สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
กลับมาหาระบบธรรมชาติของร่างกาย

ถ้าถามในรายการใครอยากเป็นเศรษฐีเงินล้าน ว่า “สาระอะไรเอ่ย ยิ่งเจือจางยิ่งเพิ่มพลัง” คนไทยส่วนใหญ่จะทายกันไม่ถูก คนอเมริกันบางคนจะทายได้ทันทีว่า ก็คือ Homeopthic substance นั่นเอง Homeopthy เป็นแพทยศาสตร์ที่ได้รับการแนะนำในการบำบัดร่างกายเมื่อต้นศตวรรษที่แล้ว พอก่อนสิ้นศตวรรษที่ผ่านมาก็ประกาศข่าวใหญ่ในการค้นพบสารที่สำคัญที่สุดสำหรับศตวรรษปัจจุบันและคงจะสำคัญต่อไปอีกหลายศตวรรษในอนาคต Homeopthy เป็นการบำบัดโรคภัยไข้เจ็บโดยใช้ยาเพียงเล็กน้อยช่วยให้ร่างกายทำงานตามระบบธรรมชาติ แล้วหายจากการป่วยไข้นั้นๆ ด้วยการทำงานจากระบบธรรมชาติของร่างกายเอง

คำถามต่อไปก็คือ จริงหรือที่สารที่ได้รับการเจือจางมากขึ้นจะยิ่งมีพลังสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจือจางจนคล้ายกับว่าไม่มีสารแท้ที่จะก่อให้เกิดประสิทธิภาพอีกแล้ว

ยกตัวอย่าง การเจือจาง Homeopathy substance โดยวิธีที่เรียกว่า X เป็น 6 เท่า คือ 6X หมายถึงว่ามีสารแท้ 1 ส่วนในตัวเจือจางล้านส่วน และถ้าเพิ่มเป็น 24X คือเพิ่มอีก 4 เท่า หมายถึง มีสารแท้เพียง 1 โมเลกุลในน้ำเจือจาง 1 ลิตร ถ้าเจือจางมากกว่า 24X ก็แทบไม่มีสารแท้เหลืออยู่ในสารเจือจาง ราวกับว่ามีแต่น้ำยังงั้นแหละ

ตามรายงาน ดอกเตอร์ เทรเวอร์ คุก Ph.D. ประธานสมาคมแพทย์ศาสตร์แผนธรรมชาติของอังกฤษ (Homeopathic Medical Association) อธิบายว่า “ดูเหมือนว่าการบำบัดด้วยสารเจือจางมากๆ เพื่อรักษาร่างกายตามธรรมชาติจะไม่เป็นผลอย่างไร ถ้าพิจารณาตามกฎของฟิสิกซ์และการกระจายสาร” แต่การค้าคว้านี้อธิบายได้จากพลังงานต่อเนื่องอะตอมมิค ซึ่งมีการค้นคว้าโดยใช้สารเจือจางรวม 23 ชนิดทำการทดสอบ ปรากฏผลดีในการขยายพลัง แต่ไม่พบการเพิ่มพลังในการทดลองในจานแก้วหรือในน้ำธรรมดา

นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาเลียน เอมิลโล กุยดิซี ได้ตั้งทฤษฎีเพื่ออธิบายการเพิ่มพลังงานในระบบ Homeopathy โดยเริ่มอธิบายจากโมเลกุลของน้ำว่ามีพลานุภาพในการเก็บและส่งหน่วยพลังไฟฟ้าแม่เหล็กเล็กๆ ดอกเตอร์วูลฟ์แกง ลุควิค นักจุลฟิสิกซ์ชาวเยอรมัน ได้สาธิตการกระจายพลังไฟฟ้าแม่เหล็กเล็กๆ มากมายของสารเจือจาง (Homeopathic substance) หน่วยไฟฟ้าแม่เหล็กเหล่านี้มีพลังสำคัญต่ออานุภาพของสารเจือจาง

