Inside Dara
นาย น้ำตาคลอ เปิดปมเลิก เคลลี่ ยังรักและใจหายที่อีกฝ่ายย้ายออกจากบ้าน

หลังจากที่เมื่อวันพุธที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา เคลลี่ ธนะพัฒน์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงความสัมพันธ์กับภรรยาสาวรุ่นน้อง นาย ชนุชตรา ว่าตอนนี้ได้เลิกรากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมย้ำไม่มีมือที่สามระหว่างทั้งคู่ และยังเสียใจกับความรักครั้งนี้ เพราะเคลลี่นั้นจริงจังกับรักครั้งนี้มาก

และในวันนี้ นาย ชนุชตรา ก็ได้ออกมานั่งเปิดใจกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกหลังจากที่มีกระแสข่าวขาเตียงหัก ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า

ถามเรื่องราวชีวิตคู่ของเรากับพี่เคลลี่?

“เรื่องของนายกับพี่เคลลี่ก็เป็นเรื่องจริง ตามที่พี่เคลลี่พูดเลย ตอนนี้พี่เคลลี่ได้ย้ายออกมาจากบ้านแล้วค่ะ”

ได้ดูสัมภาษณ์พี่เคลลี่แล้วความรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?

“เราก็เสียใจทั้งคู่ค่ะ ถามว่าเสียดายไหม คือ เราทำกันเต็มที่แล้วจริงๆ ค่ะ”

เลิกกันมาแล้ว 3 เดือน?

“เราแยกกันอยู่มา 3 เดือนค่ะ นายก็ย้ายห้องไปนอนกับคุณแม่ เพราะก่อนที่เราจะแต่งงานกัน นายนอนกับคุณแม่มาก่อนตลอด เรายังมีที่ปรึกษาเป็นคุณแม่ คุณแม่ก็คอยสอนในเรื่องของการใช้ชีวิต”

วันที่เขามาเก็บเสื้อผ้าออกไปใจหายไหม?

“วันนี้นายถ่ายละครพอดีค่ะ ก็ไม่ได้อยู่บ้าน ใจหายเหมือนกันค่ะ พอกลับมาบ้าน คือ ไม่มีของของเขาแล้ว ก็รู้สึกหวิว ขาอ่อนค่ะ เราเคยอยู่ด้วยกันมา”

ฟางเส้นสุดท้ายที่คุยกับเคลลี่ที่ตัดสินใจไม่ไปต่อด้วยกันคืออะไร?

“เรารับรู้ปัญหาของเรามาอยู่แล้วค่ะ และได้มีการตกลงกันว่าเราถอยออกมาคนละก้าวดีกว่า เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีมา ถอยออกมาจากการที่เราเป็นสามีภรรยา มาเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน ความสัมพันธ์เราก็ยังอยู่ต่อไปไม่ขาดค่ะ”

ที่บอกว่าถอยออกมาก่อนที่จะมองหน้ากันไม่ติด คนเลยมองว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่เลยทำให้ต้องตัดสินใจแบบนั้น?

“เป็นปัญหาที่มีมาเรื่อยๆ ค่ะ มีมาตลอด”

ปัญหาหลักๆ คืออะไร?

“จริงๆ เรื่องช่องว่างระหว่างวัย เรื่องอายุก็มีส่วนด้วยค่ะ ในเรื่องของความคิด ทัศนคติ การใช้ชีวิตของเรา คือ เราโตมาต่างครอบครัว แล้ววันนึงเรามาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ทำให้เราได้เรียนรู้กันค่ะ”

หลายคนมองว่าที่ผ่านมาเราคบกันไม่ได้มองถึงจุดนั้นเลยใช่ไหม?

“ตอนที่เป็นแฟนกัน เราก็มองแต่ในเรื่องของความรัก เราไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน 24 ชั่วโมง แต่พอเรามาเป็นสามีภรรยากัน เราได้ใช้ชีวิตด้วยกัน 24 ชั่วโมง ก็มีบางจุดที่เราไม่เข้าใจกัน ใช้ชีวิตไม่ตรงกัน”

พยายามปรับมากน้อยแค่ไหน?

“พยายามปรับมาตลอดค่ะ เราปรับกันทั้งคู่”

สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะเลือกทางออกนี้?

“ใช่ค่ะ”

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะศึกษามากกว่านี้แล้วค่อยแต่งงานไหม?

“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราก็เป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ดีกว่า เพราะว่าเราทำกันดีที่สุดแล้ว ไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลย แต่เสียใจที่วันนี้ไม่มีเราอยู่ด้วยกันแล้ว”

ก่อนจะมาถึงจุดนี้ได้ปรึกษาครอบครัวไหม?

