Inside Dara
"โตโน่"เกิดมาคุ้มค่า สร้างความสุขให้ทุกคน

กําลังร่ายบทคุณ "ฉัตร" ในละคร "บ่วงวันวาร" ทางช่อง 5 จนชาวบ้านติดกันงอม สำหรับพระเอกหนุ่ม "โตโน่ เดอะสตาร์" ภาคิน คำวิลัยศักดิ์

แถมยังมีงานหนัง งานเพลง งานพรีเซ็นเตอร์และอื่นๆ เข้ามือชนิดแทบไม่ได้พักผ่อน

อะไรและทำไมถึงทำให้หนุ่มหน้าตี๋คนนี้ มีเสน่ห์จนแฟนๆ หลงรัก ลองไปฟังเขาพูดคุยดู

ผลงานตอนนี้มีอะไรบ้าง

โตโน่ - "มีละคร "บ่วงวันวาร" เล่นกับ "จุ๋ย- วรัทยา" ในเรื่องผมรับบท "ฉัตร" หนุ่มนักเรียนนอก จบการทหารจากรัสเซีย เรื่องนี้ถือเป็นการพลิกบทบาทของผมและยากมากๆ เพราะเป็นพีเรียด ไม่ว่าจะทั้งการพูดจา การแสดงออกต่างๆ ต้องทำการบ้านอย่างหนัก จนตอนนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว"

"นอกจากนี้ก็มีซิตคอม "ลูกพี่ลูกน้อง" หนัง "เดอะ เวย์" และ "รักโง่โง่" แล้วก็มีงานเพลงอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกในชีวิต กับซิงเกิ้ลเพลง "บ้าคิดถึง" เป็นแนว ป๊อป-ร็อก และก็มีงานเป็นพรีเซ็นเตอร์อื่นๆ อีกครับ"

ในวงการยังมีอะไรที่อยากลองทำอีก

โตโน่ - "ผมชอบงานพิธีกรภาคสนาม แต่ตอนนี้ขอทำในสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ดีก่อน อย่างงานเพลงอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มแรก เป็นครั้งแรกที่ได้ทำเองที่ได้มีส่วนร่วมและเป็นแนวที่ชอบ อยากทำตรงนี้ให้สุดและเดินตามความฝันให้เต็มที่"

รู้สึกยังไงที่วันนี้มีงานเข้ามาเยอะแบบนี้

โตโน่ - "ดีใจมากครับ ดีใจที่ได้รับโอกาสดีๆ สิ่งที่ผู้ใหญ่สอนเราจำ เพราะโอกาสดีๆ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ มันลอยมา มันอยู่ที่ว่าถ้าเราได้โอกาสมา เราสานต่อใหม่ให้ดีไหม ถ้าละครเรื่องแรกที่เล่น เล่นไม่ดี มันก็ไม่ได้การันตรีว่าจะมีละคร เรื่องต่อไป สิ่งที่ผมทำอยู่ไม่ได้คิดว่าจะทำเพื่ออะไร แต่ผมทำปัจจุบันให้เต็มที่ เราไม่รู้ ว่าพรุ่งนี้ จะเกิดอะไรขึ้น ผมอาจจะตายก็ได้ แต่อย่างน้อยๆ ที่ผ่านมาเราได้เต็มที่กับมันแล้ว จะได้ไม่ต้องมานึกเสียใจ ผมดีใจและมีความสุขกับแต่ละวันที่ ได้ทำ เราเหนื่อยเรานอนพัก มันก็หาย แต่เราก็พยายามทำเพื่อคนอื่น ไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเอง"

คิดไหมว่าจะทำงานตรงนี้ไปอีกนานแค่ไหน

โตโน่ - "ไม่คิดเลยครับ เพียงแค่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของเรา เป็นการทำงานที่ฝืนใจแล้ว และผมไม่เต็มที่เหมือนตอนนี้ คือตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรผมเต็มที่หมด ยอมแลกทุกอย่างสำหรับงานงานนึงของผม ผมยอมเจ็บ ยอมเหนื่อย ยอมทุกอย่าง เพราะงานที่ผมทำอยู่มันทำให้อีกหลายๆ คนมีความสุข และเรารู้สึกว่ามันคุ้มกับชีวิตผม แต่ถ้าวันไหนที่ความรู้สึกนี้เปลี่ยนไป ไม่เต็มที่แล้ว ผมก็ไม่อยากจะทำ"

เคยวิเคราะห์หรือเปล่า ว่าอะไรคือสิ่งที่เราครองใจแฟนคลับได้

โตโน่ - "ไม่ครับ ผมไม่คิดว่าจะมีวันนี้ด้วยซ้ำ เวลาทำอะไรลงไปไม่ได้คิดว่าทำเพื่ออะไร ไม่ได้คิดว่าทำเพื่อให้คนมารัก แต่ทำเพราะรักงาน ทำเพื่อให้พวกเขามีความสุขก็ทำไป แค่นั้นเอง เราให้เขาได้เพราะเรารักพวกเขา ไม่ใช่เฉพาะแฟนคลับนะ เราทำเพื่อทุกคน อยากทำความสุขให้พวกเขาเวลาเหนื่อยๆ ถ้าเทียบกับชีวิตผมที่ผ่านมามันคุ้มมากนะที่มีวันนี้และได้ทำงานตรงนี้"

อยากบอกอะไรถึงแฟนคลับที่เป็นกำลังใจให้มาตลอด

โตโน่ - "รักพวกเขานะครับ ใครที่เหนื่อยหรือกำลังท้อและผิดหวังอยู่ ผมเป็นกำลังใจให้ แล้วเรามาเรียนรู้โลกไปพร้อมๆ กัน เรารู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีคนรักและรู้สึกหายเหนื่อยเวลาเจอพวกเขา ไม่ว่าจะไปที่ไหน ชาวบ้านจะน่ารัก เรารู้สึกว่าคุ้มที่เราเหนื่อย คุ้มกับชีวิตที่โตมา เพราะเราได้ทำงานตรงนี้"

ณ วันนี้ชีวิตเปลี่ยนไปมากขนาดไหน

โตโน่ - "เปลี่ยนไปในทางที่ดี แต่ความเป็นส่วนตัวอาจลดน้อยลง จากความคิดที่เปลี่ยนเราก็คิดว่าวันนี้เราจะทำอะไรเพื่อแม่เพื่อน้อง ให้คนที่เรารักมีความสุขได้ ตอนนี้มันกว้างขึ้น ไม่ใช่แค่คนในครอบครัว ทั้งแฟนคลับและไม่ใช่แฟนคลับ คนที่เขาเปิดทีวีมาเจอเรา เราคิดแค่จะทำยังไงให้เขามีความสุข"

"เรื่องชื่อเสียงผมไม่เคยคิด แต่ถามว่าเรื่องความสามารถผมพอใจไหม ผมไม่รู้สึกพอ เราคิดว่าเราต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ ยิ่งเราเก่งมากเท่าไหร่ คนก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้น ผมต้องเรียนรู้อีกหลายอย่างในชีวิต"

"เมื่อก่อนเคยกินหมูย่างไม้ละ 5 บาท ทุกวันนี้เราลองไปกินหมูโกเบหรืออะไรก็ตาม หรือเมื่อก่อนต่อยแต่มวยไทย แต่ตอนนี้เราต้องไปเรียนเทควันโดเพิ่มเติม เพื่อเอามาใช้ในงานของเรา ขี่ม้าไม่เป็นผมก็ต้องไปเรียนขี่ม้า ต้องทำทุกอย่างให้พร้อมสำหรับงานที่เราทำ"

คิดว่าตอนนี้ประสบความสำเร็จหรือยัง

โตโน่ - "ผมเข้ามาในวงการประมาณสองปีกว่าๆ สำหรับผม คิดว่าเราโชคดีที่ระยะเวลาเพียงแค่นี้ ผมได้ทำอะไรมากมายหลายอย่าง และได้รับโอกาสที่ดี มีเพื่อนที่ดีๆ มีผู้ใหญ่ที่ดีๆ ได้รู้จักอะไรใหม่ๆ เยอะแยะ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบแล้วมันก็เป็นสังคมชีวิตอีกด้านที่ผมไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อน และที่ผมไม่รู้สึกเบื่อ เพราะผมไม่ได้ตั้งเป้าไว้ตั้งแต่แรกที่เข้ามาว่าจะดังหรือไม่ดัง จะได้ทำอะไรบ้าง แค่อยากมาทำ เรามองว่าชีวิตเราไม่มีอะไรจะเสีย แค่อยากทำตามความฝัน พอยิ่งทำก็ยิ่งมัน มันเลยไม่มีจุดตรงไหนที่ประสบความสำเร็จ ตรงไหนที่ถึงจุดสูงสุดหรือยัง คือไม่มี เพราะสำหรับผม ผมเข้ามาตรงนี้ การทำงานชื่อเสียงอะไรก็ตาม ไม่ได้วัดจากตรงอื่น แต่มันวัดจากสิ่งที่เรากำลังจะทำอยู่"

