Inside Dara
3ปีชีวิตที่เปลี่ยนไปกับโลกใหม่ของ'ณเดชน์ คูกิมิยะ'

เรียกว่าเป็นนักแสดงหนุ่มไฟแรงที่ฮอตที่สุดในเวลานี้ สำหรับพระเอกชื่อดัง ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่ล่าสุดกำลังมีผลงานละครใกล้ออนแอร์คู่กันอีกครั้งกับนางเอกคู่ขวัญ "ญาญ่า" อุรัสยา เสปอร์บันด์ เรื่อง "ธรณีนี่นี้ใครครอง" วันนี้โอกาสดี ที่รายการ "ซุปตาร์ในดวงใจ" ได้คิวมาร่วมพูดคุยชนิดเจาะลึก

เรื่องงานล่าสุดของ ณเดชน์ **
ละครเรื่องธรณีนี่นี้ใครครองตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ละครเรื่องนี้ปิดกล้องไปแล้ว ในเรื่องผมรับบทเป็น อาทิจ หนุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ เป็นชาวไร่ ชาวสวน ที่มีความใผ่ฝันอยากเป็นเกษตรกรที่ดีของเมืองไทยตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง เจริญรอยตามองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องต้องเปลี่ยนโลเกชั่นในการถ่ายทำเยอะมาก เพราะสวนคุณย่า เราไม่ได้ไปถ่ายทำที่เดียว แต่เราต้องถ่ายทำในหลายๆ ที่ทั่วประเทศไทย มีภูทัพเบิก จ.เพชรบูรณ์ ไปอ่างขาง จ.เชียงใหม่ นอกจากนี้เรายังไปที่จ.เชียงราย ไปดูดอกซากุระเมืองไทย รับประกันว่าวิวสวยมาก ผมชอบทุกที่ที่ไป เพราะแต่ละที่ ผมยังไม่เคยไปที่ไหนมาก่อน อยากบอกว่าเมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่คนไทยน่าไปเยอะมาก เรื่องนี้เหมือนเป็นการเปิดหูเปิดตาให้กับคนไทยได้รู้ด้วยว่ามีที่ไหนน่าเที่ยว

ละครเรื่องนี้เป็นละครแนวไหน

มีผู้ใหญ่พูดกันว่าละครเรื่องนี้ไม่ใช่ละครน้ำเน่า แต่เป็นละครน้ำดี ในเมืองไทยหาละครแนวนี้ได้ค่อนข้างยาก เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ละครที่จะมาตบตีชิงรักหักสวาท หรือมีชีวิตรันทนน้ำตาท่วมจอ แต่ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่มีโอกาสได้เข้าไปในสวนคุณย่า มีโอกาสทำในสิ่งที่ตนเองฝัน มีโอกาสปลูกข้าว ซึ่งเนื้อเรื่องสามารถเกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน แต่ละฉากก็จะมีคติสอนใจ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ และสะท้อนอะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในเมืองไทย

เรื่องนี้เป็นละครรีเมกที่ประสบความสำเร็จมาก กดดันไหมที่มีคนติดตามและอยากดูมากขนาดนี้

ยอมรับว่ากดดันมาก เพราะเรากลัวกับการคาดหวังของคนดู ที่ผ่านมาก็มีปรึกษากับป้าแจ๋ว (ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์) พี่แหม่ม (ธิติมา สังขพิทักษ์) ซึ่งพวกท่านก็บอกผมว่าอย่าไปคิดมาก ให้ทำในสิ่งที่เราถูกมอบหมายให้ดีที่สุด ส่วนเสน่ห์ของเรื่อง นอกจากฉากสวยๆ แล้ว ยังมีนักแสดงร่วมอีกหลายท่าน ที่จะมาสร้างความสนุกสนานชนิดจัดเต็มกันเลยทีเดียว มีหลายฉากที่ผมประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นฉากที่คุณย่าพูดถึงพระราชกรณียกิจและพระราชดำรัสของในหลวงของเรา ที่พูดเกี่ยวกับเกษตรกรไทย

เรื่องนี้ต้องร้องเพลง "อยากให้รักเติบโตในใจ" ซึ่งเป็นเพลงประกอบละครเองด้วย รู้สึกอย่างไรบ้าง

เป็นการร้องเพลงครั้งแรกของผม ความหมายของเพลงคือปลูกความรักและคอยดูแลให้มันเติบโตในใจ ซึ่งแต่งโดยพี่หนึ่ง (ณรงค์วิทย์ เตชะธนะวัฒน์) ยอมรับว่าการร้องเพลงยากมาก ถ้าให้คะแนนผมให้ 5 เต็ม 10

