สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
มาร่วมกันใช้พลังธรรมชาติกำจัดไวรัสโคโรน่า

ถ้าต้องรอวัคซีนที่จะกำจัดไวรัสโคโรน่าต้องใช้เวลาเป็นปี อย่ากระนั้นเลย ในตัวเราก็มีพลังแม่เหล็กและพลังไฟฟ้า น่าจะรวบรวมนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ร่วมกับพลังธรรมชาติที่มีอยู่ ไวรัสตัวนี้จะไม่สามารถรอดชีวิตอยู่ได้ในอุณหภูมิเกิน 37 องศาเซลเซียส หรือ 90 องศาฟาเรนไฮด์ ที่ประเทศไทยเขาบอกว่า แถวบ้านที่อยู่เมืองนนท์ ไม่เห็นคนติดโคโรน่าไวรัสตายเลย ก็อากาศร้อนนี่นา มีตายกันบ้างแถวเชียงรายเชียงใหม่ ตอนผู้เขียนไปเที่ยวเดือนเมษายนก็รู้สึกว่าอากาศแถบนั้นเย็นชุ่มชื่น เขียวชอุ่ม มิน่าล่ะ เจ้าโคโรน่าถึงชอบ ทางแอล.เองก็ระบาดหนักตอนฝนตกอากาศเย็นขึ้น หรืออย่างนิวยอร์กก็หนาวอยู่ เอาเป็นว่า ถ้าวิทยาศาสตร์ยังกำจัดไวรัสตัวนี้ไม่ได้ จะให้รอไปอีกนาน ก็ต้องร้องว่า ไอ๊ย่า อั้วซี้เลี้ยว อะไรทำนองนั้น แค่นี้ก็กลุ้มพอแล้ว เอาเป็นว่า ตอนนี้ เราจะใช้พลังที่มีอยู่ทำลายมันไปพลางก่อน จะเอาพลังอะไรบ้างล่ะ

จากการทดลองในการะประชุมทดสอบการเปลี่ยนแปลงพลังของมนุษย์และสสารโดย Sandra Ingerman เมื่อ 1 สิงหาคม 2017 ผู้เข้าร่วมการทดสอบ 12 คนอายุระหว่าง 54 – 76 ปี อาจถือสิ่งของในมือ ทั้งคนและสิ่งของจะถูกวัดพลังก่อนและหลังการทดสอบ เป็นการอบรมเพื่อพิสูจน์พลังแห่งการบำบัดเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น (Shamanic Remote Transfiguration Experiment for Guidance and Healing) การอบรมนี้ถ่ายภาพไว้ด้วยกล้องพิเศษ เรียกว่า GDV camera สร้างโดย Konstrantion Koratkov ที่สามารถจับภาพการเปลี่ยนแปลงพลังรอบตัวคนและสิ่งของที่ถืออยู่ ผลปรากฏในภายถ่าย พลังรอบตัวเสริมดีขึ้น ภายหลังจบการทดลองบำบัด

ได้กล่าวแล้วว่า ร่างกายมนุษย์สร้างด้วยธาตุสี่ เปรียบได้กับ ดิน น้ำ ลม ไฟ หรืออีกนัยหนึ่งตามศาสตร์สุขภาพของเต๋า มี 5 ธาตุ คือ ไฟ ดิน น้ำ โลหะ และไม้ ซึ่งประสานการทำงานของอวัยวะสำคัญในร่างกายเข้าด้วยกัน ในการทำงานร่วมกันของอวัยวะส่วนต่างๆใน 10 ระบบ อยู่ภายใต้การบงการของระบบประสาท ซึ่งสั่งงานเมื่อมีการส่งโลหิตไปเลี้ยงเซลล์สมอง การทำลายโดยไวรัสโคโรน่าที่อันตรายที่สุดเพราะทำลายการทำงานของระบบหายใจที่ส่งไปสู่ปอดเพื่อการประสานงานกับหัวใจส่งโลหิตไปสู่สมอง การใส่หน้ากากและล้างมือช่วยไม่ได้ทันการสั่งงานของสมอง เพราะได้ถูกทำลายโดยขาดน้ำในเซลล์ ชีวิตก็ยุติลง แม้แต่ร่างกายที่แข็งแรงที่สุดของนักกีฬา ตำรวจ เมื่อติดไวรัสโคโรน่าก็เสียชีวิตได้ นี่เพียงแต่เจอไวรัสที่ตัวเล็กขนาดกล้องจุลทัศน์ยังหาไม่เจอ แถมมันยังแบ่งร่างแปลงกายได้สารพัดอีก นัยว่า แบ่งเป็น 3-4 ตัว 10 ระบบของมนุษย์ก็เกิดสับสนหามันไม่เจอหรือจะทำลายมันด้วยระบบภูมิคุ้มกันที่มีอยู่ก็ไม่ทันการ จึงเสียการสั่งงานของสมองและเสียชีวิต เพราะสมองสั่งให้หัวใจทำงานไม่สำเร็จ ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น antibody, antioxidants หรือ exosomes ก็ยกทัพไปทำลายมันไม่ได้ เพราะหาไม่ทัน