"โตโน่" ในวันนี้เป็นแบบไหน

โตโน่ - "เป็นผู้ชายธรรมดาบ้านๆ เลยครับ ไม่ได้วิเศษอะไรไปกว่าใคร ใช้ชีวิตปกติ"

เวลาเหนื่อยหรือท้อ จะนึกถึงอะไร

โตโน่ - "นึกถึงเมื่อก่อนครับ เมื่อก่อนเราลำบากกว่านี้ ต้องมาคิดว่าวันนี้เราจะหาค่าน้ำค่าไฟพอไหม ทุกวันนี้เราไม่ต้องมาคอยคิดมาก เรารู้คุณค่าของโอกาส รู้คุณค่าของรอยยิ้ม รู้คุณค่าของน้ำตา ฉะนั้นจะทำยังไงให้คนที่เรารักไม่ต้องเสียใจ จะทำยังไงให้คนที่เรารักยิ้มได้และมีความสุข จะทำยังไงให้คนที่มองเราเป็นไอดอล มองเราเป็นแบบอย่างที่ดี ฉะนั้นต้องทำให้เขาไม่ผิดหวังในตัวเราครับ"

มองอนาคตในวงการไว้อย่างไร

โตโน่ - "ตอนนี้ไม่ได้คิดครับ ผมคิดเพียงแค่อยากให้ทุกอย่างกับงานตรงนี้ แม้กระทั่งชีวิตผม อยากทุ่มเทกับงานนี้ เพราะผมรู้ว่าถ้าผมตายไป สิ่งที่อัดไว้ไม่ว่าจะเป็นเทปมันก็ยังอยู่ มันคุ้มที่เกิดมาแล้ว ไม่ต้องนึกถึงแต่ความสุขตัวเอง ไม่ต้องนึกว่าจะดังหรือรวย คิดแค่ว่าระหว่างที่เรามีชีวิตอยู่ เราทำให้คนมีความสุข หัวเราะกับสิ่งที่เราทำหรือยัง"

"ผมรู้สึกว่าตรงนี้ชีวิตผมคุ้มค่ากว่าเมื่อก่อนที่เราไปหาเรื่องตีรันฟันแทงครับ"


เพื่อ"แม่และน้อง"

เกิดและเติบโตที่จ.ขอนแก่น นักร้องหนุ่ม "โตโน่ เดอะสตาร์" เลยมีความปรารถนาจะลงหลักปักฐานอยู่ต่างจังหวัดมากกว่าในเมืองหลวง

โดยโตโน่กล่าวว่า "ความฝันของผมคือการมีชีวิตที่เรียบง่าย อยู่กับผู้หญิงที่ผมรักและรักผม มีลูกน่ารักๆ (ยิ้ม) อยู่โดยพึ่งตัวเองได้แค่นั้นเอง เลยคิดว่าสักวันคงจะกลับไปต่างจังหวัด เพราะรู้สึกว่าเราไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่นาน"

และล่าสุด เขาก็ประเดิมการตั้งรกรากที่ต่างจังหวัด ด้วยการซื้อบ้านให้แม่ในราคา 10 ล้านบาทที่จ.ขอนแก่น

ถามว่าการที่สามารถซื้อบ้านในราคาขนาดนี้ มันเป็นของขวัญในครอบครัวที่สูงที่สุดเลยไหม โตโน่ตอบ "ผมไม่ได้คิดเลยครับ ผมคิดเพียงแค่ผมจะทำยังไงให้คนที่ผมรักมีความสุขในทุกๆ วันที่ผมยังมีลมหายใจอยู่ เราจะดูแลเขายังไงให้เขาสบาย ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ น้องสาว หรือผู้มีพระคุณ"