กับนางเอก ญาญ่า ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งเป็นอย่างไรบ้าง

ก็สบาย (ยิ้ม) เพราะเราเล่นด้วยกันมาหลายเรื่องแล้ว พอจะรู้จังหวะกันและญาญ่าก็เล่นเก่งมาก ในเรื่องเขาเล่นเป็นดารุณี เป็นเด็กขี้อิจฉา ขี้แกล้ง พอเห็นคุณย่าโอ๋เรา ดารุณีก็จะอิจฉาและคอยหาเรื่องให้เราเดือดร้อนตลอด ในเรื่องญาญ่าจะแกล้งผมเยอะมาก (ยิ้ม) ได้ร่วมงานกับป้าแจ๋วก็สบายเหมือนกัน เพราะเคยทำงานร่วมกันมาแล้ว เหมือนได้กลับมาเจอครอบครัวเดิมๆ มีอะไรก็ถามป้าแจ๋ว สไตล์การทำงานของป้าแจ๋วก็ยังเป็นแบบเดิมๆ คือต้องการความสดใหม่ หากเปรียบเทียบเรื่องนี้กับเรื่องอื่นๆ ที่ผมเคยแสดง เรียกได้ว่าหน้ามือเป็นหลังมือกันเลยทีเดียว ไม่ใช่เรื่องก่อนๆ ไม่ดีนะ แต่ไฟขา (ในเรื่องดวงใจอัคนี) จะเป็นอะไรที่เจ้าอารมณ์ ส่วนอาทิจจะเป็นคนที่มีอะไรก็เก็บไว้ในใจ เป็นคนมานะกับการทำงาน จริงจังกับชีวิต เพราะเป็นลูกคนโตภาระเยอะ

กว่าจะมีวันนี้ของ ณเดชน์
อะไรที่ทำให้ณเดชน์มาถึงวันนี้ได้

ครอบครัวที่คอยให้กำลังใจ ทุกวันนี้คุณแม่ก็ยังสอนผมอยู่ ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต เรื่องการทำงาน เรื่องของการเก็บเงิน เรียกว่ามีมากก็ให้ใช้น้อย ถ้ามีน้อยก็ต้องใช้น้อยกว่าใช้เฉพาะที่จำเป็น ต้องมีความอดทน ขยันและรู้จักตัวเอง การที่ผมได้มาทำงานวงการนี้ ทำให้ผมรู้จักตัวเองในระดับหนึ่ง รู้จักความรับผิดชอบ รู้จักการวางตัว ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ทำให้เรารู้ว่าสิ่งไหนเล่นได้ สิ่งไหนคือสิ่งที่เราต้องจริงจัง อีกอย่างหนึ่งที่ลืมไม่ได้คือเหล่าแฟนคลับ ผู้ใหญ่ที่ช่องและพี่ๆ สื่อมวลชนที่ให้โอกาสให้เราก้าวมาจุดนี้

หลายคนบอกว่าการอยู่วงการไม่ยากเท่ากับอยู่อย่างไรให้นานและดี

ยอมรับว่าวงการนี้เข้ามาได้ แต่การจะยืนสองขาเต็มๆ ด้วยลำแข้งตัวเองค่อนข้างยาก บางครั้งเราต้องอาศัยขาคนอื่นยืน การที่เราก้าวเข้ามาที่นี่ได้ เราไม่ได้ก้าวเข้ามาเพราะตัวเราคนเดียว อย่างตัวผมก็มาจากพี่เอ (ศุภชัย ศรีวิจิตร) เป็นคนดึงเข้ามา มีโอกาสเล่นละคร เพราะทางช่อง ผมไม่ได้เจริญเติบโตด้วยตัวเองอยู่แล้ว เราต้องรู้จักกตัญญูรู้คุณ รู้จักตอบแทน ตอนนี้ก็ตอบแทนผู้มีพระคุณโดยการทำงานให้ออกมาดีที่สุด อย่าคิดว่าเราเติบโตด้วยตัวเอง

จากวันแรกที่เข้าวงการจนวันนี้ชีวิตเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากไหม

เยอะมาก ทั้งในเรื่องการทำงานที่ค่อนข้างมากกว่าเดิม งานที่ติดต่อก็มากขึ้น ยากขึ้น และในทางกลับกัน กว่าเราจะมาตรงนี้ ก็ต้องแลกกับหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเวลาและความสุข ทุกวันนี้ผมยังเดินห้างได้นะ แต่จะเดินห้างใกล้ๆ บ้าน แฟนๆ ก็มีมาขอถ่ายภาพบ้างเป็นปกติ เพราะนานๆ ได้เจอเรา ไม่ได้มากมายอะไร

