Inside Dara
ฉายา"จิ้งจอกพันหน้า"พา"มิน"สู่นางเอกเจ้าบทบาท

รูดม่านจบไปหมาดๆ สำหรับละครเรื่อง "หยกเลือดมังกร" ทางช่อง 7 สี ที่จับสองพระ-นาง "พอร์ช" ศรัณย์ ศิริลักษณ์ และ "มิน" พีชญา วัฒนามนตรีกุล โคจรมาเจอกันครั้งแรก และได้รับเสียงปรบมือจากแฟนละครเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนางเอกสาว "มิน" พีชญา เพราะละคร 2 เรื่องล่าสุดของสาวมินทั้ง "หยกเลือดมังกร" และ "ปิ่นอนงค์" ถือเป็นละครยอดนิยมที่ครองใจแฟนละครไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สบโอกาสเหมาะเลยขอฉกนางเอกสาวสุดฮอตคนนี้มาพูดคุยกันซะเลย

ปีทอง
กระแสของ "หยกเลือดมังกร" ที่เพิ่งจบไปเป็นอย่างไงบ้าง

หยกเลือดมังกรดีเลย เรตติ้งตั้งแต่ตอนแรกยันตอนจบ ถือว่าใช้ได้เลย เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี สำหรับเราคนทำงาน มินกับพอร์ชดี๊ด๊ากันมาก ตอนที่มีคนมาบอกเรื่องเรตติ้ง (หัวเราะ) ต้องขอบคุณแฟนๆ ส่วนใหญ่มินเองไม่ได้รู้ว่าเรตติ้งเท่าไหร่ แต่จะเช็คจากเวลาไปออกงานอีเวนท์ต่างๆ เพราะมินกับพอร์ชจะเลือกที่จะออกงานอีเวนท์วันเดียวกัน รับงานพร้อมกัน เพราะจะได้ไม่เสียเวลาในช่วงที่ถ่ายละคร เวลาไปงานมินไปคนเดียว คนก็จะมาถามว่าหยกไปไหน ทำไมหยกไม่มา หรือพอร์ชเองเขาก็จะมาเล่าให้ฟังเหมือนกันว่า เวลาเขาไปออกงาน คนก็จะถามเขาเหมือนกันว่าทำไมกิ่งเหมยไม่มา เอากิ่งเหมยไปไว้ไหน เป็นกระแสละคร เวลาไปไหนคนก็จะเรียกกิ่งเหมยๆ

บท "กิ่งเหมย" ในเรื่อง "หยกเลือดมังกร" ถือเป็นบทที่ท้าทายที่สุดเท่าที่เล่นมาเลยไหม

เรียกว่าเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่ค่อนข้างยาก ต้องยอมรับเลยว่าการมาเล่นบทนี้ในตอนแรก มินทำการบ้านหนักพอสมควร เพราะในเรื่องเราจะต้องมีช่วงที่ต้องตาบอด เพราะฉะนั้นในเรื่องของการเล่น เราต้องระวังและทำความเข้าใจกับบทนี้ให้ดี คือมินไม่ได้ถึงกับต้องไปเรียนการแสดงเพิ่มในเรื่องว่าต้องมารับบทคนตาบอด แต่ต้องหาข้อมูลว่าคนที่เขามองไม่เห็นเขาทำอะไร เขานึกถึงอะไร อยู่ได้อย่างไง ต้องมีการไปเรียนรู้พื้นหลังให้มากขึ้น

ละครเรื่อง "หยกเลือดมังกร" เป็นการร่วมงานกันกับ "พอร์ช" ครั้งแรก เล่าให้ฟังหน่อยถึงพระเอกคนนี้

