สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
อำนาจ (ตอบสนอง) Vs. Cause & Effect

ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เลยต้องเขียนเรื่องลุแก่อำนาจต่อจากบทความเรื่อง อำนาจ Vs. Mentality ตอนแรก แน่นอนว่าคงจะมีตอนต่อไปอีกเรื่อยๆ ตราบใดที่ไม่มีผู้ใหญ่ในวงการตำรวจออกมาแสดงความเสียใจ ที่ต้องมีการสูญเสียชีวิตพลเมืองถึง 2 ครั้งโดยไม่จำเป็น จากการใช้อำนาจในการปฏิบัติหน้าที่ เราก็จำไปอีกนานกรณีเด็กดำปราศจากอาวุธ มีข้อหาเพียงแค่ขโมยบุหรี่ ถูงยิงตายด้วยกระสุนถึง 14 นัด กรณีที่ 2 ชายผิวดำเสียชีวิตเพราะหายใจไม่ออกเมื่อถูกตำรวจ 6-7 คนรุมทับ แม้ศาลจะไม่ชี้เป็นความผิดเพราะพยานโกหกหรือไม่ก็ตาม ความรู้สึกของประชาชนก็ถูกบาดเจ็บจนสร้างเรื่อง cause & effect ขึ้นมาจนได้ นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า ถึงแม้ชีวิตของคนๆ หนึ่งจะไม่มีค่าควรแก่การดำรงอยู่ต่อไปอีก จะเป็นด้วยความยากแค้น ไร้บุพการีคอยดูแล หรือเพราะความไม่สมประกอบทางกายหรือทางสมอง ที่ไม่ได้รับการบำบัดเยียวยาทั่วถึง เขาก็ใช้ค่าของชีวิตที่ไม่มีค่านั้นอย่างสูงสุด แลกกับชีวิตของตำรวจผู้บริสุทธิ์ ถึง 2 คน ถึงเขาจะตายสมปรารถนา เขาก็มีความสุข และให้ข้อคิดควรแก่การวิจัยหลายแง่มุมมองว่า เป็นความผิดของการใช้อำนาจในทางที่ไม่เหมาะสม หรือกรรมสนองกรรมสาสมดีแล้ว

เรื่องอำนาจที่ดังระเบิดตามมาอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่อำนาจล้นฟ้าเพราะสามารถสั่งให้เครื่องบิน เหินฟ้าบินกลับไปปล่อยพนักงานคนเดียวลงที่สนามบินได้ โดยไม่แคร์ต่อผู้โดยสารอีกกว่าร้อยคนที่จ่ายเงินซื้อตั๋วนั่งสายการบินเกาหลีของพ่อเธอ สาเหตุเพียงเพราะนำถั่วใส่ถุงมาให้เธอกิน แทนที่จะใส่จานเปิดถุงให้สะดวกต่อการหยิบใส่ปากร้ายๆ ของเธอ แท้ที่จริงเป็นการถูกสุขลักษณะอย่างยิ่งที่ถั่วอยู่ในถุง แต่ด้วยอำนาจที่ปิดสมองการคิดรอบคอบของผู้หญิงที่คิดว่าตัวเองมีอำนาจจะไล่ใครออกก็ได้ ผลสุดท้ายพ่อของเธอก็ไล่เธอออกจากตำแหน่งผู้บริหารสายการบินเกาหลี แล้วใครจะรับเธอเข้าทำงานได้ เดี๋ยวก็เจ๊งอีก นินทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า อำนาจไม่ได้มีไว้ให้ทำลายตัวเอง

ผู้เขียนเคยพบครูบาอาจารย์ ยิ่งเขามีความรู้สูง ก็ยิ่งมีความสุภาพอ่อนน้อม ผู้บังคับบัญชาคนแรกของผู้เขียนจบปริญญาเอกทางสาขาการทูตระหว่างประเทศ ดูเป็นคนมีเสน่ห์ ตรงที่ให้เกียรติทุกคน ยกเก้าอี้ให้สตรี เสิร์ฟอาหารใส่จานให้สตรี และให้สตรีเดินหน้า เดี๋ยวนี้ยังมีอีกไหม ไม่ต้องดูอื่นไกล ใครเรียนหรือได้รับการอบรมมามากแค่ไหนดูที่มารยาทก็รู้แล้ว

เรื่องอำนาจของตำรวจ ดูจะได้รับการเยียวยาความบาดหมางความรู้สึกพอสมควร ตำรวจที่เข้าประจำการใหม่ล่าสุด ให้สัมภาษณ์ว่าเขาจะสร้างความสัมพันธ์กับประชาชนในด้านดี เท่านั้นแหละที่เราต้องการ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เด็กยังมีจิตสำนึกกว่าตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจอยู่ในหัวจนเป็นสันดาน (Mentality) ว่าข้าทรงอำนาจ จนไม่คิดว่าหน้าที่ควรทำคืออะไร แต่ตำรวจเด็กกว่ากลับมีสำนึกที่กว้างกว่านั้น รู้ว่าขณะนี้บาดแผลจะสามารถสมานได้อย่างไร ประชาชนถึงกับหันหลังให้ผู้ใหญ่ในตำแหน่งผู้บังคับบัญชา และถือป้ายให้ไล่ออกคนที่มีอำนาจแต่ไม่มีสำนึกที่ถูกควร เรื่องนี้สอนให้นึกถึงเพลงมาร์ชตำรวจไทย คนที่แต่งมีคติดีมาก ตอนหนึ่งว่า “ถึงตัวจะตายก็ช่างมัน เข้าประจันผู้ร้ายให้ประชา”