เป็นคนสาธารณะทำให้รู้สึกว่าชีวิตส่วนตัวน้อยไปไหม

ผมก็ยังคงเป็นคนเดิม แต่เวลาออกข้างนอกก็ต้องแต่งตัวตัวดูกาละเทศะนิดหนึ่ง ส่วนชีวิตก็เหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป ยอมรับว่าการพักผ่อนของเราน้อยกว่าวัยรุ่นทั่วไปแน่นอน เพราะเราต้องเรียนด้วย ช่วงนี้ก็ถือคติน้ำขึ้นให้รีบตักคว้าโอกาสที่มาก่อนดีกว่า ถามว่าเสียดายเวลาบ้างไหมก็มีเหมือนกันเวลาเพื่อนๆ ชวนไปเที่ยว เพื่อนส่วนใหญ่ของผมจะเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนที่ขอนแก่น เวลาเรากลับบ้านก็มีโทรชวนไปเจอกันบ้างเหมือนกัน

ชีวิตในวันนี้ของ "ณเดชน์ "
งานเยอะ 7 วันทำอะไรบ้าง

นอกจากคิวละคร 3-4 วันแล้ว วันที่เหลือคือเรียนกับงานอีเวนท์กับงานใช้หนี้โฆษณา (หัวเราะ) จะเห็นได้ว่าผมไม่ค่อยรับงานอีเวนท์ส่วนอื่นๆ สักเท่าไหร่ เพราะเวลาเรียนบางครั้งก็ไปชนกับเวลาเข้ากองละคร ทำให้คะแนนในการเข้าห้องเรียนอาจน้อยลง ผมไม่ค่อยกดดันเรื่องการเรียน เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3 ก็น่าจะพอแล้ว ที่ผ่านมาก็ใช้วิธีปรึกษาอาจารย์ ผมว่าการเข้าไปคุยกับอาจารย์มันเป็นการแก้ปัญหาที่ดีทางหนึ่ง

กับทางบ้าน คุณพ่อ-คุณแม่ภูมิใจเราอย่างไรบ้าง

ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ลูกได้ดีแล้วจะรู้สึกไม่ดีหรอก เราทำให้ท่านภูมิใจก็ถือเป็นความสุขของเรา ท่านภูมิใจที่เราไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้จะมีรายได้เป็นของตัวเอง แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังให้คุณแม่เป็นคนจัดสรรทุกอย่างเหมือนเดิม แล้วเห็นคุณพ่อคุณแม่ของใครก็ตามที่ป่วยก็จะทำให้เรานึกย้อนถึงครอบครัวของตัวเอง ว่าเราควรให้เวลากับพวกท่าน และทำให้พวกท่านสบายใจ

เมื่อชื่อเสียงมักมาพร้อมกับข่าว ทำอย่างไรเมื่อเจอปัญหา

ลืมๆ มันไปบ้าง จริงๆ เป็นคนคิดมากแต่ลืมง่าย (หัวเราะ) อาจเป็นเพราะเราชอบหาอะไรแปลกใหม่ทำตลอดเวลา เครียดนักก็ไปปั่นจักรยาน เล่นฟิตเนสหรือเตะบอลกับเพื่อนๆ หรือไม่ก็ไปเดินห้าง ผมเพิ่งอายุ 20 กว่าๆ ยังเป็นเด็กบางทีเจอปัญหาเยอะๆ เราก็รู้สึกกดดันเหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่าคนเราต้องเจอปัญหาอะไรที่มันมากกว่านี้อยู่แล้วในอนาคต ผมเพิ่งเข้าวงการมาได้แค่ 3 ปีเท่านั้น ปัญหาที่เจออยู่ทุกวันนี้เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย

3 ปีที่ผ่านมาถือว่าดังเร็วเกินไปไหม เคยหลงระเริงกับชื่อเสียงบ้างหรือเปล่า

ทุกอย่างเข้ามาเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ชื่อเสียงและเงินทอง ยอมรับว่าช่วงแรกก็ปรับตัวไม่ทันเหมือนกัน ก็พยายามไม่กดดันตัวเอง หรือทำให้เรารู้สึกว่ามีภาระ ช่วงที่เข้าวงการมาได้ปีกว่าๆ ยอมรับว่าเคยรู้สึกหลงระเริงกับชื่อเสียงเหมือนกัน อย่างตอนเราแต่งตัวดีๆ ไปงานอีเวนท์แล้วมีเสียงกรี๊ดกร๊าดจากแฟนๆ มันจะเป็นความรู้สึกแวบเดียว แต่พอเรารู้สึกตัวว่าเรารู้สึกแบบนั้น ผมมั่นใจว่าตัวเองสามารถตัดออกได้ไม่ยาก การดำเนินชีวิตมันอยู่ที่เราจัดสรรเวลา หากเราจัดสรรเวลาได้ลงตัว ทุกอย่างก็ไม่ยากจนเกินไป

