Inside Dara
บอม ธนิน ขอบคุณประสบการณ์ชีวิตที่แสนหนัก แม้มีเงินร้อยล้านก็หาซื้อไม่ได้

ถ้าเอ่ยชื่อของ บอม ธนิน หลายคนคงจะจำกันได้ ว่าพระเอกคนนี้ได้แจ้งเกิดจากละครซีรีส์ชุด สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายรัชชานนท์ ที่เจ้าตัวนั้นประกบคู่กับนางเอกสาว แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ ซึ่งออกอากาศในปี 2556

ซึ่งในตอนนั้นพระเอกทั้ง 5 คนของซีรีส์เรื่องนี้โด่งดังเป็นพลุแตก แจ้งเกิดให้พระเอกหน้าใหม่กลายเป็นที่รู้จักอย่าง เจมส์ จิรายุ, เจมส์ มาร์ และ บอม ธนิน ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

เพราะความโด่งดังของซีรีส์เรื่องนี้จึงทำให้มีแฟนละครเอาชื่อของตัวละครไปตั้งเป็นชื่อของลูกๆ อย่างมากมาย

และเพราะความโด่งดัง จึงทำให้พระเอกทุกคนของซีรีส์เรื่องนี้มีผลงานละครต่อเนื่องออกสู่สายตาแฟนๆ และ บอม ธนิน ก็เช่นกัน เขาได้รับโอกาสให้เล่นละครอีกหลายเรื่องจากช่อง

เราเคยมีโอกาสได้คุยกันตั้งแต่เจ้าตัวนั้นแจ้งเกิดใหม่ๆ จากซีรีส์สุภาพบุรุษจุฑาเทพนู้น วันนี้ได้คุยกันอีกครั้ง บอมในวันวานกับบอมในวันนี้จะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหนกันนะ อันนี้แอบคิดอยู่ในใจ

บอมยังคงรูปร่างสูงใหญ่เหมือนเดิม แน่ล่ะ เวลาผ่านไป ความเป็นผู้ใหญ่ในตัวก็มีมากขึ้น วันนี้บอมพร้อมทำงานทันที ไม่ชวนพูดคุยหัวเราะก่อนทำงานเหมือนเมื่อครั้งก่อนแต่อย่างใด เมื่อบอมพร้อม เราก็พร้อม จะรออะไรกัน เปิดที่อัดเสียงและยิงคำถามแรกไปยังเจ้าตัวทันทีว่า

ทิ้งชีวิตเรียบง่าย และสงบ มาพบความวุ่นวายในวงการบันเทิง

ถ้าวันนี้บอมไม่ได้เป็นนักแสดง วันนี้คิดว่าตัวเองจะทำอะไร อยู่ที่ไหน ลองเล่าให้ฟังสิ คำถามนี้ทำเอาเจ้าตัวยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมา พร้อมกับรำลึกชีวิตของตัวเองที่เคยวางเอาไว้ก่อนจะมาเป็นนักแสดงให้ฟังว่า

"ก่อนที่ผมจะได้มาทำงานในช่อง 3 ผมเคยไปเรียนภาษาที่เคมบริดจ์ แล้วเคยแพลนชีวิตตัวเองว่าเรียนจบปุ๊บจะอยู่ที่นั่น

ผมชอบชีวิตที่นั่นมาก ความสงบที่เคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ มันสงบ ไม่วุ่นวาย แตกต่างจากกรุงเทพฯ มากเลยนะ จำได้ว่าทุกนาทีที่นั่นมีความสุขในการใช้ชีวิต เพราะมันสงบ สบาย แพลนเอาไว้ว่าจะหางานเล็กๆ ทำ มีบ้านเล็กๆ ที่นั่นอยู่ เคยมองไว้คร่าวๆ แบบนี้ (ยิ้ม)"

แต่เมื่อชีวิตมีทางให้เลือกงานนี้ จึงทำให้ บอม ธนิน ตัดสินใจทิ้งความเงียบสงบที่เคมบริดจ์ มาอยู่บนถนนสายบันเทิงที่มีแต่ความบันเทิงทุกรูปแบบรออยู่ ซึ่งบอมเล่าให้เราฟังต่อว่า

"จากนั้นผมได้โอกาสจากช่อง 3 ได้มาแคสต์ละคร และได้เล่นละคร เลยต้องเลือกว่าจะเอายังไงดีกับชีวิต จะลองเล่นดูมั้ย หรือว่าจะไปลองใช้ชีวิตในแบบที่เราคิดดู

เลยไปปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ว่าโอกาสที่ได้จากช่อง 3 มันเป็นโอกาสใหญ่มาก ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เป็นนักแสดง เรียนมาก็ไม่ตรงกับทางนี้มาด้วย แต่ดันได้โอกาสนี้มา และมันใหญ่มากสำหรับผม เพราะเหตุนี้จึงทำให้ตัดสินใจว่าจะลองดูสักตั้ง (ยิ้ม)"

