สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
อาการประสาทไม่สมดุล เอ.ดี.ดี. ตอนที่ 1

เรานับถือจิตแพทย์ (Psychologist) ว่าสามารถแก้ไขอาการไม่ปกติทางจิตด้วยจิตวิทยา แต่เราไม่ค่อยรู้ว่านักประสาทวิทยา (Psychiatrist) จะทำหน้าที่อะไรทางไหนบ้าง ดีไม่ดีอาจเรียกหมอพวกนี้ว่า Shrink เสียด้วยซ้ำ เดี๋ยวนี้นักประสาทวิทยามีบทบาทต่อชีวิตในสังคมและส่วนตัวของหลายคนมากทีเดียว สามารถเรียกความสนใจมาสู่วิทยาการด้านนี้ด้วยการปฏิบัติ คำว่า A.D.D. (Attention Deficiency Disorder) แปลตรงตัวว่า อาการความตั้งใจบกพร่อง แท้ที่จริงลักษณะของอาการ เอ.ดี.ดี. มีถึง 7 อย่าง เรียกว่า เอ.ดี.ดี. อาจจะเป็นลักษณะที่ทุกคนเป็นอยู่ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งของความไม่สมดุลทางประสาทแห่งความนึกคิด ที่ใช้คำว่า “ประสาท” มิได้หมายความว่า “บ้า” อย่างที่คนไทยใช้ด่ากัน แต่เป็นความไม่สมดุลทางความคิดจำเป็นต้องได้รับการบำบัด มิฉะนั้นจะส่งผลเสียในระยะสั้น อาจก่อให้เกิดการหุนหันพลันแล่นยาปืนมายิงคนอื่นเป็นระนาว อย่างที่ประธานาธิบดีโอบาม่าเรียกว่าเกือบทุกอาทิตย์ในอเมริกา เพราะมีหลายรัฐ ผลเสียในระยะยาว คือการเรียนด้อย การสังคมส่วนตัวและส่วนรวมบกพร่อง ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จ ดำรงชีวิตครอบครัวไม่มีความสุข เป็นต้น เมื่อบำบัดแล้ว เรียนดีขึ้นด้วย

ระบบประสาทมีศูนย์กลางที่สมอง ส่งต่อไปตามกระดูกสันหลัง แยกออกไปสู่เซลล์ประสาทที่ปลายสุด ประสาทจึงมีอยู่ทุกคนแห่งในร่างกายที่สัมผัสได้ สมองมีสองซีก ส่วนซ้ายควบคุมร่างกายส่วนขวา ส่วนขวาควบคุมการทำงานของร่างกายส่วนซ้าย ทำให้การทำงาน ความเคลื่อนไหว ความคิด สมดุล อาการข้อหนึ่งของ เอ.ดี.ดี. คือสมองส่วนหน้าคือต่อมพิจุอิทารีผลิตฮอร์โมนนายใหญ่ (HGH Master Hormone) เข้าเส้นโลหิต ไปสั่งงานให้ต่อมไร้ท่ออื่นๆ อีก 6 ที่ผลิตฮอร์โมนสำคัญอีก 6 ชนิด ได้แก่ ต่อมไทรอยด์ตรงลูกกระเดือกผลิตฮอร์โมนควบคุมการพัฒนาเติบโตตามวัย ช่วยให้หัวใจเต้นปกติ และควบคุมปริมาณไอโอไดน์หรือเกลือ กับรักษาระดับน้ำในร่างกาย ข้างๆ ต่อมไทรอยด์มีต่อมพาราไทรอยด์อีก 2 คู่ คอยหมุนเวียนแคลเซี่ยมกับฟอสฟอรัสในระบบประสาท ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนมักหงุดหงิดเพราะต่อมพาราไทรอยด์พยายามดึงแคลเซี่ยมออกมาจากกระดูกเข้าสู่กระแสเลือดและระบบประสาท เมื่อให้แคลเซี่ยมจะรู้สึกมีความสุขขึ้น บรรเทาอาการมูดดี้ลง บางทีระดับแคลเซี่ยมในเลือดสูงเกินไปจะส่งผลต่อหัวใจ ร่างกายยามปรับสมดุลด้วยการขับออกทางปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะบ่อย กลั้นไม่อยู่ ไตทำงานหนัก ถ้าร่างกายขาดน้ำมาก ก็เสี่ยงต่อภาวะไตวาย หรือถ้ามีแคลเซี่ยมในปัสสาวะมากมีทางเป็นนิ่วในไต หรืออีกประการหนึ่ง มีโคเลสเตอรอลสูงแล้วกินผลไม้สดที่มีโปตัสเซี่ยมสูง อาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยากับโคเลสเตอรอล ก็อาจเป็นนิ่วในไต ต่อมพาราไทรอยด์จึงสำคัญต่อระบบประสาท นอกจากหมุนเวียนแคลเซี่ยมกับฟอสฟอรัสให้ระบบประสาทแล้ว ยังคอยปรับระดับแคลเซี่ยมช่วยการทำงานของไวตามินดี ดูดซึมแคลเซี่ยมในลำไส้เล็ก นายแพทย์เมเมท ออซ แนะว่า วิธีช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซี่ยมที่ดีที่สุดคือจากอาหารที่มีแคลเซี่ยม ได้แก่ไข่ ปลาแซลม่อน ผักเคล เป็นต้น