หลังจากนี้มีผลงานอะไรบ้าง

ตอนนี้ผมละครเรื่อง "แรงปรารถนา" ของพี่ดา (หทัยรัตน์ อมตะวาณิชย์) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราได้เล่นกับคิมเบอร์ลี่ ก็ดีใจที่ได้ร่วมงานกัน ในเรื่องไม่เชิงตบจูบ แต่จะเป็นแนวพ่อแง่แม่งอน แต่สุดท้ายของเรื่องก็คือพระ-นางรักกัน ส่วนอีกเรื่องเป็นของพี่จ๋า ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเริ่มถ่ายทำปลายปี คือผมยังไม่มั่นใจว่าฝ่ายหญิงเป็นใคร เรื่องนี้จะไปถ่ายทำที่ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงเดือนธันวาคม กับ กุมภาพันธ์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแก๊งยากูซ่า เป็นเรื่องครอบครัวที่สลับซับซ้อนก็อยากให้ติดตาม

เรื่องหัวใจของ "ณเดชน์"
หัวใจของณเดชน์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

จริงๆ แล้วช่วงนี้คนที่เข้ามาไม่ค่อยมี เพราะเราทำงานทุกวัน และคนที่เข้ามาก็กลัวๆ กล้าๆ เราก็ก็กลัวๆ กล้าๆ ด้วย มีแบบมาขอเบอร์ บางทีเราก็จะคุยๆ เป็นเพื่อนๆ ที่รู้จักกัน มีคุยกัน แต่ไม่ได้คุยขนาดเป็นแฟน

ที่ยังไม่มีใครเป็นเพราะเราไม่ได้เปิดใจหรือเปล่า

ผมว่าการอยู่ตรงนี้ คำว่ามีแฟนหรือคนรักมันไม่ใช่เรื่องผิด เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข แต่เรื่องของเวลาที่เราจะพาใครสักคนไปดูหนังไปกินข้าว หรือไปเที่ยวด้วยกันค่อนข้างเหนื่อย เพราะขนาดตัวเอง ยังไม่ค่อยมีเวลาให้เลย เอาเวลาของเราไปให้คนอื่นมันเป็นเรื่องที่ยาก แต่ถ้าถามว่ามีโอกาสไหมก็น่าจะมี แต่ตอนนี้ขอให้ผมจบมหาวิทยาลัยก่อนดีกว่า ในสายตาคนอื่นอาจมองว่าเราเป็นผู้ใหญ่ แต่จริงๆ แล้วเรายังเป็นเด็ก นอกจากความรักจากครอบครัว แล้วก็มีบ้าง เอาเป็นว่าเจอเมื่อไหร่แล้วจะบอก

สเปกสาวๆ เป็นแบบไหน

ผมชอบผู้หญิงธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง และมองโลกในแง่ดีก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะผมเชื่อว่าแต่ละคนจะมีเส้นบางๆ กั้นความเป็นส่วนตัวของตัวเองอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ที่ผ่านมาผมยังไม่เจอสาวในสเปกเลย แต่ผมว่าหากเรารู้จักคนคนนั้นจากคำว่าเพื่อน มันน่าจะดีกว่าเพราะคำว่าเพื่อนมันจะทำให้เรารู้จักกันได้อีกเยอะ หลังจากนั้นจะก้าวข้ามมาเป็นแฟนก็ไม่เป็นไร

...เขาแหละ ณเดชน์ คูกิมิยะ เด็กหนุ่มธรรมดา ที่ก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกอันดับ 1 ของเมืองไทย


เขาคนนี้ชื่อ "แบรี่" ณเดชน์ คูกิมิยะ
เกิดวันที่ 17 ธันวาคม 2534
การศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ผลงานก่อนหน้านี้ เงารักลวงใจ ธาราหิมาลัย ดวงใจอัคนี ปฐพีเล่ห์รัก วายุภัคมนตราเกมร้ายเกมรัก
ผลงานปัจจุบัน ธรณีนี่นี้ใครครอง แรงปรารถนา