ในระหว่างการใช้มือเขย่าสารเจือจาง ก่อให้เกิดการเสียดสีจากการ Succession ทำให้พลังความสะเทือนถูกแลกเปลี่ยนระหว่างสารแม่ที่เป็นสารหลักไปสู่น้ำ ในอุณหภูมิปกติที่ 70 องศา ก่อให้โมเลกุลของน้ำประสานกันเป็นโครงสร้างแปดทิศทางแบบรังผึ้ง โครงสร้างแปดเหลี่ยมนี้สามารถเก็บพลังงานไว้ได้นานมากก่อนที่จะสลายตัว การเก็บพลังงานจะเปลี่ยนแปลงรูปโครงสร้าง การเขย่าด้วยมือเป็นการแปรพลังงานให้เพิ่มมากขึ้นในน้ำ ยิ่งเขย่าด้วยมือมากเท่าใดก็ยิ่งเพิ่มพลังให้สูงขึ้นเท่านั้น นักค้นคว้าได้พิสูจน์พลังของสารเจือจางแบบ Homeopathic ทั้งด้านสูงและต่ำในน้ำ การเพิ่มพลังนี้ไม่ปรากฏว่าเกิดขึ้นจากการเขย่าน้ำเฉยๆ โดยไม่มีตัวสารแม่ และการเขย่าต้องทำทุกครั้งที่เติมสารเจือจาง เพื่อให้เกิดการเพิ่มพลังทันที

การเจือจางสารแบบ Homeopathy อีกแบบหนึ่งเรียกว่า ระบบ C เป็นการเจือจางที่มีประสิทธิภาพมากกว่าระบบ X กล่าวคือ ระบบ X มีตัวสารแม่หรือสารแท้ 1 ตัวในฐานพลัง 9 ส่วน ระบบ C มีตัวสารแม่ 1 ตัวในฐานพลัง 99 ส่วน ระบบ C ให้ประสิทธิภาพสูงและซึมเข้าสู่จุดรับได้รวมเร็วกว่า

แพทย์สมัยใหม่ได้นำวิทยาการ Homeopathy มาใช้ในการผลิตสารสำหรับช่วยให้ร่างกายทำงานเองดีขึ้น ที่ได้ผลสูงสุดในปัจจุบัน คือการผลิตสารที่จะสั่งงานทั่วร่างกายด้วยระบบ Homeopathy จากโมเลกุลของโปรตีนของสารแท้คือโกรทฮอร์โมน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อใช้ระบบ C จากสารแท้เพิ่มเป็น 3C และเพิ่มอีก 30C โดยการใช้มือเขย่าตามวิธีการ Homeopathy เพิ่มพลังได้สูงมาก สามารถซึมเข้าสู่จัดรับใต้สมอง และส่งผลให้ร่างกายผลิตโกรทฮอร์โมนเองได้ หลังจากวัยที่โกรทฮอร์โมนลดการผลิตแล้วตั้งแต่อายุ 20 ปี ก่อให้เกิดกระบวนการที่เรียกว่านำร่างกายกลับไปสู่สภาวะธรรมชาติ โดยการผลิตโกรทฮอร์โมนในร่างกายเอง ร่างกายคืนเข้าสู่สภาพแข็งแรงได้เอง ที่ได้ผลยิ่งไปกว่านั้นคือ โกรทฮอร์โมนได้รับการปล่อยเข้ากระแสโลหิตไปกระตุ้นต่อมและอวัยวะอื่นให้ทำงาน หลังจากที่เซลล์ต่างๆ สับสนไม่มีความจำในการทำงานเหลืออยู่ อีกทั้งจุดรับที่เสื่อมสภาพในร่างกายกลับฟื้นคืนสู่สภาวะปกติ นับเป็นการค้นคว้าทดลองที่ใช้เวลายาวนานตลอดศตวรรษ กว่าจะนำมาใช้กับมนุษย์ได้ ประจวบกับวิทยาการในการโคลนนิ่งที่เรียกว่าการก็อปปี้เซลล์บรรลุผลสำเร็จขึ้นอีก (Genetically bioengineering technology) คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์กว่า 30 ล้านคนจะเริ่มแก่ในตอนต้นศตวรรษใหม่นี้ จึงน่าจะขอบคุณนักวิทยาศาสตร์ และแพทย์ทั้งแผนใหม่และแผนธรรมชาติ ที่สามารถมาพบกัน ณ จุดแห่งความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ต่อมวลมนุษยชาติ ในการบำบัดความแก่ของวัยด้วยระบบ Homeopathy Growth Hormone ด้วยการส่งเสริมให้ร่างกายคืนสู่วัยเจริญเติบโตตามธรรมชาติก่อนที่จะสายเกินไป

