ข่าวจากวัด



ข่าวจากวัด 13 กรกฎาคม 2556

อ่านข่าวคราวทางเมืองไทยแล้วน่าเป็นห่วง อาจะเป็นเพราะโลกสมัยใหม่การสื่อสารรวดเร็วติดปลายนิ้ว เพียง "คลิก" ก็เห็นกันไปทั่วโลก ข่าวเกี่ยวกับพระสงฆ์องค์เจ้าที่ดูแล้วน่าอดสู ดูแล้วบั่นทอนจิตใจของพวกเราชาวพุทธเสียเหลือเกิน สิ่งที่พวกเราชาวพุทธทั้งหลายควรระวังมากที่สุดคือ "ช่องว่าง" ดังที่ผู้เขียนเคยได้มีโอกาสได้ฟัง "ท่าน ว.วชิรเมธี" พระนักเทศน์ของเมืองไทยครั้นที่ท่านมาเทศน์ที่วัดไทยลอสแองเจลิส เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ท่านกล่าวมีเนื้อความว่า "การเว้นช่องว่างระหว่างศิษย์กับอาจารย์ เป็นสิ่งจำเป็น" ที่สังคมต้องปั่นป่วนเพราะว่า เกิดจากการวางตัวที่ใกล้ชิดเกินไป การเข้าใจทางพุทธศาสนาแบบผิดๆ การมอบเงินให้กับพระสงฆ์องค์เจ้า การยึดถือในตัวพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งเป็นพิเศษ โดยไม่ได้ใช้เหตุผลในการพิจารณานับถือการปฏิบัติ เป็นเรื่องร้ายแรง อย่างที่เห็นข่าว "เณรคำ" นักต้มตุ๋นในคราบพระสงฆ์ระดับโลกได้ทำอยู่นี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ในการใช้ผ้าเหลืองเป็นเครื่องมือหลอกล่อเงินทองจากผู้เคารพนับถือโดยขาดวิจารณญาณ มีคำพูดคำหนึ่งที่ยังฝังหัวของผู้เขียนอยู่เสมอๆ คือ "ศาสนาไม่มีทางเสื่อม แต่สิ่งที่เสื่อมคือตัวบุคคลต่างหาก" คำถามที่อยากจะฟากให้เอาไปคิดสักข้อ "เรานับถือศาสนาพุทธ เพื่ออะไร" ไม่ต้องตอบใครคิดกันเอาเองในใจละกัน

พุทธศาสนานั้นมีเป้าหมายที่เป็นพื้นฐานมากๆ นั่นคือความสุขที่แท้จริง หากเรานับถือศาสนา เพียงเพราะเพื่อบนบานศาลกล่าว อยากได้โน่นนี่นั่นเป็นการตอบแทนจากสิ่งที่เราเพียรให้ไปที่เรียกว่า "ทาน" นั่นแปลว่าเรากำลังลงทุนอยู่ไม่ใช่หรือ เหมือนคนที่ซื้อหุ้น เพราะหวังเกร็งกำไร พอการลงทุนลงแรงของเราไม่เกิดผลตอบแทนขึ้นมาก็ตีโพยตีพายว่า เราทำดีมากแล้วตั้งมากมายทำไม่จึงเป็นเช่นนี้ นี่แหละคือการลงทุน หากเราเปลี่ยนความคิดของเราเสียใหม่ว่า "การให้ทาน คือความสุข" ขณะที่เราให้ทานอยู่นั้นเราจะได้รับผลตอบแทนโดยทันที ไม่ต้องรอว่าพรุ่งนี้จะถูกหวยรวยเบอร์กับเค้าไหม หรือว่าเราจะได้อะไรตอบแทนจากการกระทำครั้งนี้ การต้องการชื่อเสียง การนับหน้าถือตาจากการทำบุญหวังผล ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ปิดบังจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของศาสนา ผมประทับใจกับข้อความอันหนึ่งของลูกพี่ลูกน้องของผมที่โพสต์ผ่าน Facebook ไว้ว่า "คนทำบุญจริงๆ นะ พอทำปุ๊บเค้าแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องเอาไปโอ้อวดกับคนอื่นๆ หรอก"

อีกเรื่องหนึ่งที่ผู้เขียนนั้นคิดได้ ทำไม่พระสงฆ์องค์เจ้าถึงต้องโกนหัว โกนคิ้ว และปลีกตัวแยกจากสังคม ไม่แตะต้องสีกา เหตุผลนั้นมีข้อเดียวที่คิดออก นั้นคือ ต้องการหลีกหนีจากสิ่งยั่วยุต่างๆ ไม่ใช่หรือ เพราะฉะนั้นการที่เราชาวพุทธที่ต้องการแสวงหาความสุขใจทางศาสนา ก็ควรระลึกไว้เสมอว่า ควรสำรวมในการเข้าหาท่าน แต่งตัวมิดชิด เพื่อให้ท่านไม่เกิดอาบัติทางความคิด เหตุเพราะว่าพระสงฆ์ยังไงๆ ก็เป็นเพียงบุรุษเพศคนหนึ่งเท่านั้นที่ต้องการเสาะแสวงหาความสุขที่แท้จริง หากสีกาทั้งหลายทำตัวชิดใกล้ ใส่เสื้อผ้าวาบหวิว ก็จะทำให้พระสงฆ์เองเกิดอาบัติทางความคิดได้ จะทำให้แทนที่จะได้รับบุญ กลับได้บาปมาเสียนั่น การให้เงินทองกับพระสงฆ์เองก็เช่นกัน มันจะทำให้พระสงฆ์เกิดความโลภเสียมากกว่า ผู้เขียนเคยได้ยินมากับหูเมื่อพระสงฆ์ 2 องค์พูดกันหลังจากไปเทศน์ในงานศพงานหนึ่ง "นี่ซองเงินที่ได้จากการเทศน์ได้เท่าไหร่" เค้าถามกันอย่างนี้ครับผมฟังแล้วรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเหลือเกิน ฉบับนี้ขอฝากไว้แค่นี้ก่อนละกันครับหากมีโอกาสคราวหน้า แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ จะมาพูดเกี่ยวกับทัศนคติของผมที่มีต่อศาสนาพุทธให้ฟังอีก