เหตุนี้ มนุษย์จึงต้องใช้พลังที่มีอยู่ในตัวเรา และรอบตัวเรา เรียกว่าพลังจิต และพลังความร้อนจากแสงอาทิตย์ ด้วยความหวังว่า พลังจิตสร้างอุณหภูมิในตัวและส่งไปยังอากาศรอบตัวให้สูงขึ้น มีภูมิต้านทานสูงขึ้น ดังที่ปรากฏจากภายถ่ายว่า พลังแห่งการบำบัดรอบตัวสมบูรณ์มากขึ้น

วิธีการทำลายโคโรน่าไวรัสด้วยพลังจิต เริ่มต้นด้วยการสร้างปิรามิดจากกระดาษขาว เขียนอักขระบนแต่ละด้าน แล้วปิดด้วยกระดาษสีต่างๆ คือ สามเหลี่ยมสีแดงสำหรับด้านที่เขียนอักขระธาตุไฟ วงกลมสีน้ำเงินสำหรับด้านที่เขียนอักขระของธาตุอากาศ กระดาษสีเหลืองตัดเป็นสี่เหลี่ยมติดทับอักขระของธาตุดิน และติดฟอยด์ ตัดเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวปิดทับสัญลักษณ์แห่งหยาดน้ำ บนด้านที่เป็นธาตุน้ำ

แต่ละด้านของปิรามิด เป็นตัวแทนของแต่ละพลังในการบำบัดด้วยเร็คคี้ อธิบายว่าเป็นการส่งพลังจิตจากสมาธิไปบำบัดร่างกายตัวเองหรือผู้อื่น ทั้งใกล้ และไกลด้วยพลังจิตผนวกกับพลังคอสมิครอบตัว คำว่าเรย์มาจากพลังแสงอาทิตย์หรือ Ray ภาษาญี่ปุ่นเขียนว่า Rei คำว่า คี หรือ Chi คือพลังในร่างกายมนุษย์รวมกันเรียกว่า การบำบัดด้วยพลังเร็คคี่ หรือ Reiki Treatment โดยการส่งพลังผ่านมือไปยังจักระหรือศูนย์รวมแห่งอวัยวะที่เจ็บป่วยอยู่ใน 10 ระบบของร่างกาย วางมือไว้ตรงจักระนั้น หรือส่งสมาธิจิตไปยังผู้รับการบำบัด ณ จุดที่ป่วยอยู่ ถ้าบำบัดตัวเอง ก็ส่งกระแสสมาธิจิตของสมองไปยังอวัยวะของร่างกายที่เจ็บป่วยอยู่

แต่ละด้านของปิรามิดซึ่งสร้างกระดาษขาว เขียนสัญลักษณ์ของแต่ละธาตุ คือธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ และปิดทับด้วยกระดาษสีเหลืองรูปสี่เหลี่ยมบนธาตุดิน สีแดงรูปสามเหลี่ยมบนธาตุไฟ สีฟ้าวงกลมบนธาตุอากาศ ฟอยล์บนธาตุน้ำ และเพ่งสมาธิจิตไปที่ปิรามิดด้านที่มีความหมายตามความประสงค์ ดังนี้

