สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
ดูฉลาด แต่ไร้ซึ่งปัญญา

หลายคนพูดจาเป็นต่อยหอย เอาเข้าจริงไม่เป็นท่าสักอย่าง ได้แต่พูด ที่ร้ายกว่านั้นคือทำแต่สิ่งที่ทำลาย ไม่มีปัญญาสร้าง แม้แต่จะสร้างมิตร ปัญญาคืออะไร มาจากอะไร ทำอย่างไรจึงจะเกิดปัญญา ถ้าถามคนที่ดูฉลาด เขาต้องตอบว่าเขานั่นแหละคนมีปัญญา ถ้าถามอีกทีว่า ปัญญาคืออะไร เขาก็จะตอบว่าดูอย่างฉันนี่ซิ นี่แหละคนมีปัญญา แต่เขาก็ตอบไม่ได้ว่าปัญญาคืออะไร ได้มาอย่างไร ถ้าศึกษาธรรมะตอนที่สอนว่า ศีล สมาธิ ปัญญา น่าจะเริ่มต้นจากความดี อย่างน้อยก็รู้จักศีลเบื้องต้น 5 ข้อ คือไม่ฆ่าสัตว์ทำร้ายทรมานสัตว์ ไม่พูดเหลวไหลโกหกปั้นเรื่องให้เป็นเหตุผิดใจผู้อื่น ไม่ผิดประเวณีหรือข่มแหงร่างกายผู้ไม่สนองตอบให้ได้ผล ไม่ขโมยสิ่งของไม่ว่าสาธารณะหรือไม่ ไม่เสพสิ่งที่ก่อให้เกิดอารมณ์อยากเสพต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าหากมีกฎเบื้องแรกชี้ทางดำเนินชีวิต ก็จะเป็นแนวให้เกิดปัญญาได้บ้าง คือดำรงชีวิตอย่างมีจุดหมายที่จะเจริญรอยตามแผน ต่อจากนั้นก็เรียนวิธีการคิดให้เป็นสมาธิ คือใช้เวลาในการคิด คิดให้ถ่องแท้ คิดให้ลึกซึ้ง คิดได้ไกล ว่าจะเรียนอะไร ทำงานอะไร สร้างอนาคตไปทางไหน ถ้าสมมุติว่า จากข่าวโจรกรรมเครื่องประดับมีค่าราคาแพงที่ตั้งอยู่ทางเข้าออกของตลาดขนาดใหญ่มหึมา เพียงแค่ทุบกระจก กวาดเอาเครื่องเพชรราคาแพงในเวลา 2 นาที ได้ไปแค่สองกำมือก็เสียหายหลายแสน เหตุอันนี้ อธิบายหัวข้อเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ทำไมถึงฉลาดเอาเครื่องเพชรไว้ล่อตาล่อใจคนไปจ่ายตลาดตรงประตูทางเดิน นี่คือปัญญาในความรอบคอบที่จะคิด ถ้ายามตรวจใบเสร็จหรือมียามถือปืนไว้คอยป้องกันมิให้ผู้ก่อการร้ายมีปัญญาเอาตัวรอดไปได้รวดเร็ว ผู้ร้ายก็หมดปัญญาที่จะฉลาดเอาตัวรอดได้ง่ายสบายมาก แสดงว่าผู้วางแผนมีปัญญาคิดไว้ไกลถึงทางหนีให้เป็นผลสำเร็จ ปัญญาของบริษัทที่จะรับประกันค่าเสียหายคงมีไม่มากพอ ความเสียหายอยู่ที่ขาดปัญญาในการวางแผน

คนที่คิดมาก คิดลึกซึ้ง คิดนาน คิดไกล ดูเหมือนเป็นคนไม่ฉลาด เพราะกว่าจะพูด กว่าจะทำ ดูผิวเผินเหมือนว่า คิดช้า ไม่มีทางจะเป็นคนฉลาด