การทดลอง Biomed Comm (BMC) ที่ใช้โกรทฮอร์โมนของมนุษย์ที่ผลิตด้วยระบบธรรมชาติ Homepathic recombinant human growth hormone กับคนที่อยู่ในวัยระหว่าง 18-72 ปี โดยใช้สเปรย์ทางปาก แบบควบคุมไม่ให้มีสารอื่นแปลกปลอมปะปนอยู่ กฎว่าผลที่สำคัญต่อระบบร่างกายและระบบสารทจิตใจ คือ

1.น้ำหนักตัวลด

2.สะโพกบนลด

3.ขนาดแขนส่วนบนขยาย


คำอธิบายผลการทดลอง

สะโพกส่วนบนลดขนาด เนื่องมาจากการลดไขมัน น้ำหนักตัวลดลงเนื่องมาจากกล้ามเนื้อแน่นขึ้นไขมันน้อยลง กล้ามเนื้อแน่นและเพิ่มขึ้น 2 ปอนด์ ในระยะเวลา 21 วันนับจากวันเริ่มทดลองใช้ เมื่อเทียบกับรายที่ไม่ได้ควบคุมสารอื่นๆ ความดันโลหิตและขนาดเอวลดลงหลังจากการทดลองใช้โกรทฮอร์โมนแบบสเปรย์ที่ผลิตด้วยระบบ Homeopathy ติดต่อกันเป็นเวลา 42 วัน ความอ่อนเพลียของกลุ่มผู้ใช้ 46 เปอร์เซ็นต์ลดลงไป 70 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับตอนเริ่มต้นการทดลอง ในกลุ่มที่ไม่ได้ควบคุมสารอื่นจะลดลงเพียง 45 เปอร์เซ็นต์

อาการอื่นที่ตามมากับความแก่ได้แก่ การลงพุง น้ำหนักตัวเพิ่ม ไม่มีแรง หมดอารมณ์เพศ หลับไม่สนิท อารมณ์ไม่ปกติ เศร้าสร้อย อาการเหล่านี้หมดไปหลังจากการทดลองยุติลง ปราศจากอาการที่ปรากฏผลของการใช้โกรทฮอร์โมนแบบฉีดอันได้แก่ ปวดหัว บวมตามข้อและส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ปวดตัว และกระวนกระวาย

ผลของการทดลองยังแสดงว่า ไม่มีเลือดออกที่เหงือกเหมือนเคย ไม่มีเสมหะ ไม่ไอ ไม่โกรธง่าย ไม่ท้อแท้ ไม่มีตกขาว

ผลของการทดลองใช้โกรทฮอร์โมนระบบผลิตด้วยการเขย่าด้วยมือต่างๆ เหล่านี้ไม่แสดงจากการใช้โกรทฮอร์โมนแบบฉีดหรือเม็ด

เมื่อเปรียบเทียบผลการทดลอง ระหว่างการใช้โกรทฮอร์โมนแบบผลิตด้วยระบบ Homeopathy กับโกรทฮอร์โมนแบบฉีด ปรากฏว่า

-ผลเหมือนกัน แต่โกรทฮอร์โมนแบบ Homeopathy ไม่มีผลข้างเคียง

-เป็นไปตามกฎแห่งผล (Law of Similar) แบบเดียวกัน แต่โกรทฮอร์โมนแบบ Homeopathy สามารถบำบัดอาการที่ไม่เกิดจากจากฉีดหรือยาเข้มข้น

-โกรทฮอร์โมนแบบ Homeopathy ก่อให้เกิด “อาการส่อแสดงผล” ที่จะเกิดในด้านดี ที่ไม่ปรากฏจากการฉีดโกรทฮอร์โมน

ปรากฏผลที่เป็นเอกลักษณ์ของโกรทฮอร์โมนแบบ Homeopathy นี้แสดงว่าเป็นการดีที่สุดในการใช้โกรทฮอร์โมนโดยการผลิตตามธรรมชาติ แทนการฉีดหรือยาเม็ดหรือแผ่นปะ