คำสอนและกำลังใจจากพ่อแม่

จากนั้น บอม ธนิน เล่าให้ฟังต่อว่า ก่อนหน้าที่จะสู้ต่อในวงการบันเทิงนั้น เขาเคยท้อแท้ถึงขั้นสุดจากสายตาของทุกคนที่มองเขา เคยทำให้พระเอกคนนี้ตัดสินใจจะลาวงการ เพราะในตอนนั้นเขาไม่มีความสุขเลยแม้แต่วันเดียว ซึ่งบอมเล่าว่า

"ผมเคยคิดจะออกจากวงการบันเทิงจริงๆ มีช่วงหนึ่งที่ผมไม่มีความสุขเลย มืดแปดด้าน ตื่นขึ้นแล้วทุกข์ ไม่มีความสุขเลย เจอสายตาของคนที่มองผมมันแย่จนผมเคยพูดกับผู้ช่วยด้วยว่า ไม่ทำงานแล้วได้มั้ย อยากไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครเลย

คิดเอาไว้ว่าจะไปอยู่กับหมา อยู่กับอะไรก็ได้ที่เขาไม่ตัดสินผม ความรู้สึกตอนนั้นมันแย่มากเลย แต่ด้วยความที่ถูกปลูกฝังมาจากคุณพ่อคุณแม่เสมอว่าต้องสู้ เขาบอกว่ามันเหนื่อยได้ ท้อได้ แต่มันต้องลุกขึ้นสู้ต่อไป

เหตุการณ์ตอนนั้นที่ผ่านมา ผมก็รับมือมันไม่ดีหรอก ผมไม่ใช่คนที่รับมือกับปัญหาได้ดี เพราะผมเป็นคนซอฟต์ พ่อแม่สอนให้ผมเป็นคนซอฟต์ ยอมทุกๆ อย่าง มันเลยทำให้กว่าจะผ่านมาได้ก็ใช้เวลานาน กว่าความคิดจะเกิดการตกตะกอน (ยิ้ม)"

ประสบการณ์ชีวิตที่แสนมีค่า

เรียกว่ากว่า บอม ธนิน จะมีวันนี้ ชีวิตผู้ชายคนนี้ผ่านอะไรมากพอสมควร ชีวิตสะบักสะบอมไม่น้อย ซึ่งบอมนั้นก็รู้สึกขอบคุณที่วงการบันเทิงนี้ได้ให้ประสบการณ์ชีวิตที่มีเงิน 100 ล้านก็ไม่สามารถหาซื้อมันได้ให้เราฟังว่า

"ผมพูดตรงๆ ว่าเงินทองไม่ใช่เรื่องหลักของผม ผมไม่ได้มองชื่อเสียงว่าต้องโด่งดัง ต้องเป็นเบอร์หนึ่ง เวลาผมทำงานประสบการณ์คือสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้

ผมมีเงิน 100 ล้านก็ซื้อประสบการณ์ชีวิตไม่ได้ เพราะประสบการณ์ชีวิตคือการผ่านเรื่องราวต่างๆ มาด้วยตัวเองจริงๆ และชีวิตผมก็ได้ผ่านเรื่องราวที่หนักสุดๆ มาแล้ว

ประสบการณ์คือเรื่องของการผ่านจริง ต้องใช้เวลา นี่คือสิ่งที่มีค่ามาก และผมพยายามไม่ทิ้ง ผมพยายามเก็บมันเอาไว้ เวลาร่วมงานกับใคร ผมก็จะเก็บสิ่งที่มีค่าเหล่านั้น เพราะมันทำให้ผมโตขึ้น

แม่ผมพูดว่าไม่ว่าจะเกิดอะไร เก็บประสบการณ์มานะลูก แรกๆ แม่พูดผมไม่เข้าใจนะ พอเวลาผ่านมาเรื่อยๆ ผมก็เข้าใจว่ามันดีจริงๆ เงินซื้อได้ทุกสิ่ง แต่เงินซื้อประสบการณ์ไม่ได้

พอประสบการณ์มันหนัก จะมีสักกี่คนที่จะเจอแบบผม แต่ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นบนโลก มันจะผ่านมา และหมดไป ผมผ่านตรงนั้นมาแล้ว ผมจำโมเมนต์ตอนนั้นได้ว่ามันแย่ พลังงานลบเยอะมาก มันเปลี่ยนผมไปเยอะมากเหมือนกัน

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ความฝันของผมเปลี่ยนไป ฝันผมยังอยู่ คือการที่โตมาแล้วผมอยากเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่เข้าใจเด็กๆ แล้วสิ่งเหล่านี้ผมยังเป็นอยู่ ผมรู้ว่าเด็กๆ ชอบผู้ใหญ่ที่มีลักษณะแบบไหน ผมก็ยังเป็นแบบนั้น ผมดีใจที่เรื่องเลวร้ายที่ผมเจอไม่ได้พรากความฝันของผมทิ้งไป"

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : sathit chuephanngam

ช่างภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย