สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
สูงได้อีกสองนิ้ว

เมื่อ 20 ปีที่แล้ว วงการแพทย์เคยพิจารณาว่าควรใช้โกรทฮอร์โมนเสริมในรายที่เด็กไม่เจริญเติบโตทางความสูงหรือไม่ ถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรส่อว่าผิดปกติในร่างกาย

แพทย์เด็กได้ถกปัญหานี้มาเป็นเวลานาน จนกระทั่งนิตยสารการแพทย์นิวอิงแลนด์รายงานว่าเด็กชายและหญิงสามารถเพิ่มความสูงได้อีก 2 นิ้วเมื่อใช้โกรทฮอร์โมนตั้งแต่วัยเด็กจนโต โดยการค้นคว้าได้ติดตามการเติบโตของเด็ก 80 คน ซึ่งใช้โกรทฮอร์โมนตั้งแต่เด็กจนเริ่มถึงวัยผู้ใหญ่ โดยเฉลี่ยแล้วเด็กชายในกลุ่มทดลองจะมีความสูงประมาณ 5 ฟุต 3 นิ้ว เมื่อใช้โกรทฮอร์โมนแล้วสูงเพิ่มขึ้นเป็น 5 ฟุต 5 นิ้ว และเด็กหญิงซึ่งมีความสูงเฉลี่ย 4 ฟุต 10 นิ้ว สามารถสูงถึง 5 ฟุต (การค้นคว้านี้ได้รับทุนค้นคว้าบางส่วนจากผู้ผลิตโกรทฮอร์โมน)

ปัญหาอยู่ที่ว่ามันคุ้มค่าใช้จ่ายที่ลงทุนใช้โกรทฮอร์โมนตั้งแต่เด็กจนโตหรือไม่ กับความสูง 2 นิ้วที่เป็นผลตามมา เพราะสมัยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว โกรทฮอร์โมนยังอยู่ในรูปยาฉีด และค่าใช้จ่ายการใช้โกรทฮอร์โมนเสริมสูงถึงปีละสองหมื่นเหรียญ สมัยนี้โกรทฮอร์โมนสำหรับเด็กผลิตจากวิทยาการสมัยใหม่ จากระบบโฮเมโอพาทีที่ทำการโคลน ดี.เอ็น.เอ. ของโมเลกุลของโกรทฮอร์โมน และเสริมด้วยอะมิโนแอซิตหรือโปรตีนอีกหลายประเภทที่จำเป็นต่อการเจริญวัย เมื่อสเปรย์ที่ใต้ลิ้น จะทำให้ร่างกายผลิตโกรทฮอร์โมนจากต่อมพิจุอิทารีเอง ค่าใช้จ่ายถูกลงกว่าสมัยก่อนมาก

เด็กไทยบางคนที่ประวัติบิดาสูงแค่ 5 ฟุต 6 นิ้ว และมารดาสูงแค่ 4 ฟุต 10 นิ้ว แต่เมื่อนำเด็กชายและเด็กหญิงที่กำลังเจริญเติบโตมาเลี้ยงที่อเมริกา เด็กชายสามารถสูงได้ถึง 5 ฟุต 11 นิ้ว และเด็กหญิงสูงถึง 5 ฟุต 7 นิ้ว เราก็ยกประโยชน์ให้กับอาหาร การบำรุงร่างกาย และกออกกำลังตามระบบพละศึกษาในโรงเรียนของท้องถิ่นอเมริกา แต่ทำไมเด็กไทยบางคนที่มีประวัติพ่อแม่สูงแบบนั้นเด็กก็ไม่ได้สูงไปกว่าสถิติของพ่อแม่เท่าใดนัก แม้จะถูกเลี้ยงดูอย่างเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นจะใช้อะไรเป็นเหตุผลตัดสินว่า เด็กควรใช้โกรทฮอร์โมนหรือเปล่า ถ้าต้องการให้สูงขึ้นอีกสองนิ้ว

