรอยด์ (Thyroid) และต่อมพาราไทรอยด์ (Parathyroid) ซึ่งผลิตฮอร์โมนเพื่อการทำงานของปอด ของต่อมไทรอยด์ และทางเดินของการหายใจ การบำบัดด้วยจักระนี้ มีผลเนื่องกับโรคคอหอยพอก โรคต่อมไทยรอยด์เกี่ยวกับการได้ยิน ปวดต้นคอ โรคหวัด โรคหลอดลมอักเสบ หืดหอบ รักษาโรคผิวหนัง

จักระที่ 4 อนัตตา (Heart) ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังหัวใจ ตรงกระดูกสันหลังช่วงอกข้อที่ 1 ตรงกับต่อมไทมัส ใช้รักษาหัวใจ ปอด แขน และมือ เนื่องจากอยู่ใกล้กับหัวใจ การบำบัดผ่านจักระนี้ เป็นศูนย์รวมแห่งความรัก ความเมตตา ประกอบด้วยพลังจิต พลังภายใน เพื่อทำการรักษาโรคหัวใจ โรคความดัน โรคหืด และโรคปวดทุกชนิด

จักระที่ 3 มณีปุระ (Solar Plexus) ตั้งอยู่ที่กระดูกสันหลังข้อที่ 8 ตรงข้ามสะดือ บริเวณต่อหมวกไต และตับอ่อน (Pancreas) มีหน้าที่ผลิตเม็ดเลือด และการทำงานของตับ ม้าม และกล้ามเนื้อของกระเพาะอาหาร จักระนี้ให้ผลในการสร้างพลังจิต บุคลิกภาพ และการเจริญเติบโตของร่างกาย ใช้ในการบำบัดระบบย่อยไม่ปกติ แผลในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้ ตับ ไต และโรคอ้วน

จักระที่ 2 สวัสดิ์นา (Splenic Sacral) อยู่ตรงปลายกระดูกก้นกบข้อที่ 1 ใกล้กับรังไข่ หรืออัณฑะ (Ovary or Testis) ทำงานควบคุมระบบอวัยวะเพศ สร้างเสริมพลังชีวิต อารมณ์ ความมุ่งมาตรปรารถณา และความสงบสุข จักระนี้ใช้รักษาโรคไต กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปวดหลัง

จักรระที่ 1 มูลลัดดา (Root Chakra) อยู่ตรงปลายสุดของร่าง ระหว่างอวัยวะสืบพันธุ์ กับทวารหนัก ทำงานด้วยต่อมหมวกไต (Adrenal Gland) ควบคุมการทำงานของขา เท้า กระดูก และลำไส้ใหญ่ การบำบัดด้วยจักระนี้ ช่วยสร้างพลังชีวิต เพื่อความอยู่รอด และการสร้างพลังกาย

การบำบัดด้วยจักระ จำเป็นต้องอาศัยความรู้ทางสรีระวิทยา และรู้ว่าบกพร่องทางร่างกายส่วนใด เพื่อที่จะใช้ความรู้ทางด้านความเจ็บป่วย เพื่อเพ่งกระแสจิตไปสู่จุดแห่งความบกพร่อง ความสามารถในการทำสมาธิจิตแกร่งกล้า จะช่วยให้เกิดพลังในการบำบัดด้วยจักระยิ่งขึ้น จะได้อธิบายรายละเอียดการเรียนรู้ในการบำบัดด้วยจักระต่อไป