สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย



กระแสออเจ้าฟีเวอร์

ฉบับนี้ผู้เขียนฉีกแนวจากหัวคอลัมน์มาเป็นเรื่องบุพเพสันนิวาสของจริง ที่ทำเอาผู้เขียนอดหลับอดนอนทั้งวันทั้งคืน กับกระแสออเจ้าฟีเวอร์เรื่องบุพเพสันนิวาสจองจริงที่ประทับใจที่ซู้ดตั้งแต่เกิดมา เคยเห็นการแต่งงานของเจ้าขุนมูลนายมาก็มากต่อมาก ไม่เคยประทับใจอะไรให้เห็นกับตาและรู้สึกกับชีวิตจริงได้เท่านี้ เริ่มจากมีคนต่อต้านเขียนจดหมายถึงเจ้าชายตัวจริงลงพิมพ์ในสื่อว่าอย่าเลือกเจ้าสาวคนนี้นะ กำลังคิดผิด แต่แล้วก็เลี่ยงบุญของบุพเพสันนิวาสที่กำหนดมาจากชาติปางก่อนมิได้ วันอภิเษกสมรสจึงผ่านไปอย่างหมดจดงดงามอบอวลไปด้วยความรักแท้ของกระแสบุพเพสันนิวาสที่ไม่ใช่ละคร สายตาที่เจ้าสาวมองตาเจ้าชายด้วยรอยยิ้มน้อยๆ นั้น ส่งกระแสความรักฉาบบนใบหน้าและสายตาอย่างแท้จริง จุดเริ่มต้นของกระแสบุพเพสันนิวาสในชีวิตคู่หนึ่ง เริ่มจับความสนใจตรงที่ฝ่ายหญิงเคยเอ่ยว่า อยากจะมีโอกาสทำหน้าที่เพื่อช่วยสังคมอย่างที่เจ้าชายกระทำอยู่เช่นเดียวกัน และการวิจัยหลังการอภิเษกผ่านไปแล้ว ได้เอ่ยถึงประวัติสมัยเจ้าชายยังเล็ก เจ้าหญิงไดอาน่าผู้เป็นมารดาได้ปลูกฝังความคิดในการช่วยเหลือสังคมไว้เป็นตัวอย่างกับลูกชายทั้งสองตั้งแต่เด็ก พาไปดูผู้ป่วยมะเร็งบ้าง ช่วยเหลือการกุศลต่างๆ บ้าง โดยเหตุนี้วิญญาณแห่งการทำงานเพื่อสังคมจึงเป็นชนวนเชื่อมโยงความสนใจของสองบุคคลต่างระดับเข้าสู่จุดมุ่งหมายในชีวิตเหมือนกัน เรามาคอยดูว่า จะเกิดผลดีอะไรบ้างต่อโลก จากการเชื่อมสองชีวิตที่ต่างกันราวฟ้ากับดินให้เดินทางไปสู่จุดหมายเดียวกัน เริ่มต้นด้วยความรัก แน่นอนว่า เราจะได้เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรมนามธรรมในฐานันดรศักดิ์ มากกว่าการเป็นสัญลักษณ์แห่งประมุขอย่างเดียว ในแง่นี้ ผู้เขียนยับซาบซึ้งในพระราชกรณียกิจขององค์พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงปฏิบัติต่อประชาชนตลอดพระชนม์ชีพตั้งแต่เริ่มเป็นกษัตริย์ อาจเป็นกรณีนี้กระมังที่เป็นเหตุดลใจให้องค์รัชทายาทอันดับที่ 6 แห่งราชอาณาจักรที่เคยสนใจแต่การล่าเมืองขึ้น เปลี่ยนมาเป็นแนวที่จะทำประโยชน์เพื่อสังคม เพื่อจรรโลงโลก เริ่มจากพระมารดาให้แนวคิดไว้ จึงทรงสนพระทัยที่จะเลือกคู่ชีวิตที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันเป็นการเริ่มต้น ผู้เขียนตื่นเต้นและภูมิใจจริงๆ ที่แนวรัชทายาทได้เปลี่ยนเป็นการทำประโยชน์ต่อสังคม เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ต้องกังวลในการเป็นประมุขของประเทศอย่างเดียวเพราะอันดับยังอยู่ไกล สู้หันมาใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมจะดีกว่า นี่คือการแปลความหมายของบุพเพสันนิวาสในแง่สมัยใหม่ที่ผู้เขียนมอง โดยเหตุนี้ ความแตกต่างหรือจุดบกพร่องทั้งปวงจึงปราศนาการไปจากความรักซึ่งกันและกัน โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ผู้เขียนภูมิใจจริงๆ และขอปรบมือคนเดียวท่ามกลางการอดนอนตลอดคืน ตลอดวัน จับตาอยู่กับพิธีอภิเษกสมรส และติดตากับรถสีฟ้าอมเขียวสปอร์ตคันเล็ก นั่งแค่สองคนกลับวัง หลังจากนั้นก็วาดภาพแห่งความสุขไปตามจินตนาการเอง ว่าจะมีความสุขอย่างไร แค่ไหน ผู้เขียนเองพลอยมีความสุขไปกับงานอภิเสกสมหวังครั้งนี้ไปด้วย ถึงแม้จะหาวหวอดๆ ตลอดวันตลอดคืนอยู่ 2 วัน ก็ยังไม่หายง่วง แต่ก็นับว่าเป็นการอดนอนที่คุ้มค่า เสียอย่างเดียวเผลอหลับไปหน่อยหนึ่งตอนบาทหลวงผู้ทำพิธีประกาศให้เป็นสามีภรรยาหลังจากการกล่าว “I will.” แล้วทั้งสองคน ต้องคอยดูข่าวหลังจากนั้นในวันต่อมาทั้งวันไม่ได้หลับได้นอนอีกหนึ่งวัน เรียกว่า อินกับพิธีแต่งงานอันไหนก็ไม่เท่าพิธีนี้