ความจริง หัวข้อบทความของผู้เขียนเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและการบำบัด แต่ไปเขียนเป็นวรรคเป็นเวรถึงเรื่องอำนาจ ดีนะว่า เรื่องนี้มีทางออก ตรงที่มีคนเข้าใจหน้าที่มาแถลงความดีเสียก่อน เป็นการบำบัดความบาดหมางใจไปได้พอสมควร จากนี้ไป เราก็มาตั้งต้นกันใหม่ อำนาจจะใช้อย่างไรไม่ให้เป็นอาวุธทำลายตัวเอง เหมือนตัวอย่างที่เราได้เห็นกันทันทีทันใดมาแล้ว

แทนที่จะแผ่อำนาจ เราใช้วิธีแผ่เมตตาให้ผู้อื่นจะดีกว่า

การแผ่เมตตาเป็นจุดเริ่มต้นของการน้อมจิตเข้าสู่สมาธิ เมื่อเรานั่งสมาธิเราจะทำให้จิตให้เห็นแสงสว่างมาปกคลุมทั่วร่าง จากนั้นให้เก็บแสงสว่างไว้ในสมาธิจิต ให้ทำจิตให้มีความอ่อนโยนเต็มไปด้วยความเมตตา ส่งความเมตตานั้นไปแสดงความเคารพต่อบุพการีบิดามารดา ขอให้ท่านมีความสุขปราศจากโรคภัยอันตราย จากนั้นส่งความเคารพอ่อนน้อมต่อครูอาจารย์ ขอให้ท่านมีความสุขปราศจากภัยอันตราย จากนั้นส่งความเมตตาให้แก่ญาติพี่น้องให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ จากนั้นส่งความเมตตาไปให้เพื่อนให้เขาเหล่านั้นมีความสุขมีความสำเร็จ จากนั้นแผ่ความสุขให้กับสัตว์ทั้งหลายให้แคล้วคลาดภัยอันตรายอยู่เย็นเป็นสุข แล้วให้เจริญเมตตาต่อตัวเองให้ประสบความสุขแคล้วคลาดภัยอันตรายและโรคภัยไข้เจ็บทั้งมวล จากนั้นให้เก็บความเมตตานั้นไว้กับจิต ทำจิตให้ผ่องแผ้ว แล้วทำจิตให้นิ่ง อยู่กับความเป็นอันหนึ่งอันเดียว ไม่คิดถึงสิ่งใดๆ ทำจิตให้ว่าง เป็นสมาธิ ลึกล้ำ เสมือนหนึ่งหลับ แต่มิได้หลับ ภาวะนั้นจะมีโลหิตส่งไปสู่สมองมากขึ้น เพราะความปลอดโปร่งของภาวะจิต ทำให้โลหิตหมุนเวียนเป็นปกติไปสู่เบื้องบน และมีพลังหมุนเวียนลงสู่เบื้องล่าง เรียกว่า Hara Line หมุนเวียนเสมือนการบิดตัวสอดคล้องกัน เรียกว่า Kundalini ลงสู่ฐานจักระที่หนึ่ง อันเป็นจุดกำเนิดแห่งชีวิตแห่งพลังฐานจักระทั้งมวล ส่งเป็นสายสู่จักระที่สมอง เพื่อรับพลังจากเทวดาสูงสุดจากจักระที่กระหม่อม แผ่ตามทางของพลัง Hara หมุนเวียนลงสู่เบื้องล่าง ตามเส้นทางของ Kundalini หมุนเวียนเป็นพลังสมาธิจิต อันจะก่อให้เกิดปัญญา ตามกฎของไตรสิกขา ซึ่งประกอบด้วยศีล สมาธิ ปัญญา

อานิสงฆ์ของการเจริญเมตตา มี 11 ประการ

1.หลับก็เป็นสุข

2.ตื่นก็เป็นสุข

3.ไม่ฝันร้าย

4.เป็นที่รักของเหล่ามนุษย์ทั้งหลาย

5.เป็นที่รักของเหล่าอมนุษย์ทั่วไป

6.เทวดาย่อมคุ้มครองรักษา

7.ไฟก็ดี ยาพิษก็ดี ศาสตราก็ดี ย่อมทำอันตรายไม่ได้

8.จิตย่อมเป็นสมาธิ

9.ผิวหน้าผ่องใส

10.เป็นผู้ไม่ลุ่มหลง

11.เมื่อยังไม่บรรลุคุณวิเศษอันยิ่ง ย่อมเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลก


Merry Christmas to all.