ถัดลงไปคือต่อมที่กระดูกไหปลาร้า ชื่อว่าต่อมไทมัส ผลิตฮอร์โมนเพื่อภูมิคุ้นกัน ตรงสุดโครงสร้างของกระดูกซี่โครง คือต่อมหมวกไต (Adrenal glands) อยู่ด้านบนของไตทั้ง 2 ข้าง ผลิตน้ำนม และสร้างการเติบโตสารพัดของร่างกาย ผลิตฮอร์โมนอะดรีนาลีนที่ทำให้ตัดสินอย่างรวดเร็วหรือ เชื่องช้า ต่อการต่อสู่หรือเคลื่อนไหว (Fight or Flight) ล่างลงไปเป็นต่อมเพศ ผลิตเอสโตรเจน เทสโทสเตอโรน และโปรเจสเตอโรน แล้วแต่เพศ มีตัวไหนมากก็อยากจะเป็นเพศนั้น ทั้งๆ ที่ร่างกายมีอวัยวะเพศอีกอย่างหนึ่ง จึงไม่สมดุลทางเพศ สรุปแล้วต่อมพิจุอิทารีกระตุ้นการทำงานของอีก 6 ต่อมให้ผลิตฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อให้สมดุล อาการไม่สมดุลทางประสาทมีผลลัพธ์จากฮอร์โมนหรือการทำงานของต่อมเหล่านี้

ต่อมสำคัญอีกต่อมหนึ่งอยู่ส่วนล่างด้านหลังของสมอง คือต่อมไพนีล ผลิตเมลาโทนินซึ่งเรียกว่าเป็นฮอร์โมนสำหรับตั้งนาฬิกา สั่งร่างกายให้นอนหลับหรือ ตื่น ตรงกันทุกวัน คนที่นอนไม่หลับตามเวลาอาจต้องพึ่งเมลาโทนินสักระยะหนึ่งเพื่อตั้งนาฬิกานอนหลับใหม่ เช่น ทานเมลาโทนินเวลา 9.30 p.m. เข้านอน 9.45 นอนบนเตียงอีก 15 นาที เพื่อให้หลับเวลา 10.00 p.m. ตื่นนอนเวลา 6.00 a.m. ระยะการนอน 8 ชั่วโมง นอนหลับสนิท 85% เป็นเวลา 6 ชั่วโมง เป็นช่วงที่ต่อมพิจุอิทารีทำการผลิตโกรทฮอร์โมน ถ้าไม่มีฮอร์โมนสำคัญตัวนี้ ต่อมอื่นๆ ก็ไม่ได้รับคำสั่งให้ผลิตฮอร์โมนอื่นๆ ดังกล่าว ระดับแคลเซี่ยมกับฟอสฟอรัสในระบบประสาทก็ไม่สมดุล อาการ เอ.ดี.ดี. ทั้ง 7 ประการก็อาจเกิดขึ้นไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ซึ่งเมื่อฟังนายแพทย์ Dr. Adrian Amen, Psychiatrist กล่าวปาฐกถากับภรรยาของเขาทางโทรทัศน์ สถานีของรัฐบาล คนเราน่าจะมีอาการไม่สมดุลอย่างใดอย่างหนึ่ง สถานะที่ไม่มีอาการ เอ.ดี.ดี. เลย น่าจะเป็นภาวะช่วงที่เราทำสมาธิจิตว่าง ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างปราศจากภาวะใดๆ ทั้งสิ้นได้ชั่วขณะ ถ้าจะให้ดีมีอาการสมดุลเสมอๆ ก็ต้องแก้ไขอาการของร่างกาย อาหาร การออกกำลังกาย และการนอนหลับ