“ปรึกษาครอบครัวตลอด คุณพ่อคุณแม่ก็ให้คำแนะนำ แล้วก็สอนให้เราอดทน แต่พอสุดท้ายแล้วเขาก็ยอมรับการตัดสินใจของเรา”

เรามีไปร้องไห้กับคุณแม่ไหม?

“มีค่ะ ทั้งนาย ทั้งพี่เคลลี่ ทั้งคู่เลย คุณแม่ก็รักพี่เคลลี่เหมือนลูกของตัวเอง”

สภาพจิตใจตอนนี้?

“ก็เสียใจอยู่ แต่ว่าโอเคขึ้นในระดับหนึ่งแล้วค่ะ ก็ต้องบอกว่านายโชคดีที่มีครอบครัวที่ดี มีผู้ใหญ่เข้าใจ มีเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้าง ทำให้เรารู้สึกโอเคขึ้นมาระดับหนึ่ง”

เรื่องลูกเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยไหมเห็นที่ผ่านมาพยายามมีมาโดยตลอด?

“ไม่มีส่วนค่ะ เพราะอย่างที่ทราบกันว่าพอนายแต่งงานแล้วก็อยากมีลูกเลย”

เรื่องมือที่ 3 อยากจะอธิบายยังไงบ้างเห็นมีไปคอมเมนต์เต้ วิทย์สรัช?

“เรื่องมือที่ 3 ทั้งนายและพี่เคลลี่ไม่มีค่ะ ไม่มีแน่นอน ในเรื่องที่เข้าไปกดไลค์พี่เต้ วิทย์สรัช คือเรา 2 คนเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เรารู้จักกันมา 10 กว่าปีแล้ว แล้วเราฟอลโลว์กัน นายก็กดไลค์ทุกคน แล้วนายก็ชอบคอมเมนต์หัวใจกับทุกคน ทั้งเพื่อนชายทั้งเพื่อนหญิง เป็นแบบนี้มาตลอด”

ก่อนหน้านี้พี่เคลลี่ได้ถามถึงการคอมเมนต์ต่างๆ หรือเกี่ยวกับพี่เต้ไหม?

“ไม่มีค่ะ”

เขารู้ใช่ไหมว่ารู้จักกันมาแต่แรกแล้ว?

“คิดว่ารู้จักค่ะ”

เคลลี่มีข่าวกับแคทรียา?

"นายเห็นข่าวแล้วค่ะ พี่เขาถ่ายละครด้วยกันค่ะ แล้วก็สนิทกัน (ส่วนตัวเรามีความรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้) หนูก็เชื่อตามที่พี่เขาบอกครั้งแรก คือเขาถ่ายละครด้วยกัน แล้วเขาก็สนิทกันค่ะ"

ได้ถามเคลลี่บ้างไหม?

“ไม่มีค่ะ” (ยิ้ม)"

ยืนยันว่าเราไม่มีมือที่สาม?

“ไม่มีค่ะ”

เราเชื่อใจกันยังไง?

“ที่ผ่านมาเราเชื่อใจกันมาตลอด พี่เคลลี่ไม่เคยทำอะไรให้นายรู้สึกไม่เชื่อใจ ถ้าเลิกกันไม่ใช่เรื่องของมือที่สามแน่นอน เป็นเรื่องของเราสองคนมากกว่า”

เรื่องเรือนหอจะจัดการยังไง?

“บ้านหลังนี้เป็นบ้านของนายกับครอบครัวอยู่แล้ว พอพี่เคลลี่แต่งงานเข้ามาที่บ้านนาย เขาได้ต่อเติมในส่วนของห้องฟิตเนสห้องนั้นไว้ค่ะ”

แล้วจะแบ่งสินสมรสกันยังไง?

“ไม่มีค่ะ เพราะว่าเราไม่ได้จดทะเบียนกันด้วย”

อย่างที่เคลลี่บอก ทุกอย่างให้นายหมด ถูกต้อง?

“มอบอะไรคะ (ทรัพย์สินในบ้านที่พี่เขารีโนเวต) อ๋อ เป็นห้องฟิตเนสของพี่เคลลี่เขา เครื่องฟิตเนสก็ยังอยู่ที่บ้านนายอยู่ ของของพี่เคลลี่เขายังขนไปไม่หมดค่ะ ยังมีบางส่วนที่เหลืออยู่”

ณ ตอนนี้ไม่มีทรัพย์สินที่ต้องเคลียร์กัน?

“ไม่มีเลยค่ะ”

อย่างเรื่องระยะเวลาคิดไหมว่าอยากจะออกมาพูด หรือปล่อยให้มันเงียบไป?