กับพอร์ชเราเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน และเข้าขากันมากๆ ทำงานกันด้วยความสบายใจ เราสองคนต่างให้เกียรติในการทำงานด้วยกันเสมอ อย่างที่คนรู้กันว่าพอร์ชเขาเป็นคนขี้เล่น เวลาอยู่ในกองเขาก็จะเล่นสนุกสนาน แหย่เรา แกล้งเรา เพราะพอร์ชเขาเป็นคนขี้แกล้ง เราสองคนจะเล่นกันเหมือนเด็กๆ วัยเราสองคนก็ยังเด็กอยู่ (หัวเราะ) แต่พอจะเข้าฉากยิ่งเป็นฉากที่ต้องดราม่า มินก็จะทำสมาธิ พอร์ชเขาก็รู้ เขาก็จะมีแซวว่าเอาแล้ว มินเข้าโหมดแล้ว ซึ่งพอร์ชเองเวลาที่ไม่ได้เข้าฉาก เขาก็จะเล่นสนุกสนาน แต่เวลาเข้าฉากเขาก็จะตั้งใจ พอร์ชเขาเป็นคนที่เล่นแบบมีลิมิต ทำให้การทำงานของเราไปด้วยกันได้ดี ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกันอีก ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก (ยิ้ม)

ความประทับใจของ "มิน" กับละครเรื่องนี้

มินประทับใจทุกอย่างเลยนะ ตั้งแต่วันแรกที่ได้อ่านบท บทนี้ดีมาก ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ของช่อง 7 ที่ให้โอกาสมิน ประทับใจทีมงานทุกคน เพราะเป็นครั้งแรกที่มินได้ร่วมงานกับทีมงานค่ายพอดีคำ และที่ประทับใจมากคือการได้มีโอกาสมาร่วมงานกับพี่ธง (ธงชัย ประสงค์สันติ) มินได้ยินชื่อเสียงของพี่ธงมานานแล้ว พอได้มาร่วมงานกัน พี่ธงสอนอะไรมินเยอะมาก พี่ธงให้ประสบการณ์ที่ดีๆ ที่มินไม่รู้ว่าถ้ามินไม่มาเจอพี่ธง มินต้องใช้เวลากี่ปีในวงการที่จะได้เรียนรู้มัน พี่ธงให้เทคนิคการแสดงกับมินหลายอย่างมาก พี่ธงเป็นหนึ่งในครูที่เยี่ยมยอดที่สุดคนหนึ่งของมินเลย

ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่ดีที่สุดของ "มิน" เลยไหม

มินโชคดีมากกว่า เพราะมินอยู่ในวงการมาประมาณ 3 ปี ได้รับโอกาสดีๆ จากผู้ใหญ่ทางช่อง 7 มาโดยตลอด ปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นอีกปีหนึ่งที่มินได้โอกาสที่ดีๆ ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ และแฟนๆ ให้โอกาสมิน (ถ้าถามว่าระหว่าง "หยกเลือดมังกร" กับ "ปิ่นอนงค์" ผลงานชิ้นไหนที่มินรู้สึกว่าสร้างชื่อให้เรามากกว่า) โห้!! ตอบยากมากเลย เพราะอย่างแรกมินเองเป็นนักแสดง มินทำงานในหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ เรื่องความดังหรือชื่อเสียง เราเองไม่ได้เป็นคนกำหนดมาตรฐานมัน คนดูจะเป็นคนตอบมากกว่า ซึ่งคนดูละครแต่ละเรื่องก็มีความชอบไม่ชอบต่างกัน เอาเป็นว่าสำหรับมินแล้วละครทั้งสองเรื่องเป็นละครที่ในฐานะนักแสดง มินภูมิใจกับละครทั้งสองเรื่องเท่ากัน (ยิ้ม)

คนจะบอกว่า "มิน" เล่นละครคู่ใครก็ดูจะเข้ากับพระเอกของเรื่องตลอด ทั้ง "เวียร์" ศุกลวัฒน์ , "พอร์ช" ศรัณย์, "อ๋อม" อรรคพันธ์ จะถูกจับเป็นคู่จิ้นตลอด

มินโชคดี มีคนเคยตั้งฉายาให้มินว่าเป็น "จิ้งจอกพันหน้า" คือสามารถเล่นบทบาทไหนก็ได้ หน้าตาของมินจะเปลี่ยนไปตามบทบาทที่ได้รับ ถือว่าเป็นสิ่งที่โชคดีของเรา อีกอย่างคือพระเอกที่เราร่วมงานด้วย ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่น่ารัก เราสามารถทำงานได้อย่างสบายใจ ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เก่ง ช่วยให้เราทำงานได้ง่าย และผ่านไปได้ด้วยดี ต้องขอบคุณพระเอกของมินทุกคนจริงๆ

วิถีชีวิตในวงการมายา
ชีวิตที่ผ่านมาในวงการบันเทิงเป็นอย่างไรบ้าง

มินต้องบอกก่อนเลยว่า มินรักอาชีพนี้ เพราะเป็นอาชีพแรกของมิน ทั้งที่มินยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ แล้วมินให้เกียรติงานๆ นี้มาก เพราะว่าเป็นอาชีพที่เราตั้งใจทำมันออกมาจริงๆ เป็นอาชีพที่สอนจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ จากเมื่อก่อนมินจะดูเป็นผู้หญิงที่ห้าวๆ แต่ด้วยความที่เรามายืนตรงนี้ เราต้องดูแลตัวเอง มันทำให้เราดูเป็นผู้หญิงมากยิ่งขึ้น แล้วทำให้เรารู้จักวางตัวมากขึ้น

เป็นนางเอกคนหนึ่งที่มีข่าวค่อนข้างเยอะมาก รับมือกับข่าวที่เจอมาตลอดอย่างไงบ้าง

มินไม่ได้รู้สึกอะไรกับข่าวที่ออกมาเลย เพราะมินถือว่าดาราก็ต้องมาคู่กับข่าวอยู่แล้ว ถามตัวมินเอง มินมั่นใจว่าดาราไม่ได้อยากที่จะเป็นข่าวในทางที่ไม่ดีหรอก ยิ่งข่าวฉาวด้วยแล้ว คงไม่มีใครอยากตกเป็นข่าว แต่ด้วยหน้าที่ของเรา มีหน้าที่ตอบคำถามเมื่อมีข่าวออกมา มินจะคิดไว้เสมอว่าทุกครั้งที่มีข่าวมินจะพยายามพูดให้ชัดเจนที่สุด แต่มินเข้าใจว่าข่าวบางข่าวเป็นข่าวที่ขายได้ แต่สิ่งที่มินอยากขอหลังจากนี้ คือถ้ามีข่าวที่เกี่ยวมินไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม มินพร้อมที่จะตอบ ขอแค่เพียงอย่าเพิ่งเม้าท์ไปก่อน เพราะบางทีการทีถูกเม้าท์ไปก่อนในแบบที่ยังไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นยังไง มินเองเป็นผู้หญิง มินค่อนข้างจะได้รับผลกระทบกับเรื่องนี้พอสมควร

มีเหนื่อย ท้อ หรือรู้สึกแย่เวลาที่มีข่าว ในทางที่ไม่ดีออกมาไหม

ไม่นะ มินพยายามที่จะไม่คิดมาก จะคิดไว้เสมอ ว่าข่าวผ่านมาก็ผ่านไป ยิ่งถ้าเราตอบความจริงไปแล้ว ทุกคนก็จะเข้าใจ เพราะฉะนั้นมินจะไม่ค่อยเอาข่าวต่างๆ เก็บมาคิด และมาเป็นอารมณ์มากเท่าไหร่ จะสบายๆ จะไม่ไปซีเรียสมาก มินเองไม่ได้รู้สึกเบื่อ หรือเหนื่อยที่มีข่าว มินเองไม่เคยมองแบบนั้นเลย เพราะเราต้องรู้ว่า เมื่อเราเลือกที่จะมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว สิ่งอะไรที่อยู่ตรงนี้ เราก็ต้องรับให้ได้ เราต้องอยู่กับมัน เราจะหนีไม่ได้ หากจะหนี ทำได้ก็คือการทิ้งอาชีพตรงนี้ไป ซึ่งเรารักอาชีพนี้ เราไม่อยากทิ้งมันไป แล้วถ้าเราไม่อยากทิ้งมันไป เราก็ต้องทำใจให้สบาย และรับกับอาชีพตรงนี้ให้ได้ ยิ้มให้กับมัน เท่านั้นพอแล้ว

รู้สึกไหมว่าการมายืนอยู่ตรงนี้ เราต้องแลกอะไรหลายอย่าง

ถูกต้องที่สุด เราเลือกแล้ว เราต้องยอมแลกเรื่องส่วนตัว เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ที่เราบอกว่าเบื่อกับเรื่องนี้ ก็แปลว่าเราไม่อยากที่จะยืนตรงนี้แล้ว แต่ถ้าหากเรายังอยากที่จะมีชื่อเสียง ยังอยากจะอยู่ในวงการ จริงๆ มินว่าอย่าไปซีเรียสเลย เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอแล้ว

พอมีข่าวออกมาครอบครัวว่าอย่างไรบ้าง

ครอบครัวมินจะรู้จักนิสัยใจคอของมินอยู่แล้ว ว่าเป็นยังไง แต่เวลามีข่าวออกมา คุณพ่อก็จะมีเป็นห่วงนิดหนึ่ง เพราะมินเป็นผู้หญิง คุณพ่อก็จะบอกมินว่าพูดให้ชัดเจนมากขึ้นก็ได้ เพราะมินเองจะมีอารมณ์ที่เกรงใจพี่ๆ นักข่าว เกรงใจคนที่เราตกเป็นข่าวด้วย เราก็จะไม่กล้าพูดจาอะไรที่แรงๆ ออกไป แต่อย่างตอนหลัง มินก็จะพูดชัดมากขึ้นนะ แล้วก็จะมีประโยคเด็ดๆ ตบท้ายตลอดในตอนที่สัมภาษณ์ (ยิ้ม)

อย่างเวลาที่มีข่าวว่ากับหนุ่มๆ จะต้องมีการคุยกับดาราหนุ่มที่ตกเป็นข่าวไหม

มีคุย เพราะผู้ชายที่ตกข่าวกับมินส่วนใหญ่ เขาจะให้เกียรติเรา มินต้องบอกก่อนว่า ทุกคนที่ตกเป็นข่าวเป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นเพื่อนในวงการที่รู้จักกันทั้งนั้น ทุกคนเป็นเพื่อนที่ดีกับเรา และทุกคนที่ตกเป็นข่าว เขาจะค่อนข้างห่วงมิน เขาจะกลัวว่าเราจะซีเรียส เขาก็จะมาขอโทษที่ทำให้เราตกไปเป็นข่าวด้วย มินก็จะบอกทุกคนว่า มินไม่เป็นไร แล้วมินก็ไม่ได้ซีเรียสเลย มินเข้าใจดี เพราะนิสัยมินก็จะเป็นคนที่แฟร์ๆ อยู่แล้ว

หัวใจสาวฮอต
สถานะหัวใจของ "มิน" เป็นอย่างไรบ้าง

ต้องบอกตรงๆ เลยว่าว่าง ตอนนี้ทำงาน จริงๆ มินเป็นคนบ้างาน คนหนึ่งเลย ถามว่ามีเหงาไหม ก็มีบ้าง เวลาที่เรารู้สึกว่าไม่มีใครเลย แต่มินโชคดีมินมีครอบครัว มินมีคุณพ่อคอยให้กำลังใจมินเสมอ คนจะบอกมินว่าคุณพ่อกับคนที่จะมาดูแลหัวใจเรา สถานะไม่เหมือนกัน แต่ตอนนี้มินไม่พร้อมที่จะมีใครจริงๆ เลยไม่อยากหาเหาใส่หัวดีกว่า (หัวเราะ) แล้วปีนี้มินค่อนข้างได้รับมอบหมายหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเยอะ เราเลยต้องตั้งใจมากขึ้น ต้องโฟกัสกับงานจริงๆ อีกอย่างปีนี้มินตั้งใจว่ามินจะจบให้ได้ ตอนนี้แค่เรื่องงานกับเรื่องเรียนก็เอาเวลาของมินไปหมดแล้ว อยากทำสองเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะไปรับผิดชอบชีวิตคนอื่น


ผู้หญิงคนนี้ : "มิน" พีชญา วัฒนามนตรี
เกิด : 28 เมษายน พ.ศ. 2532 (23 ปี)
การศึกษา : กำลังศึกษาคณะ ศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ผลงานที่ผ่านมา : ละคร ปลาบู่ทอง, เรือนซ่อนรัก, บันไดดอกรัก, รักในม่านเมฆ, โบ๊เบ๊, สวรรค์สร้าง, ปางเสน่หา, ปิ่นอนงค์ ฯลฯ
ผลงานล่าสุด : หยกเลือดมังกร