Inside Dara
แม่ 'มาร์กี้' อดีตนางแบบ-นักแสดง หวนคืนจอเพื่อใคร??

เอ่ยชื่อ “มาร์กี้-ราศรี บาเล็นซิเอก้า” เชื่อว่าแฟนละครช่อง 3 รู้จักเป็นอย่างดี และหากเอ่ยชื่อ “อรศรี บาเล็นซิเอก้า” หลายคนอาจจะร้องอ๋อ...ในขณะที่อีกหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นามสกุลคุ้น ๆ ต้องเป็นอะไรกับมาร์กี้แน่ ๆ เธอมิใช่ใครที่ไหน “เหน่ง-อรศรี” เป็นคุณแม่แท้ ๆ ของ “มาร์กี้” และ “มารีน่า” (น้องสาวมาร์กี้) โดยคุณพ่อชื่อ นาย

แดเนียล บาเล็นซิเอก้า (เสียชีวิตแล้ว) ในเวลาต่อมาคุณแม่ของมาร์กี้ จึงได้แต่งงานใหม่กับ “นายไมเคิล เจ ฮอนโนลด์” ตำแหน่งผู้ช่วยทูตฝ่ายวัฒนธรรม

ด้วยความที่ “มาร์กี้” เป็นนางเอกวัยใส ของวิกช่อง 3 และน้องสาว “มารีน่า” ก็กำลังเดินตามรอยพี่สาวเข้าสู่วงการบันเทิง ในฐานะนางเอกอีกคนหนึ่ง ทำให้คุณแม่ “เหน่ง-อรศรี” ที่บางคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า เป็นอดีตนางแบบ และมิสยูนิเวอร์ซิตี้ ของค่ายยูแอนด์ไอ ไม่เพียงแค่นั้นยังเป็นนักแสดงในจอทีวีอีกด้วย จนช่วงหนึ่งเธอตัดสินใจทิ้งงานแสดง ด้วยเหตุผลอะไร...และอย่างไร ที่แน่ ๆ วันนี้เธอกลับมาคืนจออย่างสง่างามอีกครั้ง

วันนี้ “คนดังหลังฉาก” ได้มานั่งคุยกับ “เหน่ง-อรศรี” วัย 49 ปี ตามประสาคนกันเอง ณ ร้านหอแว่น เซ็นทรัลเวิลด์ ถึงบทบาทของแม่นางเอก “มาร์กี้” และ “มารีน่า” รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ที่เธออยากจะเล่า บทบาทของคุณแม่ในชีวิตจริง เป็นอย่างไรบ้างคะ “ปกติค่ะ...ไม่ใช่ว่าพอลูกเป็นดาราจะมาสอนอย่างนู้นอย่างนี้...ไม่ใช่ เราสอนเขามาตั้งแต่เด็ก

ทำเหมือนเดิมทุกอย่าง จากสมัยเด็กเราก็มีกฎเกณฑ์ให้ลูกเยอะ โตขึ้นเวลาที่เขาทำงานทำการแล้ว เขาดูแลตัวเองหมดเลย เราก็คอยดูแลแบบกลับถึงบ้านหรือยังลูก วันนี้อาหารเช้าจะกินอะไรลูก มีปัญหาอะไรบ้างมั้ยลูก ตอนนี้เป็นสิ่งที่ดูแลกันแบบนี้ พูดตรง ๆ เราเป็นที่ปรึกษาให้เขามากกว่า”

อย่างตอนที่ “มาร์กี้” เป็นข่าวกับพระเอก “บอย-ปกรณ์” ล่ะ“เรื่องข่าวไม่ใช่แม่สอนลูก ลูกนั่นแหละสอนแม่ว่า ไม่ต้องไปคิดมากเรื่องข่าว แม่ต้องรู้ว่าลูกแม่เป็นยังไง แล้วเราก็มั่นใจในตัวลูกเรา ข่าวที่ออกมาทุกอย่างส่วนใหญ่เป็นข่าวดีของมาร์กี้ ข่าวบางเรื่องคนอื่นเห็นว่าเป็นเรื่องทุกข์ แต่บ้านเราไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องทุกข์ เราคิดว่าทุกคนต้องมีข่าวในแง่ลบแล้วก็ในแง่บวก ถ้าลูกเรามีข่าวในแง่บวกเยอะมากกว่าแง่ลบ เราแฮปปี้แล้ว”