ทำขนาดนี้ คุณแม่ภูมิใจในตัวเรายังไงบ้าง นักร้องหนุ่มกล่าวว่า "ผมไม่เคยถาม แต่คุณแม่จะบอกเองเวลาที่คิดถึงหรือโทร.มาว่าแม่ดีใจนะที่ลูกแม่เป็นคนดี ทั้งๆ ที่แม่ชอบบอกว่าแม่ไม่ได้สอนอะไรผมเท่าไหร่ เขาคงรู้สึกว่าผมคงไม่ได้มีเหมือนคนอื่นเขา แต่เราเอาสมองส่วนไหนมาคิดได้ที่จะทำแบบนี้"

"ซึ่งจริงๆ ถ้าแม่อ่านก็อยากบอกแม่ว่า "บางครั้งไม่จำเป็นต้องพูดบ่อยหรือบังคับขู่เข็ญอะไร แต่แม่ทำให้ผมเห็นว่าตอนที่ป๊ากับแม่อยู่ ด้วยกัน ป๊ากับแม่รักกันยังไง ป๊าทำเพื่อแม่ยังไง ทำให้แม่มีความสุข ยังไง จนวันนี้ผมเกิดมา แต่พอไม่มีป๊า มันเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในหัว ฝังอยู่ในใจผมว่าเราจะทำยังไงให้แม่กลับมายิ้มและมีความสุขอีกครั้ง รวมถึงน้องสาวของผมด้วยครับ""

ฟังแล้วก็ปลื้มใจแทน


ชื่อเล่น : โตโน่
ชื่อ นามสกุล : ภาคิน คำวิลัยศักดิ์
วัน/เดือน/ปีเกิด : 29 ส.ค.2529
บิดา/มารดา : หมู-สมชัย / น้อย- สุดลมโชย
พี่น้อง : มีน้องสาว 1 คน "ต้องตา-แสงรวี"
การศึกษา : มัธยมศึกษา โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน จ.ขอนแก่น, ปริญญาตรี ธุรกิจการบิน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ศูนย์หัวหิน

หวงชีวิตโสดแต่ก็ขาดความรักไม่ได้

เข้าวงการมา 2 ปีกว่า นอกเหนือจากงานที่มีเข้ามือไม่ขาดสาย ข่าวคราวเรื่องความรักกับสาวๆ ก็มะรุมมะตุ้มรุมล้อมไม่ขาดระยะเหมือนกัน สำหรับ ตี๋หล่อ "โตโน่-ภาคิน"

ไล่เรียงกันมาตั้งแต่นักร้องสาวตระกูลเดอะสตาร์ด้วยกันอย่าง "แกรนด์"พรรณวรท ด้วยเศียรเกล้า นางเอกสาวค่ายเอ็กแซ็กท์ "วิว"วรรณรท สนธิไชย นางเอกคมเข้ม "จุ๋ย"วรัทยา นิลคูหา และหนู "มัดหมี่"พิมพ์ดาว พานิชสมัย

โดยล่าสุดหนุ่มตี๋โตโน่ให้สัมภาษณ์ว่าเพิ่งเลิกคุยกับคนในวงการ เกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้าตัวกล่าวว่า "จริงๆ ผมมีคนคุยด้วยเรื่อยๆ นะ ไม่เคยปิดตัวเอง ใครเข้ามาก็เป็นเพื่อน คุยกันได้ แต่ผมมีความรู้สึกว่าถ้าเราบอกว่าเรามีคนคุย แล้วมันมีการไปเก็งว่าเป็นคนนั้นคนนี้ มันกลายเป็นว่าคนนั้นคนนี้เป็นแฟนผม ซึ่งมันไม่ใช่ แฟนก็คือแฟน"

"ถามว่าตอนนี้มีคนเข้ามาคุยไหม มีคนเข้ามา และไม่ใช่คนเดียว ผมรู้สึกว่าเราไม่ได้จะเอาเขามาเป็นแฟนหรือเป็นเมียผม แต่เพียงแค่ว่าเรามีโอกาสรู้จักกัน แต่ไม่ใช่ฐานะแฟน เลยต้องการพูดให้ชัดจะได้ไม่คลุมเครือ และผมก็ไม่ชอบอะไรที่กำกวม เลยพูดได้เลยว่าตอนนี้ยังไม่มีแฟน"