คนที่พูดไม่คิด ไม่สนใจว่าจะเป็นผลเสียกับคนหรือสัตว์ จริงหรือไม่จริง พูดให้น่าตื่นเต้นไว้ก่อน จริงหรือเท็จกว่าคนอื่นจะรู้ คนพูดอาจตายเสียแล้ว มีมากเลยแถมมีเพื่อนฟังมากอีกด้วย เพราะพูดมาก น่าตื่นเต้นมาก พากันไร้ปัญญาได้มาก

วิธีคิดให้เกิดปัญญา ลองคิดง่ายๆ ไม่ว่าคนหรือสัตว์ กินแล้วต้องออกแรงออกกำลังกาย ต้องวิ่งต้องเดิน ให้โอกาสขยับกล้ามเนื้อใช้เป็นพลังงานที่กินอาหารเข้าไป เป็นหลักแห่งธรรมชาติ เหมือนต้นไม้ก็แกว่งกิ่งก้านตามลม ตามแสงแดด เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาแห่งการเจริญเติบโต เราก็ให้อาหาร ให้ดิน เพื่อให้เขาเจริญเติบโตตามธรรมชาติ เท่านี้ก็จบ ไม่ต้องเป็นทุกข์

ดูอย่างนักวิทยาศาสตร์ คิดกันว่า อาจจะมีพลังที่ 5 อยู่ในระบบจักรวาล นอกเหนือจากพลัง 4 ประการที่เราใช้ประโยชน์กันอยู่ขณะนี้ ในโทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต ไวไฟ และอเดปเตอร์โน๊ตบุ๊ค เราๆ ท่านๆ ก็เพียงแต่ใช้ปัญญาที่มีอยู่ พยายามเล่นเครื่องมือเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์กับสังคมไปก่อน จนกว่าจะรู้จักพลังที่ 5 แค่พลัง 4 ประการก็แทบจะเกิดสงครามครั้งต่อไป ถ้าค้นพบพลังที่ 5 ที่อเมริกาก่อน มีความหวังว่าจะยอมจำกัดการทดลองครั้งต่อไปของพลังนิวเคลียร์ที่จะส่งให้ถึงแผ่นดินใหญ่อเมริกา หรือเลิกทดลองก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะสยบให้พลังที่ 5 มากน้อยแค่ไหน

ย้อนกลับมาเรื่องปัญญา สมมุติว่าเราท่านสามารถทำสมาธิได้แล้ว นั่นคือ ผ่านการรักษาศีลให้บริสุทธิ์เป็นอย่างดีแล้ว สามารถรู้จักการเข้าสมาธิได้แล้ว ก็จะเริ่มเกิดปัญญา สามารถอ่านความคิดจิตใจของผู้อื่นได้ ฝรั่งเขาเขียนหนังสือไว้ชื่อว่า “How to read anyone’s mind” เขาบอกว่าต้องตั้งต้นไว้ก่อน ว่าเราสามารถทำได้ ต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองไว้ก่อน ไม่อย่างนั้น การขาดความเชื่อมั่นในตัวเองจะบั่นทอนพลังของตนเอง หลักต่อไปคือต้องรู้จักผ่อนคลายจิต นั่นคือ หลังจากการปฏิบัติสมาธิถึงจิตว่างได้แล้ว ถึงแม้อีกฝ่ายหนึ่งจะไม่รู้ตัวว่าคุณกำลังพยายามอ่านจิตใจของเขาอยู่ แต่ความคิดของเขาก็จะอยู่ที่สมองของเขาให้คุณรู้อยู่ดี ประการต่อไปก็คือให้รักษาไว้เป็นความลับว่าคุณกำลังพยายามทำอะไรจึงจะมีพลัง ไม่เช่นนั้น เขาจะพยายามซ่อนเร้นไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ความคิดของเขา ถ้าคุณปกปิดความคิดของคุณไว้ เขาจะไม่รู้ตัว คุณก็จะสามารถล้วงความคิดของเขาได้ และจงพยายามเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับความคิดในสมองของเขา ไม่ช้าความคิดนั้นจะแวบขึ้นในสมองของคุณที่จะรับได้ การอ่านความคิดของอีกบุคคลหนึ่งอาจเป็นผู้ที่กำลังพูดโทรศัพท์อยู่กับคุณก็ได้ เมื่อเกิดจุดหนึ่งแห่งความเงียบของการสนทนา ให้ทำจิตคุณให้สงบ และว่าง ผ่อนคลาย ถ้าเป็นข้อคิดเกี่ยวกับตัวคุณเอง ให้คิดตรงไปที่ใบหน้าของคู่สนทนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมองลึกเข้าไปที่ดวงตา ถ้าเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยหรือจาง ให้คิดถึงใบหน้าหนึ่งขึ้นและมองตรงไปที่ดวงตาใครก็ได้ จนความคิดผ่านมาแวบหนึ่ง ให้อ่านความคิดนั้นทันทีที่ผ่านเข้ามาโดยเร็ว แล้วอ่านความคิดที่ตามมา เมื่อใดก็ตามที่หยุดการสนทนา ให้รีบเรียบเรียงความคิดที่ผ่านเข้ามาทันที คุณจะประสบผลสำเร็จในการอ่านความคิดของผู้อื่น