ธาตุดิน วางหันหน้าไปทางทิศเหนือ เพ่งมองขณะตั้งจิตอธิษฐานเพื่อความสมบูรณ์พูนสุขเป็นปึกแผ่น ฐานะดี มีโชค พร้อมกับเขียนคำอธิษฐานติดไว้ที่ภายในปิรามิดตรงกับคำอธิฐาน มีเครื่องหมายเป็นเสาหลักสองต้นเขียนบนปิรามิดเพื่อความหมายแห่งทรัพย์สินและความมั่นคงที่ต้องการทำสมาธิเมื่อเพ่งมองที่กระดาษวงกลมสีฟ้าที่ปิดอักขระของอากาศติดไว้ที่ด้านนี้ในขณะที่อธิษฐาน เช่น ขอให้ข้าพเจ้าถูกล็อตโต้ ก็เขียนไว้บนกระดาษติดไว้ภายในปิรามิดสีฟ้านี้ เช่นเดียวกัน

ธาตุอากาศ หรือ ลม หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตั้งจิตอธิฐานเพื่อความรักและความสงบ หรือเขียนไว้ที่กระดาษปิดไว้ภายในปิรามิดด้านนี้ว่า ขอให้ข้าพเจ้ามีสุขภาพดี ปลอดจากไวรัสโคโรน่า หรือขอให้โลกปลอดภัยจากไวรัสโคโรน่า เมื่อตั้งจิตอธิษฐาน ก็ทำความพยายามที่จะกำจัดไวรัสโคโรน่าที่กำลังอันตรายต่อชีวิตมนุษย์ทั่วโลกขณะนี้ โดยเพ่งไปที่กระดาษสีฟ้าตัดเป็นรูปวงกลม ปิดทับอักขระรูปอากาศ นั่นคือ ทุกคนร่วมมือกันตั้งจิตอธิษฐานทั่วโลกในความหมายเดียวกัน ว่าขอให้ไวรัสโคโรน่าถูกทำลายด้วยอุณหภูมิที่ร้อนขึ้น จนไวรัสนี้มีชีวิตอยู่ไม่ได้ อาจส่งผลให้เกิดความอบอุ่นทั่วไป อุณหภูมิทั่วโลกสูงขึ้น ซึ่งไวรัสโคโรน่าทนไม่ได้ ย่อมยุติการอาละวาดคร่าชีวิตคนทั่วโลกขณะนี้ โดยเฉพาะในขณะที่อเมริกากำลังพิจารณาเริ่มเปิดประเทศเพราะภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเกินที่จะยืดต่อไป

ธาตุไฟ ติดด้ายกระดาษตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมสีแดงทับสัญลักษณ์ธาตุไฟ ประจำอยู่ทิศใต้ อธิษฐานเพื่อการป้องกันภัย เป็นพลังป้องกันอันตรายจากความคิดร้ายให้กลับกลายเป็นดี เปลี่ยนอุปสรรคให้ราบรื่น เป็นความสำเร็จ เขียนความประสงค์ที่ต้องการติดไว้ภายในปิรามิดด้านทิศใต้นี้ พร้อมกับส่งสมาธิจิตเพื่อให้ปราศจากภัยพิบัติที่เผชิญอยู่

ธาตุน้ำประจำอยู่ทิศตะวันตก เป็นทิศแห่งสุขภาพและพละกำลัง โดยเฉพาะผู้ป่วยควรทำสมาธิจิตเพื่อเสริมกำลังกายในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น เมื่อจิตมีความมุ่งมั่นมานะจะพาให้ร่างกายเข้มแข็งด้วย ความเจ็บปวดจะทุเลาลงเมื่อทำสมาธิจิตกับปิรามิดด้านนี้สม่ำเสมอ ทั้งร่างกายและจิตใจจะได้รับการกระตุ้นพร้อมกันเมื่อทำสมาธิจิตกับปิรามิดด้านธาตุน้ำ

การสร้างปิรามิดควรทำด้วยตนเอง ง่ายๆ กับแบบที่ให้มานี้ และเริ่มทำสมาธิตามความหมายของแต่ละธาตุที่ประจำอยู่แต่ละหน้าของปิรามิด เขียนอักขระประจำหน้าปิรามิดอย่างประณีต เพื่อผลแห่งการทำสมาธิต่อไปให้สำเร็จ และควรให้ทุกคนในครอบครัวรู้จักการสมาธิกับปิรามิดเพื่อการสำรวมจิตใจและส่งผลให้การเรียน ความคิด และระบบร่างกายมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น