วัดพระธาตุดอยสุเทพ USA (วัดพุทธิชิโนฮิลส์เดิม) ขอเชิญร่วมสนุกสนานบันเทิงงานฮาวายไนท์ ครั้งที่ 3 ร้องเพลงการกุศล หารายได้สมทบทุนสร้างอุโบสถ ในวันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ณ Arcadia Recreation and Community 375 Campus Dr, Arcadia, CA 91007 มีประธานจัดงาน สมชาย ไทยทัน รองประธาน ตุ๊กตา มาร์ ติดต่อสอบถามได้ที่ 909-606-9502 หรือ watchino18@gmail.com และในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 20-21 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2556 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมปฏิบัติธรรมบวชชีพราหมณ์ ทำบุญตักบาตร เวียนเทียนเป็นพุทธบูชา เนื่องในวันอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา


ผ่านไปแล้ว 1 เดือนเต็มๆ สำหรับการเรียนการสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทย ภาคฤดูร้อน โรงเรียนพุทธศาสนาวัดไทยฯ เหลือเวลาอีก 6 สัปดาห์เท่านั้น การเรียนการสอนก็จะสิ้นสุดลงในวันที่ 11 สิงหาคม 2556 ตอนนี้คุณครูเรียนรู้และควบคุม พฤติกรรมของเด็กๆ ได้หมดแล้ว กระบวนการเรียนการสอนจึงดำเนินไปอย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นวิชาการหรือนันทนาการ เด็กๆ ก็สนุกสนาน พ่อแม่ผู้ปกครองก็พอใจพานักเรียนไปเรียนกันเกิน 100 คนทุกวัน

สัปดาห์หน้าคือ ระหว่างวันที่ 15 - 19 กรกฎาคม 2556 จะเป็นกิจกรรมเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 23 กรกฎาคม 2556 คณะครูอาสาฯ โดย อ.อรชา พันธุบรรยงก์ ครูใหญ่ซัมเมอร์และน้องๆ ได้พร้อมใจกันจัดพิธีหล่อเทียนพรรษาขึ้นในวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2556 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป พร้อมจัดผ้าอาบน้ำฝนสำหรับให้พ่อแม่ผู้ปกครอง ได้บูชาตามศรัทธา ถวายแด่พระสงฆ์ผู้จำพรรษา ณ วัดไทยฯ ของเราด้วย จึงขอเชิญพ่อแม่ผู้ปกครองนำบุตรหลานไปร่วม ในพิธีหล่อเทียนโดยพร้อมเพรียงกัน

นอกเหนือจากจัดกิจกรรมเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษาแล้ว คณะครูยังได้รวมพลังแห่งศรัทธาเป็นเจ้าภาพเทศน์มหาชาติ ซึ่ง วัดไทยฯ จัดแสดงทุกๆ วันอาทิตย์ เวลาบ่าย 2 โมง ตลอดเทศกาลเข้าพรรษา เป็นการพรรณนาพระประวัติพระชาติสุดท้าย ของพระพุทธองค์ ก่อนที่จะได้ประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ แห่งนครกบิลพัสดุ์ แล้วเสด็จออกผนวชแสวงหาโมกขธรรมเมื่อ พระชนมายุ 29 พรรษา จนได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา ทรงประกาศพระศาสนา ณ ดินแดน ตอนเหนือของอินเดียปัจจุบันอย่างมั่นคงและแพร่ขยายไปทั่วชมพูทวีป โดยการเทศน์พรรณนาพระประวัติพระชาติสุดท้าย ของพระพุทธองค์นี้ได้แบ่งออกเป็นตอนๆ เรียกว่า "กัณฑ์" รวม 13 กันฑ์ด้วยกัน

คณะครูอาสาฯ ซึ่งนำโดย อ.อรชา พันธุบรรยงก์ ครูใหญ่ จองเป็นเจ้าภาพกัณฑ์ที่ 2 คือ กัณฑ์หิมพานต์ แสดงในวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2556 และในวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม นี้ เวลา 09.00 น. คณะครูอาสาฯ พร้อมด้วยชุดทรงเครื่องพระเวสสันดร พระนางมัทรี และกัณหาชาลี จะ "เดินสาย" ติดตามพระคุณเจ้าไปรับบิณฑบาต ณ ไทยแลนด์พลาซ่า ไทยทาวน์ เพื่อให้พี่ น้องไทยได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าภาพเทศน์มหาชาติกัณฑ์หิมพานต์ ร่วมบุญใหญ่กับคณะครูอาสาฯ ของเรา ก็ขอเชิญพี่ น้องไทยที่ไปทำบุญตักบาตรในวันและเวลาดังกล่าวได้ร่วมบุญเทศน์มหาชาติโดยพร้อมเพรียงกัน