สรุปแล้วการอ่านความคิดของผู้อื่น อาจเริ่มต้นที่จังหวะของการหยุดสนทนา คุณไม่ต้องเอ่ยอะไร ให้เพ่งที่ใบหน้า จ้องไปที่ดวงตาของเขา ประสานความคิดในสมองของเขา และรับความคิดนั้นเข้าสู่สมองของคุณ ไม่ต้องกลั่นกรองเปลี่ยนแปลงอะไร จากนั้นให้บันทึกไว้ในความทรงจำของคุณ โดยเฉพาะความคิดที่เป็นสาระมีเหตุมีผล คุณจะประสบผลในการอ่านความคิดของผู้อื่น หมั่นฝึกฝนให้ใช้การได้

อย่าลืมว่า โทมัน เอดิสัน ผู้ค้นพบกระแสไฟฟ้า เป็นบุคคลที่เริ่มหูหนวกตั้งแต่วัยเยาว์ ทำให้เกิดการสำรวมจิตคิดค้นขึ้นสำเร็จ เพราะเขาดำรงชีวิตอยู่กับการคิดในสมอง การแก้ปัญหา โดยเฉพาะปัญหาที่ยาก ทุกครั้งที่คุณเปิดสวิตช์ไฟ นั่นคือความสำเร็จของการคิดของเขา

ย้อนกลับมาที่ผลของสมาธิ อันดับต่อไป คือสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ก่อนเกิดขึ้น คุณอาจเคยประสบกับเรื่องนี้มาแล้ว หลังจากฝึกสมาธิ เพราะเหตุแห่งการทำจิตว่าง ในสมองไม่ได้ถูกใช้ในความคิด ก่อให้เกิดภาวะการเห็นการณ์ล่วงหน้าได้ หรือได้ยินสิ่งที่คนทั่วไปไม่รู้ไม่ได้ยิน ตัวอย่างที่เกิดกับผู้เขียน เมื่อเกิดอาการ Vertigo คือวิงเวียนเดินไม่แข็งแรง ผู้เขียนได้ยินเสียงในสมองบอกว่า “You are strong.” ทำให้มีกำลังในการเดินเหินได้ เพราะที่สมองมีประสาทเกี่ยวกับการเห็น การได้ยิน และการสัมผัสกับพลังที่อยู่เหนือขึ้นไปจากกระหม่อมที่เรียกว่า higher source of power โดยเราตอบไม่ได้ ต้องเป็นบุคคลนั้นจะรู้ จะเห็นเอง โกหกไม่ได้ และพลังนี้กระมังที่เตือนภัยล่วงหน้าให้เรารู้ก่อน

ปัญญาคือสิ่งที่เราได้รับดังนี้แล ที่เรานำไปใช้ประโยชน์ในการบำบัด เป็นพลังที่เกิดจากความคิด ผ่านแกนกลางของร่างกาย ผ่านคลื่นรอบตัวไปสู่จุดรับที่ร่างกายของตัวเองหรือผู้อื่นได้ ต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติด้วยตัวเองเสียก่อน ไม่ว่าจะฉลาดหรือไม่