กังวลมั้ย...เพราะเรามีลูกสาวสวย แล้วก็มีชื่อเสียงด้วย “เรื่องบางเรื่องเราต้องคอยบอกเขาใส่หูเขาตลอดเวลา อย่างเช่นตอนนี้ทำงานเสร็จ มาร์กี้ก็อาจจะไปนั่งไปเที่ยวกับเพื่อน อาจจะไปอยู่แถวซอยทองหล่อ ไปอยู่นู้นอยู่นี่เพราะเป็นวัยของเขา ที่เขาจะต้องออกไปแบบนี้แล้ว ถ้าเขาไม่ออกไปเลยเรากังวลนะ เอ๊ะ...ลูกเราผิดปกติหรือเปล่า ไม่มีเพื่อนหรือเปล่า แต่ตอนนี้ลูกเรามีเพื่อนเยอะ และน่ารักทุกคน เราก็มั่นใจแล้วว่าลูกเราดูแลตัวเองได้ บางครั้งเราบอกลูกว่า เพื่อนม่าม้าคนนี้ดีมากนะลูก ลูกก็จะถามว่าแล้วคนนี้เขาดียังไง ตอนหลังลูกก็จะรู้ว่าการที่เราจะเชื่อใจคนหรือไม่เชื่อใจคน ต้องคบไปนาน ๆ แล้วก็อ่านคนให้ออก มาร์กี้กับมารีน่าอ่านคนออกนะ แต่พูดหรือไม่พูดอีกเรื่องนึง”

คงภูมิใจสุด ๆ ที่ลูกสาวเป็นนางเอกทั้งคู่ “ไม่ได้ภูมิใจในเรื่องนั้น แต่ภูมิใจในเรื่องที่ว่าเขาทำงานได้ แล้วก็ดูแลชีวิตตัวเองได้ แล้วทั้งสองก็เป็นคนที่เข้าใจชีวิต คือไม่เป็นอะไรที่สุขมาก แล้วก็ไม่เป็นอะไรที่ทุกข์มาก เราจะรู้สึกว่าลูกเรากลาง ๆ ในการที่เขาได้งานมาอะไรมา เขาไม่แสดงออกว่าเขาดีใจอย่างมาก หรือว่าตอนนี้กับตอนนั้น (ตอนที่มาร์กี้เข้าวงการฯ ใหม่ ๆ) เขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าตอนนี้เขาดังมากหรืออะไร เขามีความรู้สึกว่าเขาไปของเขาเรื่อย ๆ รู้สึกว่าเขาคอนโทรลชีวิตตัวเองได้”

วกกลับมาคุยเรื่อง “เหน่ง” บ้างในฐานะนักแสดง ได้ข่าวว่า มีหนังและละครติดต่อมาหลายเรื่อง “ใช่ค่ะ มีละคร 2-3 เรื่อง แล้วก็หนังใหญ่เรื่อง มาย เลิฟ จะเปิดกล้องเร็ว ๆ นี้ จริง ๆ แล้วเหน่งเป็นคนที่ชอบการแสดงมากที่สุด แล้วก็งานเดินแบบด้วย แต่ชีวิตก่อนหน้านี้ต้องหันเหมาทำธุรกิจ เพราะมันต้องเลี้ยงลูกเท่านั้นเอง ถ้าเรายังอยู่กับตรงนั้นเราไม่มีเงินเลี้ยงลูก เราไม่มีเงินส่งให้ลูกเรียนสูง ๆ ได้ เราก็เลยต้องหันออกไปทำธุรกิจก่อน พอมันอยู่ตัวก็กลับเข้ามารับการแสดงอีก กลับมาเล่นละครมันเป็นงานที่ชอบ เวลาทำมีความสุขมากเพราะได้เจอเพื่อนในวงการฯ ที่เราเคยเจอกันในสมัยก่อน อีกอย่างหนึ่งก็คือเหน่งต้องการคุยกับลูกเหน่งรู้เรื่อง เราทำงานเหมือนกันเราจะคุยกันรู้เรื่องมากกว่า ถ้าหากว่าเหน่งไม่กลับมารับงานแสดงอีก เหน่งก็จะไม่รู้เลยว่าในวงการฯเขาไปถึงไหนแล้ว ในขณะที่เหน่งเข้าไปเหน่งก็ยังรู้จักเพื่อนของลูก คุยกับเพื่อนของลูกได้ในเรื่องของวงการฯ คุยกับทุกคนได้ที่เขาอยู่ในแวดวงของลูกเรา”

