Inside Dara
‘น้ำฝน’ โสดให้สุขต้องคิดบวก

ผ่านพ้นมรสุมเรื่องความรัก และเลิกรากับแฟนหนุ่ม อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม มาได้พักหนึ่งแล้ว สำหรับนางเอกสาว น้ำฝน-พัชรินทร์ ศรีวสุขภิรมย์

ผ่านพ้นมรสุมเรื่องความรัก และเลิกรากับแฟนหนุ่ม อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม มาได้พักหนึ่งแล้ว สำหรับนางเอกสาว น้ำฝน-พัชรินทร์ ศรีวสุขภิรมย์ แต่ใครว่าคนโสดจะต้องเศร้า หรือจมทุกข์เสมอไป ในวันนี้ที่จิตใจของสาวน้ำฝนแข็งแรงดีแล้ว เลยต้องขอนัดเจ้าตัวมาอัพเดทเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิต รวมไปถึงเคล็ดลับในการใช้ชีวิตโสดอย่างมีความสุขกันแบบหมดเปลือก

ถามถึงงานละครหน่อย?

“ตอนนี้มีละครเรื่อง “นางร้ายซัมเมอร์” ค่ะ ถ่ายจบแล้ว น่าจะออกอากาศช่วงเดือน มี.ค. เรื่องนี้ฝนรับบทเป็นฝาแฝด ตัวหนึ่งจะร้าย แสบ ไม่ยอมคน เป็นหัวโจกที่ต้องดูแลคนงานในไร่ อีกตัวหนึ่งที่เป็นแฝดจะเรียบร้อยเป็นผู้หญิ๊ง ผู้หญิง ชอบทำอาหาร เรื่องราวก็จะเกิดขึ้นเมื่อแฝดพี่กับน้องมาสลับตัวกัน จริง ๆ ฝนเคยรับบทฝาแฝดมาแล้วใน“เจ้าสาวผมไม่ใช่ผี” แต่อันนั้นค่อนข้างแยกกันชัดเจนว่าตัวละครตัวหนึ่งตายไปแล้ว อีกตัวยังมีชีวิต แต่อันนี้เป็นคนกับคน แล้วก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ใช้เทคนิคเยอะ รับรองว่าคนดูคุ้ม”

นอกจากละครเรื่องนี้มีผลงานอะไรเซอร์ไพร้ส์แฟน ๆ อีก?

“ตอนนี้ส่วนใหญ่มีอีเวนต์ ถ่ายแบบ แต่เดี๋ยวก็จะมีโฆษณาวาเลนไทน์ด้วย ถ่ายกับพี่อาร์ต (หัวเราะ) ก็ต้องรอดู คนอาจจะงง ๆ ว่าทำไมมาถ่ายคู่กันวาเลนไทน์ เพราะเรายังงงเลยว่าอ้าวได้หรอ เพราะเขาติดต่อมาหลังจากที่เราเลิกกันแล้วนี่แหละ แต่การทำงานด้วยกันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เราทำงานด้วยกันได้ ถ้าคนอยากเจอเราสองคนพร้อมกันจริง ๆ เราก็ไปด้วยได้”

งานในวงการบันเทิงมีอะไรที่อยากจะทำอีกไหม?

“สำหรับงานละครถ้ามีโอกาสก็เล่นไปเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้มันก็มีช่องดิจิทัลเกิดขึ้นมา เราก็ดูอยู่ว่าถ้าโตกว่านี้อีกหน่อยแล้วเราสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ ฝนอยากทำงานเบื้องหลัง อยากเป็นผู้จัด เพราะพี่ ๆ ที่โตกว่าฝนสัก10 ปี เขาไปเป็นผู้จัดละครกันหมดแล้ว ส่วนสัญญากับช่อง 3 ก็หมดสิ้นปีนี้ค่ะ ถ้าช่องต่อสัญญาฝนก็เซ็นอยู่แล้ว เพราะว่าฝนรักช่อง 3 มาก ๆ เจ้านายและผู้ใหญ่ทุกคนน่ารักมาก นักแสดงใหม่ ๆเกิดขึ้นเยอะก็จริง แต่เราก็พยายามรักษาคุณภาพของเรา ฝนไม่ได้คิดว่าเราอยากจะเป็นนางเอกไปจนตาย คือต่อไปฝนอาจจะเป็นพี่สาวนางเอก อาจจะเป็นแม่ อาจจะเป็นยาย เราก็เป็นได้หมด เพียงแต่เราต้องดูช่วงจังหวะให้เหมาะสมกับเรา”

เห็นว่าอยากเรียนต่อด้วย?

“จริง ๆ ฝนอยากเรียนต่อปริญญาเอก แต่ถ้าเรียนปุ๊บแล้วละครเปิดกล้องมันจะมีปัญหาทันที ตอนนี้เลยอยากไปเที่ยวมากกว่า เลยวางแพลนแล้วว่าเดือนหน้าจะไปญี่ปุ่น แล้วก็จะไปอังกฤษ ถือว่าไปชาร์จแบต ไปดูโลก ไปใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อน ๆ อย่างไปญี่ปุ่นไปกันเกือบ 20 คนได้ แต่ตอนไปอังกฤษอาจจะไปกันไม่กี่คน ส่วนคุณแม่ไม่ได้ไปด้วย เพราะทุกปีเราจะมีทริปไปด้วยกันอยู่แล้ว ช่วงนี้ก็ให้อยู่ดูแลคุณพ่อ ดูแลน้องหมา 3 ตัวที่บ้าน”

ล่าสุดเปลี่ยนนามสกุลเป็น “ศรีวสุขภิรมย์” ?

“ก็เปลี่ยนจาก “จัดกระบวนพล” เป็น “ศรีวสุขภิรมย์” ค่ะ ตอนนี้เปลี่ยนเรียบร้อยทั้งบัตรประจำตัวประชาชน ทั้งทะเบียนบ้าน คือจริง ๆ มีคนทักมาตั้งนานแล้ว รอจนมันเกิดเรื่องเกิดราวทุกอย่าง ชีวิตมันเริ่มสับสน ช่วงนี้ว่างก็เลยเปลี่ยนเลย ตอนแรกเราก็คิดเยอะเหมือนกันว่าเปลี่ยนนามสกุลมันต้องเปลี่ยนหลายอย่างมาก แล้วตอนนั้นเราไม่ค่อยว่าง แล้วพอตอนนี้เราได้นามสกุลที่โอเคแล้วด้วย ทั้งหลวงพี่ ทั้งอาจารย์ ทุกคนที่ดูให้ก็บอกว่าอันนี้ดีสุดแล้วก็เลยเปลี่ยนเลย คุณพ่อคุณแม่ก็เปลี่ยนหมดเลยค่ะ”

ช่วงนี้คนมองว่าฝนปรับลุคเปรี้ยวขึ้น?

“จริง ๆ ฝนตัดผมมาตั้งแต่ตอนถ่ายละครเรื่องรักข้ามเส้นแล้ว ปีกว่าแล้วนะคะ แต่มันอาจจะค่อย ๆ สั้นขึ้นเรื่อย ๆ เพราะพอเราตัดผมสั้น ก็ติดใจว่าเวลาเซตผม เป่าผม มันแห้งเร็ว ดูทะมัดทะแมง แล้วพอช่วงนี้ปิดกล้องเราก็เลยทำสีผมด้วย นี่ก็เพิ่งกลับมาทำสีธรรมดา เพราะตอนแรกจะเป็นสีทองแล้วทำไฮไลต์ เราก็โดนแซวเพราะมันเป็นช่วงจังหวะพอดี แต่จริง ๆ ไม่จำเป็นนะคะว่าอกหักแล้วจะต้องตัดผม อันนี้ไม่เกี่ยวเลย (หัวเราะ)”

หัวใจเป็นยังไงบ้าง?

“แข็งแรง ปกติดีแล้วค่ะ ชีวิตโสดมันมีข้อดีว่าได้อยู่กับเพื่อนมากขึ้น ได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้น ถามว่าเหงาไหม คือเหงาแบบไม่มีแฟนมันก็มีบ้าง แต่อย่าทำตัวเองให้เหงา จริง ๆ ฝนเริ่มปรับตัวมาสักพักหนึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้ฝนจะเป็นคนนิสัยไม่ดีอย่างหนึ่งคือ เดินชอปปิงคนเดียวไม่ได้ กินข้าวคนเดียวไม่ได้ ดูหนังคนเดียวไม่ได้ รู้สึกไม่มั่นใจเวลาที่มีคนอื่นมอง ก็ต้องนั่งรอเพื่อนในรถจนกว่าเพื่อนจะมา หรือไม่ก็ต้องเดินกับแฟน กับพ่อแม่ แต่ช่วงสองปีหลังที่เราเริ่มปรับตัว ชอปปิงคนเดียวได้ ก็รู้สึกสบายที่ไม่ต้องมีใครมารอเรา เราทานข้าวคนเดียวได้ เลยโอเคว่าปรับตัวมาได้สักระยะหนึ่งแล้วเลยไม่เครียดกับเรื่องนี้เท่าไหร่”

อาร์ตยังลงอินสตาแกรมเหมือนเฮิร์ต ๆ อยู่?