วันเสาร์ วันอาทิตย์ก็หมดไปกับการ fill in my life ด้วยพิธีสุดอลังการในโบสถ์ เป็นที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งว่า เมื่อตอนที่ผู้เขียนเข้าท่ารอบกายสำหรับการทำ MRI หรือ การตรวจสุขภาพตลอดร่างกายด้วยการเข้าอุโมงค์รอบตัวนั้น ต้องนอนนิ่งๆ ห้ามกระดุกกระดิกเด็ดขาด เพื่อให้ภาพนิ่งวัดสภาพร่างกายได้แม่นยำ แต่ภายในอุโมงค์มีเสียงดังกระทุ้งตลอดเวลา เป็นที่รบกวนประสาทหูมาก แต่ก็ต้องนอนนิ่งที่สุดตามคำสั่ง ผู้เขียนต้องทำสมาธิ และได้เกิดเป็นฌาน ทำให้ผู้เขียนเห็นภาพว่ากำลังเพ่งดูจากที่สูง ภายในโบสถ์ ซึ่งเหมือนกับภาพที่เห็นจากพิธีอภิเสกครั้งนี้ และผู้เขียนได้เพ่งดูว่าบุคคลตัวเล็กๆ ที่มองลงมาเห็นอยู่ในโบสถ์นั้นเขากำลังทำอะไรกันอยู่ และได้เห็นในพิธีจริงๆ ในวันเสาร์ของงานอภิเษก ทำไม ผู้เขียนจึงเห็นภาพนั้นได้ล่วงหน้า น่าอัศจรรย์ใจ ว่าจะได้เห็นพิธีจริงเช่นเดียวกับภาพที่เห็นในฌานเมื่อก่อนหน้านั้น

เรื่องนี้ผู้เขียนประวัติไปถึงกรณีครั้งแรกที่เรียนการเข้าสมาธิ เริ่มไปโบสถ์ตอนเย็น เวลาตีสี่จึงเข้าห้องกรรมฐาน โดยทำสมาธิตามเสียงสวดส่งมาจากประเทศไทย ในสมาธินั้น ผู้เขียนเห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ เพื่อโปรดโลกมนุษย์เวลาตีสี่ พระหัตถ์แกว่งอย่างทรงพระดำเนิน ชายจีวรไหวพลิ้วด้วยแรงลม เสด็จจากมุมขวามือเบื้องสูงลงสู่มุมซ้ายด้ายล่างเป็นมนุษย์โลก นี่คือสิ่งที่มิใช่เห็นด้วยตา แต่เป็นเวลาที่ท่านเสด็จตามเวลาเป็นจริงตามคำบอกเล่าของพระภิกษุในชั้นเรียนหลังจากนั้น

ต่อมาวันหนึ่ง ผู้เขียนพบสมุดที่ผู้เขียนบันทึกเป็นภาษาอังกฤษตั้งชื่อว่า Miracles เป็นเรื่องราวที่เกิดระหว่างมีสุนัขตัวโปรดชื่อแบมบู ได้มีเรื่องปาฏิหาริย์หลายสิ่ง บันทึกไว้เป็นประวัติของแบมบูว่าได้มีอะไรที่เหลือเชื่อหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น วันหนึ่งผู้เขียนพาแบมบูไปเดินเล่นที่พาร์ค แว่นตาได้หายไป เดินหาเท่าไหร่ก็ไม่เห็น เดินอยู่ 3 รอบ ก็ไม่เจอแว่นตา จนกระทั่งมีชายทำความสะอาดเอาใบไม้ไปทิ้งถังขยะ เกิดนึกสะดุดใจ ถามเขาว่า เห็นแว่นตาบ้างไหม เขายื่นมือลงไปค้นที่ก้นขยะหยิบแว่นตามาถามว่า อันนี้เหรอ ผู้เขียนเลยได้แว่นตาคืน นี่คือปฏิหารย์

เชื่อไหมว่า พิธีอภิเสภสมรสครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบุพเพสันนิวาสอย่างเดียว แต่เป็น Miracles ที่บุคคลเกิดในที่แตกต่างกัน สามารถพบกัน รักกัน ร่วมชีวิตเป็นชีวิตเดียวกัน เป็นปาฏิหาริย์ ใครจะคิดว่า เด็กนักเรียนสาวที่เคยนั่งติดกัน กับสตรีคนหนึ่งในชุดยาวสีขาว นั่งในรถเทียมม้าขาว เปิดประทุน โบกมือทักทายกับคนนับล้าน คือ เด็กสาวคนนั้น