มีผู้จัดติดต่อให้เล่นเป็นแม่ลูกกันบ้างมั้ย “ยังค่ะ มีแต่เล่นเป็นเจ้านายกับลูกน้อง ในเรื่องเงาพราย ตอนเล่นรู้สึกเขินเหมือนกัน เชื่อมั้ยว่า...เราแม่ลูกเนี่ย เราไม่เขินคนอื่นเลยนะ แต่อย่าให้ลูกเห็นเวลาเราเล่นนะ เราอ๊าย...อาย ลูกก็ไม่อายใครนะ อายแม่คนเดียว สมัยก่อนไปส่งลูกตามห้างเวลาลูกไปโชว์ตัว แล้วลูกบอกว่าลูกจะต้องร้องเพลง เหน่งจะต้องไปเดินที่อื่นเลย เพราะถ้าอยู่ลูกทำไม่ได้เพราะลูกจะเขินเรา ก็เลยต้องค่อย ๆ แอบดูลูก ตอนลูกเล็ก ๆ มาร์กี้เป็นนักกีฬา แข่งบาสเกตบอล เขาบอกม่าม้าไม่ต้องไปเลย ม่ายงั้น...หนูเล่นไม่ออก ก็ต้องค่อย ๆ เซาะ ๆ แต่แม่นั่งหน้าเลย” (หัวเราะปากกว้าง...ประสาคนเปิดเผย)

นอกจากงานแสดง ช่วงนี้ทำงานเกี่ยวกับการกุศลด้วย “ใช่ค่ะ เราไม่สามารถช่วยเหลือด้านเงินทองได้ เราก็เอาแรงกายเราเข้าไปช่วย ล่าสุดทำโครงการบุญตา ร่วมกับคุณภาคี ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการบริษัทหอแว่น กรุ๊ป ขอรับบริจาคดวงตากับแว่นกันแดด เพราะตอนนี้มีคนไข้ที่ไปทำตา เสร็จแล้วกลับมาเขาไม่มีแว่นกันแดดใส่ ซึ่งมันจะไม่ได้ประโยชน์เลย เขาต้องการในส่วนนี้ แล้วก็ผู้คนที่รอรับบริจาคดวงตาคือตาเขาบอดแล้ว แต่ถ้าสมมุติเขาได้ดวงตาไป เขาจะได้กระจกตาไปเพื่อที่จะไปเปลี่ยนตาให้เขา และแว่นกันแดดสำคัญ เราก็รณรงค์ให้คนใส่แว่นกันแดด เพื่อที่จะรักษาดวงตาก่อนที่มันจะบอด เพราะตอนนี้คนตาบอดเยอะมาก ทราบข้อมูลของทางศูนย์ดวงตามาแล้วว่า มันเป็นอะไรที่น่ากลัว ต้องดูแลดวงตาไว้ ดูแลให้อยู่ได้นานที่สุด หากท่านใดประสงค์จะบริจาคแว่นได้เลยนะคะ ที่ร้านหอแว่นทุกสาขา แล้วก็บริจาคดวงตาได้ที่หอแว่นด้วย ก่อนนี้เราจะได้ยินว่าต้องไปบริจาคดวงตาที่สภากาชาดไทย ตอนนี้เดินเข้าไปที่ร้านหอแว่นได้เลยค่ะ”

ลูกสาว “มาร์กี้” และ “มารีน่า” คงภูมิใจในตัวคุณแม่ “เหน่ง-อรศรี บาเล็นซิเอก้า” อย่างมากทีเดียว เพราะเธอคือสุดยอดคุณแม่ ที่เก่งไปซะทุกเรื่อง พูดเร็ว...คิดเร็ว...ทำเร็ว เล่นเอาคนอื่นตามแทบไม่ทัน!!!.