“ฝนไม่ค่อยได้ดูค่ะ ฝนอยากออกไปเจออะไรที่ใหม่ ๆ ไม่อยากกลับไปดูแล้วทำให้เรารู้สึกนอยด์ คือเราตัดสินใจไปแล้ว ฝนคิดมาดีแล้ว ถึงตัดสินใจบอกอะไรก็แล้วแต่ มันมีการพยายามทั้งกลับไป ทั้งใช้คนอื่นช่วยคุย เราพยายามมาทุกอย่างแล้ว เลยคิดว่าเป็นแบบนี้ดีกว่า กับพี่อาร์ตทุกวันนี้ฝนว่ามันเป็นความผูกพัน มันเกินความรักไปแล้ว ถ้ารักกันจริงเราสามารถรักกันในแบบอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องรักกันในแบบแฟน ถามว่าเสียดายเวลาไหมก็ไม่เสียดาย เพราะพี่อาร์ตมีสิ่งดี ๆ ที่ทำให้ฝนหลายอย่าง ฝนมีสิ่งดี ๆ ที่ทำให้พี่อาร์ตหลายอย่าง เรื่องดี ๆ เรามีให้กันตั้งเยอะ แต่ทำไมเลิกกันปุ๊บ แล้วเราต้องเกลียดกัน ไม่มองหน้ากัน เพราะฉะนั้นเราก็จำแต่สิ่งดี ๆ”

ในอินสตาแกรมของฝนก็มีคนมาให้กำลังใจเยอะเหมือนกัน?

“ฝนต้องขอบคุณทุก ๆ คนเลย ไม่ว่าจะติดตามข่าวหรือไม่ติดตาม แค่มาเป็นกำลังใจให้เราก็รู้สึกดีแล้ว ส่วนคนที่ไม่เข้าใจก็มี แต่ฝนมองว่าเขาไม่ได้รู้จักเราจริง ๆ ถ้ามาคอมเมนต์อะไรแรง ๆ แล้วจะทำให้เกิดสงครามในอินสตาแกรมฝนก็เลือกที่จะลบดีกว่า เพราะไม่อยากให้คนที่อยากปกป้องเราเข้ามาตอบโต้กันไปมา เราแค่อยากแชร์สิ่งที่เป็นเรา ไม่จำเป็นต้องมาเถียงกันในนี้ หรือถ้าคุณไม่ชอบก็ไม่ต้องตาม อย่างฝนถ้าฝนมีความสุขที่จะตามใครฝนก็ตาม ถ้าดูแล้วไม่มีความสุขก็เลิกตามเท่านั้นเอง”

ได้อ่านข่าวบันเทิงบ้างไหม?

“ฝนไม่ชอบเสพข่าวไทย เพราะเรารู้สึกว่าบางทีเราต้องไปทำงานกับคนที่เขาเป็นข่าว เหมือนตอนที่เราเป็นข่าว เราไม่อยากให้เขาเป็นห่วงเรา เลยไม่ค่อยดูข่าวในไทยเท่าไหร่ แต่จะมีเพื่อนมาเล่าให้ฟัง ส่วนการเช็กฟีดแบ็กตัวเองเป็นสิ่งที่เราต้องทำค่ะ ก็จะเช็กจากกระแสในอินเทอร์เน็ต อย่างพันทิปก็ดูได้แต่เมื่อก่อนจะดูไม่ได้เลย ทำใจไม่ได้กับคนที่มาคอมเมนต์ พอตอนหลังเราก็รู้แล้วว่าเป็นธรรมดาของโลกนี้ที่จะมีทั้งคนชอบคนไม่ชอบ ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ แล้วเราเป็นแค่คนคนหนึ่ง แค่อย่าไปซีเรียส อย่าเก็บมาคิดจนเราแย่เท่านั้นเอง”

จากความรักครั้งที่ผ่านมาได้บทเรียนอะไรบ้าง?

“ฝนโตขึ้นมากจากเรื่องนี้ แล้วด้วยอายุฝนก็โตขึ้น จริง ๆ ทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิตฝนเป็นบทเรียนหมดเลย ฝนจะไม่พยายามมองแง่ลบมัน ฝนพยายามจะหาข้อดีของมัน อย่างเรื่องที่มันเกิดขึ้นมานี่ มันทำให้เรารู้ว่ามีคนที่รักเราจริง ๆ อยู่เยอะแค่ไหน คนที่รักเราเขาจะอยู่ข้าง ๆ เราเสมอ เขาจะเชื่อในตัวตนของเรา ไม่ใช่เชื่อในข่าว”

กับคำว่าโสดแบบมีคุณภาพ?

“รู้สึกดีมาก ฝนอยากให้ทุกคนที่โสดเป็นแบบนี้ คือไม่อยากให้คนที่โสดคิดว่าฉันไม่มีคนมารัก ฉันแย่จังเลย ฉันไม่สวยเหรอ เราต้องมั่นใจเลยว่าเรามีดี แต่เขาคนนั้นอาจจะไม่ดีพอสำหรับเราก็ได้ เราอาจจะไม่เหมาะสมกัน วันหนึ่งเราต้องเจอคนที่ใช่สำหรับเรา ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรเหมือนกันนะ ฝนจะพยายามใช้ชีวิตที่มีทุกวันนี้ให้มีความสุข โดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แค่นั้นฝนก็โอเค”

เลือกที่จะมองโลกในแง่ดี?

“ฝนโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก คุณแม่ไม่ได้มานั่งพูดนะว่าเราต้องมองโลกในแง่ดี แต่คุณแม่ทำให้เราดู จนบางครั้งเราก็คิดว่าเรามองโลกในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า (หัวเราะ) เลยไม่รู้ว่าโลกมันมีอะไรร้าย ๆ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เราหน้าไม่แก่ และยิ้มได้ทุกวัน ทุกวันนี้ฝนยังมองความรักสวยงาม แล้วก็เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขได้ แต่ก็เพิ่มมาว่ามันก็ทำให้เรามีความทุกข์ได้มากเหมือนกัน อันนี้คือบทเรียนที่ทำให้เราโตขึ้น”

กลัวไหมกับการที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน?

“ฝนไม่กลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ เราไม่เอาความรักในอดีตมาตัดสินปัจจุบันหรืออนาคต ฝนเชื่อว่าคนเราไม่เหมือนกันเลยสักคน นิสัยที่แย่ ๆ ของฝนอาจจะเป็นสิ่งที่คนอีกคนหนึ่งมองว่ามันเป็นเรื่องเล็ก ๆ บางครั้งเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้ชายคนหนึ่ง แต่มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กของผู้ชายอีกคนหนึ่งก็ได้”

ตอนนี้มีหนุ่ม ๆ เข้ามาไหม?

“ก็มีบ้างค่ะ แต่สมัยก่อนตอนคบกับพี่อาร์ตไม่มีใครมาจีบเลยจริง ๆ ไม่รู้ว่าเขาอ่านข่าวหรืออะไรอย่างนี้หรือเปล่า แต่ตอนนี้ก็มีคนเข้ามาคุยค่ะ แต่ก็คุยเป็นเพื่อน เป็นพี่ไปก่อน ค่อย ๆ ดูไป”

คติในการใช้ชีวิตของ น้ำฝน-พัชรินทร์ วันนี้?

“ฝนยังเชื่อว่าทำดีต้องได้ดี และทำวันนี้ให้ดีที่สุด เราไม่รู้ว่าเราจะตายวันไหนเหมือนกัน เมื่อก่อนสมัยเป็นแฟนกับพี่อาร์ต ฝนจะพูดว่าเราอย่ามาทะเลาะกันเลย เรามาคุยกันดี ๆ เหอะ เพราะฝนไม่รู้ว่าออกจากบ้านไปฝนจะตายไหม หรือพี่อาร์ตจะตายหรือเปล่า แล้วจะเสียใจไหมถ้าคุณตายไปตอนที่กำลังทะเลาะกับเรา เราไม่อยากเป็นแบบนั้น เราไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราไม่รู้เลยจริง ๆ ก็เลยอยากทำทุกนาทีให้มีความสุข”

สิ่งที่ “น้ำฝน” กำลังบอกเราในวันนี้ก็คือ ความสุขของคนเราขึ้นอยู่กับมุมมองของการใช้ชีวิต การมองโลกในแง่ดี และเรียนรู้

จากข้อผิดพลาดจึงเป็นสิ่งจำเป็น ที่จะทำให้เราเติบโตและเห็นความสวยงามของชีวิต...