“จริงๆ พอเราพูดมันเหมือนการตอกย้ำความรู้สึกของเรา เหมือนแผลของเราก็ยังไม่หายดี”

เรื่องข้าวของของเคลลี่ ตอนนี้ยังเหลืออยู่มากน้อยแค่ไหน?

“ไม่มากค่ะ เหลืออยู่นิดหน่อยค่ะ” (เสียงสั่น)

พอได้เห็นมันมีผลต่อความรู้สึกของเราไหม?

“มีผลค่ะ เพราะเราก็ยังรู้สึกอยู่ค่ะ เราก็ยังมีความรักอยู่ เหมือนเราเข้าไปแล้ว เราก็เจอของของเขา เจอของของเรา มันก็สะเทือนใจ เห็นภาพเก่าๆ”

เรียกว่าเป็นความรักที่ยังหลงเหลืออยู่ได้ไหม?

“ยังอยู่ค่ะ ยังอยู่ตลอด”

หลังจากมีข่าวออกมา ได้คุยกับเคลลี่ไหม?

“ส่วนใหญ่พี่เคลลี่คุยกับคุณแม่ค่ะ แต่ก็มีคุยกันบ้าง”

ถ้าเขาดูอยู่ เราอยากบอกอะไรเขา?

“อยากบอกพี่เคลลี่ว่าขอบคุณสำหรับ 5 ปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่ดูแลหนู ขอบคุณที่มาเป็นความรักของหนู หนูก็อยากให้พี่เคลลี่ดูแลสุขภาพ แล้วก็อย่านอนดึก แล้วก็อยากจะบอกว่า น้องคนนี้ยังเป็นครอบครัวของพี่เสมอ ครอบครัวของหนูเป็นครอบครัวของพี่เสมอค่ะ” (เสียงสั่น)

ตอนนี้ก็ยังรู้สึกดีต่อกันทั้งสองฝ่าย อนาคตจะเป็นไปได้ไหม ที่จะกลับมาเริ่มกันใหม่?

“นายก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ (เสียงสั่น) ต้องเป็นเรื่องของอนาคตด้วย”

ตอนนี้เราสามารถเจอเคลลี่ได้ไหม?

“เจอได้ค่ะ ปกติค่ะ”

ก่อนหน้านี้มีข่าวคู่รักเลิกเงียบ ใช่คู่เราไหม?

“สำหรับเรื่องนี้ คิดว่าที่ผ่านมาเราพยายามปรับจูนกันแล้ว แล้วก็เหมือนเราอาจจะมีปัญหาในช่วงนั้นพอดีด้วยค่ะ (เป็นคู่เราใช่ไหม?) เลิกเงียบไหม ก็เราค่อยๆ...ปรับความเข้าใจกันอยู่ตลอดนะคะ”

สภาพจิตใจตอนนี้มีผลกับการทำงานยังไงบ้าง?

“ไหวค่ะ ก็พยายามจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานค่ะ”

มูฟออนเรื่องชีวิต แต่ไม่มูฟออนเรื่องความรัก?

“ใช่ค่ะ ยังไม่พร้อมกับเรื่องความรัก ยังไม่คิดถึงเรื่องนั้น คือคิดในเรื่องของการใช้ชีวิตต่อไป โฟกัสที่เรื่องงาน เรื่องของธุรกิจครอบครัวค่ะ”

หลังจากนี้มันทำให้ทัศนคติเรื่องความรักหรือชีวิตคู่ของเราเปลี่ยนไปไหม?

"เปลี่ยนนะคะคิดว่าชีวิตคู่ความรักอย่างเดียวมันไม่พอค่ะ ต้องมีอีกหลายอย่างค่ะ ความเข้าใจ ความคิด ความคิดเห็นที่ตรงกัน"

ถ้ามองไปถึงอนาคตจะมองเรื่องอายุเรื่องวัยเรื่องอะไรด้วยไหม?

“ยังไม่คิดไปถึงเรื่องนั้นเลยค่ะ”

ตอนนี้ให้กำลังใจตัวเองยังไงบ้าง?

“ส่วนใหญ่คนรอบข้างให้กำลังใจเรา มีครอบครัวที่ดี มีผู้ใหญ่ที่เข้าใจ แล้วก็มีเพื่อนๆ ที่คอยอยู่ข้างๆ คือเป็นกำลังใจให้คอยซัพพอร์ตเราทำให้เรารู้สึกโอเคขึ้นมากๆ เลย”

ขอบคุณแฟนๆ ที่ส่งกำลังใจให้เราในช่วงนี้หน่อย?

"ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้นาย ที่คอยซัพพอร์ตทั้งนายและพี่เคลลี่ ขอบคุณมากๆ ก็คืออ่านเกือบทุกคอมเมนต์เลย ขอบคุณจากใจเลยค่ะ"