ด็อกเตอร์เรย์มอนด์ ไฮน์ แห่งมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด พิจารณาถึงเรื่องนี้ว่า มันเป็นปัญหาจิตวิทยาที่จะชี้ว่าควรใช้โกรทฮอร์โมนหรือไม่ เขาว่า “สังคมของเรา มีจุดอ่อนที่ปัญหาเรื่องความสูง เช่นเดียวกับเรื่องเพศ และเรื่องความแก่” ในขณะที่ด็อกเตอร์ชารอน โอเบอร์ฟิลด์ แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เห็นว่า เธอวิตกเรื่องความเสี่ยงระยะยาวที่ยังไม่สามารถวัดผลออกมาสมัยนั้น มากกว่าการจะใช้โกรทฮอร์โมนเพียงเพื่อเหตุผลทางการตกแต่งความสูง เธอกล่าวว่า “คนเราอาจมีความสุขมากถึงแม้จะเตี้ย หรืออาจจะไม่มีความสุขเลยถึงแม้จะสูงก็ตาม ความจริงคนเราจะสุขหรือจะทุกข์ไม่ใช่เพราะเรื่องความสูงอย่างเดียว”

ถ้าเช่นนั้น เมื่อไรจึงจะเหมาะสมที่จะใช้โกรทฮอร์โมนเพื่อความสูง ?

ขั้นแรก อาจพิจารณาจากการที่ต่อมพิจุอิทารีไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนนายใหญ่เพื่อบงการการผลิตฮอร์โมนอื่นๆ ตามความจำเป็นทั่วร่างกาย

โดยทั่วไปแล้ว เด็กควรได้รับโปรตีน นม และผักเขียวปริมาณมากเป็นอาหารหลัก และอาหารเสริมธรรมชาติ เช่น น้ำนมแรกชนิดเม็ดที่มีปัจจัยแห่งการเติบโต 5 ประเภท ที่มีส่วนสร้างความแข็งแรงของโพรงกระดูกและโครงกระดูกเป็นหลัก กับ น้ำลูกยอโนนีที่จะช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำย่อยนำอาหารเข้าสู่เซลล์และเสริมสร้างเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ประกอบกับการออกกำลังกายที่โรงเรียนและที่บ้าน จะส่งเสริมความสูงในวัยเจริญเติบโตของเด็ก

นอกจากนั้น โกรทฮอร์โมนสำหรับเด็กมีการเสริมอะมิโนแอซิตหรือโปรตีนหลักในการเจริญวัยทั้งด้านสมอง กระดูก กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อทุกชนิด และพลังงาน แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ได้รับผลดีจากอะมิโนแอซิตที่เสริมเข้ากับโกรทฮอร์โมนชนิดสำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ที่เคยใช้โกรทฮอร์โมนผู้ใหญ่มาแล้วกว่า 6 เดือน เมื่อลองใช้โกรทฮอร์โมนเด็ก เพียงแค่สเปรย์ชั่วคืนเดียวอาการปวดกล้ามเนื้อหายไป จึงน่าจะมีผลดีในทางการทำงานของระบบร่างกาย

โกรทฮอร์โมนผลิตจากส่วนหน้าของต่อมพิจุอิทารี มีผลต่อการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อนในร่างกายโดยตรง ฮอร์โมนที่ผลิตจากส่วนนี้มีผลต่อการผลิตฮอร์โมนของต่อมอื่นๆ เช่น

-ไปเร่งการผลิตฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ (TSH Thyroid Stimulating Hormone) ซึ่งจะควบคุมการเจริญเติบโตตามปกติของร่างกาย

-ไปสมดุลการผลิตคอร์ติโซลของต่อมอะดรีนัล (ACTH Adrenocorticotropic Hormone) ซึ่งเรียกว่าสเตรสส์ฮอร์โมนสำหรับคอยรับความเครียดทางอารมณ์ การมีสเตรสฮอร์โมนมากเกินไปก็ขัดขวางการเจริญเติบโต

-ไปเสริมการผลิตฮอร์โมนเพศ (Luteinizing Hormone LH และ Follicle Stimulating Hormone FSH) ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเติบโตรับกับภาวะผู้ใหญ่

การที่โกรทฮอร์โมนไม่ผลิตตามปกติอาจมาจากสาเหตุของร่างกายเอง หรือมาจากภาวการณ์ก่อตัวก่อนเด็กเกิด หรือมาจากภาวะกระทบกระเทือนไฮโปทาลามัสหลังจากเกิด ซึ่งอาจไม่แสดงให้เห็นเป็นเวลานาน จึงควรมีการวัดระดับฮอร์โมนเมื่อร่างกายและสมองไม่เจริญวัยตามควร