รู้สึกยังไงบ้าง ที่มีข่าวกับสาวๆ อยู่เรื่อยๆ เจ้าตัวหัวเราะ "จริงๆ ล่าสุดก็เป็นมัดหมี่ อีกแล้ว ซึ่งมันตลกมาก เวลาที่เราร่วมงานกับใครมักเป็นข่าว ซึ่งภาพของเราไม่มีปัญหาเพราะเราเป็นผู้ชาย แต่คนที่มาเกี่ยวข้องเขาเป็นผู้หญิง เวลามีข่าวออกมาแบบนี้มันดูไม่ดี ผมเลยเป็นห่วงพวกเขามากกว่า"

เรื่องความรักคุณแม่มีขอไหมว่าอย่าเพิ่งมี "จริงๆ เราก็มีคุยกันนะ คุณแม่ไม่อยากให้มี เขาเป็นห่วงเรื่องงานว่าเดี๋ยวจะเสียสมาธิไหม เดี๋ยวจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรตติ้งหรือเปล่า ผมก็บอกเขาตรงๆ ว่าผมเป็นมนุษย์ ยิ่งเป็นผู้ชายด้วย ผมโกหกก็คงโกหกได้ไม่เต็มปาก และคงจะโกหกได้ไม่นาน ดังนั้นถ้ามันมีก็คงต้องมี แต่ถ้าผมไม่ได้รักหรือมั่นใจจริงๆ ถ้าจะคุยกันทางไลน์หรือวอตส์แอพ มันพูดคำว่ารักไม่ได้ รักจริงๆ เราค่อยพูด สำหรับผมแล้วมันมีค่า"

อยากแต่งงานสักอายุเท่าไหร่ "ผมคิดว่าไม่แน่อายุ 28-30 ปี ต้องมองหาแล้วนะ (หัวเราะ) ผมเชื่อว่ามันจะเจอก็ต้องเจอ แต่ผมขอดูก่อน เพราะเราไม่อยากแก่มากตอนมีลูก เรามีความเชื่อในเรื่องนี้อยู่นะ ถ้าไม่มีเลยชีวิตคงแห้งเหี่ยว ความรักมีไว้มันก็ชุ่มชื่นหัวใจดี"

พร้อมสร้างครอบครัวเมื่อไหร่ "ผมเองก็สร้างอยู่เสมอนะ สร้างตลอด พยายามวางรากฐานที่ดี แต่ตอนนี้ขอดูแลครอบครัวตัวเองก่อน คือแม่ น้อง และญาติๆ อนาคตถ้าจะมาเมื่อไหร่ก็มา สำหรับผมมันอาจจะยากด้วย เพราะเราอยู่แบบบ้านๆ เขาอาจจะทนเราไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะความฝันของผมคือการอยู่บ้านนอก ปลูกผักอยู่บ้าน ใช้ชีวิตพอเพียงให้มีความสุขแค่นั้นเอง"

ถ้าผู้หญิงคนไหนที่เข้ามาแล้วถูกใจ มีโอกาสแต่ง งานเลยไหม "ผมหวงความโสด (ยิ้ม) หวงอิสระ แต่ส่วนตัวอยากมีคนที่ใช่ เพราะคิดว่าสักวันต้องมี แต่ตอนนี้กำลังมัน ยังอยากใช้ชีวิตกับเพื่อนๆ ผู้ชาย แบบไม่ต้องมาคอยห่วงใคร เพราะเรายังดูแลใครไม่ได้ ยังไม่พร้อม"

นักร้องหนุ่มยังเผยถึงสาวในอุดมคติว่า ไม่จำเป็นต้องรวยหรือจน ไม่ต้องมีชาติตระกูลสูงศักดิ์ ขอแค่มองโลกในแง่ดีและจริงใจกันก็พอ

ส่วนนิยามความรักของตัวเองนั้น หนุ่มโตโน่กล่าวว่า "ความรักเป็นสิ่งดี สวยงาม เราขาดมันไม่ได้ ใครๆ ก็อยากมีคนที่รักอยู่ข้างกายและสามารถตายแทนได้ ซึ่งเขารักเรา แค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว"