Inside Dara
ชีวิตที่ไม่อิงฟ้าของซูเปอร์สตาร์'บี้-สุกฤษฏิ์'

ครองตำแหน่งขวัญใจมหาชนมาตลอดตั้งแต่เข้าวงการมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว สำหรับ "บี้- สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว" จนถูกยกว่าหนุ่มคนนี้จะก้าวขึ้นแท่นซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งคนใหม่ของเมืองไทย ซึ่งคงไม่มีใครปฏิเสธว่าตอนนี้หนุ่ม "บี้" คือหนุ่มที่แฟนๆ เทใจให้แบบไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะดูจากผลงานล่าสุดอย่างเพลง "ณ บัดนาว" และ "คนเดิมของเธอ" ที่ปล่อยออกมา หลังจากที่หนุ่มบี้เว้นวรรคขอลาพักร้อนไปนานกว่า 4 เดือน แต่กลับมาแฟนๆ ยังโกยคะแนนความนิยมให้เหมือนเดิม แต่อะไรทำให้หนุ่มคนนี้ติดลมบนได้ขนาดนี้


ลักกี้อินเกม
หลังจากหายไปนานตอนนี้กลับมาพร้อมกับเพลงใหม่ที่ฮิตเหมือนเดิมอย่าง “ณ บัดนาว” เป็นไงบ้าง

กระแสตอบรับดีมากอย่างเพลง ณ บัดนาว ตอนที่ปล่อยออกมาแค่ประมาณ 2-3 อาทิตย์ แต่ยอดวิวในเว็บไซต์ยูทูบขึ้นไปหลายล้าน ยอดดาวน์โหลดและติดชาร์ตเพลงก็ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งทั่วประเทศอยู่หลายสัปดาห์ ซึ่งต้องบอกเลยว่าดีมากๆ อย่างเพลง ณ บัดนาว ผมได้มีโอกาสได้ทำเพลงในสไตล์ใหม่ที่มีการใส่ดนตรีสด และมีการใช้เพลงเก่าอย่างเพลงลาวดวงเดือนมาผสม เพื่ออยากให้แฟนเพลงของผม ที่เป็นแฟนเพลงกลุ่มที่มีอายุมากหน่อยได้ฟังแล้วหวนคิดถึงวันเก่าๆ แต่ในเพลงนี้ยังสอดแทรกใส่ความทันสมัยให้แฟนเพลงกลุ่มวัยรุ่นในท่อนที่ว่ากดไลค์เลย เรียกว่าผสมผสานหลายอย่างเพื่อให้ได้ความลงตัว และเข้าถึงแฟนเพลงทุกกลุ่มทุกเพศทุกวัยมากที่สุด


มาถึงเพลงที่สอง “คนเดิมของเธอ” ที่มีหลายคนบอกว่าเพลงนี้ฟังครั้งแรกแทบไม่รู้เลยว่าเป็น“บี้”

ใช่ มีหลายคนพูดแบบนี้เหมือนกัน เพราะเพลงนี้มีการร้องอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นสไตล์อาร์แอนด์บี ที่ผมไม่เคยร้องมาก่อน แถมเพลงนี้ยังต้องมีการโชว์ลูกเอื้อนเยอะมาก คีย์เพลงก็สูง ต้องใช้เวลานานเหมือนกันที่ต้องค่อยๆ ปรับค่อยๆ แก้ให้ลงตัวมากที่สุด ถามตัวผมเองผมชอบนะ ที่มีคนมาบอกว่าฟังเพลงนี้แล้วไม่เหมือนเพลงก่อนๆ ของผม เพราะมันให้ความรู้สึกว่าเราพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง และเราอยากให้ทุกคนได้ฟังเพลงนี้มากๆ ต้องบอกเลยว่างานเพลงในอัลบั้มนี้ ผมและทีมงานละเมียดละไมมาก ค่อยๆ ทำ มีการเรียนร้องเพลง เรียนเต้นเพิ่ม เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ดีที่สุดให้แฟนๆ


นอกจากงานเพลงล่าสุดเห็นว่า “บี้” ก็จะมีละครเวทีด้วย

มีละครเวทีเรื่อง “รัก/จับ/ใจ เดอะ โรแมนติก มิวสิคัล” ที่เล่นกับน้องหนูนา (หนึ่งธิดา โสภณ) จริงๆ ผมกับหนูนาเคยเล่นละครเวทีด้วยกันมาแล้วตอนบัลลังก์เมฆ ครั้งนี้กลับมาร่วมงานกันอีก ตอนนี้อยู่ในช่วงเริ่มซ้อมบ้างแล้ว เริ่มศึกษาบท ดูรายละเอียดเรื่องการร้องการเต้น บทในเรื่องนี้ผมรับบทเป็นนักร้องหนุ่มที่เจ้าชู้มาก จนที่บ้านของหนูนาไม่ชอบและเกลียดที่ผมเป็นดาราเจ้าชู้ แต่ดันเกิดอุบัติเหตุทำให้ผมกับหนูนาได้มาเจอกัน แต่อุบัติเหตุเป็นอะไรต้องรอติดตามกัน (ยิ้ม)


ผลงานกำลังทยอยออกมา เพราะ 3-4 เดือนก่อน “บี้” หายไปเลย คือลาพักร้อนยาวเลยว่างั้น

ผมทำงานมา 5 ปีกว่า ไม่เคยได้พักนานขนาดนี้มาก่อน พอมันมาถึงจุดหนึ่งแล้ว ผมเลยเข้าไปขอเจ้านาย (“บอย” ถกลเกียรติ วีรวรรณ) ตรงๆ ว่าขอเถอะผมขอพักหน่อย เจ้านายก็โอเค ส่วนที่คนมองว่าเรากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่กลับเว้นวรรคไป ตัวผมเองมองว่าเรื่องของความนิยม ความขึ้นหรือลงตามกระแสเป็นเรื่องที่ผมกำหนดไม่ได้ แต่สิ่งที่ผมกำหนดได้คือเรื่องของคุณภาพงาน ทั้งการร้องการเต้น การแสดง หรือการดูแลตัวเอง ผมเองไม่ค่อยสนใจเรื่องของชื่อเสียง เรื่องของความดัง แต่เรามายืนตรงนี้เพราะความที่เราชอบในการร้องเพลง ชอบในการแสดง ชอบที่จะทำให้ผู้คนมีความสุข เรื่องของชื่อเสียง ความดังเป็นแค่ผลพลอยได้ที่ตามมาเท่านั้น


โลกของซูเปอร์สตาร์

ชีวิตปกติของ “บี้” เป็นยังบ้าง เริ่ดหรูสมกับที่เป็นซูเปอร์สตาร์หรือเปล่า ชีวิตผมเป็นชีวิตปกติมาก อย่างช่วงที่ได้พักผ่อนยาวๆ ก็ไปเที่ยวกับเพื่อน หรือไม่ก็อยู่บ้าน ทำงานบ้านต่างๆ เหมือนที่คนปกติทำ อาจไม่ปกติเหมือนคนอื่นๆ บ้าง คงแค่เวลาไปไหนมาไหน ที่อาจจะมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปบ้าง ขอจับมือบ้าง แต่สำหรับผมแล้วมันเป็นความสุขอีกแบบ เหมือนเราได้รู้จักคนมากขึ้น ซึ่งผมเองก็ไปไหนมาไหนเหมือนคนอื่นๆ คืออยากไปซื้อของก็ไป อยากไปดูหนังก็ไป ไปกินข้าวข้างนอก กินข้าวข้างทาง ถ้าอยากที่จะทำก็ทำ จะบอกยังไงดี ชีวิตผมก็ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ (ยิ้ม) เรามีอารมณ์อยากเที่ยว เราก็หวงชีวิตเหมือนกัน เดี๋ยวอายุมาก แก่ไปจะมานั่งนึกย้อนว่าสมัยวัยรุ่นไม่เที่ยว เพื่อนไปไหนจะบอกเลยว่าให้เอาเราไปด้วย


การที่เป็น “บี้ เดอะสตาร์” แบบนี้เรื่องของการเที่ยวต้องระวังตัวมากขึ้นไหม

พี่บอย จะบอกเลยว่าเราสามารถใช้ชีวิตปกติได้ แต่ต้องคิดไว้เสมอว่าอย่าทำอะไรที่มันผิดกฎหมาย ผิดต่อคนอื่น หรืออย่าซุกซนให้มากนัก คืออะไรที่มันไม่ดีอย่าไปทำ พี่บอยจะบอกว่าการที่เราได้ชีวิตเหมือนคนปกติ จะช่วยในเรื่องของการแสดง เพราะจะเป็นการเปิดโลกของเราให้กว้างขึ้น ส่วนตัวผมเองไม่ได้เป็นคนเกเรอะไรมากมายอยู่แล้ว มันเลยไม่จำเป็นที่จะต้องมาตีกรอบว่าห้ามทำนั่น ห้ามทำนี่ ในตัวของเราทุกคนมีความซุกซนอยู่แล้ว แต่แค่เล็กๆ น้อยๆ แต่ที่จะถึงขั้นที่ว่าทำอะไรผิดกฎหมาย ฆ่าคนตาย ติดยาเสพติด ซึ่งเรื่องนั้นเราไม่ทำอยู่แล้ว เราซุกซนก็แค่ตามประสาวัยรุ่น แต่จะให้ว่าทำตัวดีเกินไป เรารู้สึกว่าเราก็คงไม่ใช่ขนาดนั้น (ยิ้ม)


มีกฎข้อห้ามในฐานะซูเปอร์สตาร์ว่า “ห้ามมีแฟนไหม”

เรื่องห้ามมีแฟนไม่มี เราสามารถมีได้ แต่แค่ต้องอยู่ในกรอบที่ถูกต้อง อย่าเลอะเทอะ อย่าเสียงาน จริงๆ การมีแฟนเป็นส่วนช่วยในงานด้วยซ้ำ เพราะจะพัฒนาอารมณ์ความรู้สึกของเรา ในเรื่องของการแสดงให้เข้าใจและได้สัมผัสอารมณ์ความรักมากขึ้น เป็นการพัฒนาจิตใจด้วย ในสมัยนี้การที่ศิลปินดาราจะมีแฟนเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ไม่ใช่ว่าเรามีแฟนแล้วไปทำเรื่องเสียหาย นอกลู่นอกทาง แต่ถ้ามีแล้วดูแลกันไปดีๆ ก็โอเค


งั้นขอถามถึงลีลาการจีบสาวของ “บี้” หน่อยว่าเป็นยังไง

ผมเหมือนผู้ชายปกติ (ยิ้มเขิน) คือถ้าเจอผู้หญิงน่ารักๆ สวยๆ ก็แอบมอง แอบยิ้มให้บ้าง หรือถ้าถูกใจ ก็จะให้เพื่อนไปขอเบอร์มาให้ ให้ไปสืบมาให้ว่าเป็นใครมาจากไหน (เขินหน้าแดง) แต่จะให้เข้าจีบ ผมคงไม่กล้า อีกอย่างกลัวหน้าแตก เพราะไม่ใช่ว่าเราเป็นศิลปินเป็นดาราแล้วจะไปจีบผู้หญิงเขา แล้วเขาจะสน มันคงไม่ใช่ เพราะฉะนั้นขอมองห่างๆ แบบห่วงๆ ดีกว่า (ยิ้ม)


ตอนนี้ใครๆ ก็เรียกบี้ว่า “ซูเปอร์สตาร์” ตัวบี้เองรู้สึกยังไง

เราเองไม่สามารถไปบอกใคร หรือไปห้ามใครให้เรียกเราแบบนั้นแบบนี้ได้ สำหรับผมแล้วใครจะเรียกผมว่าอะไรก็ได้ เรียกนั่นโน่นนี้ เรียกได้หมดเลย อยู่ข้างนอกผมอาจเป็นบี้ เดอะสตาร์ แต่เมื่อไหร่ที่กลับบ้านผมก็เป็นไอ้ลูกบี้ เป็นเจ้าบี้ ของพ่อของแม่ของเพื่อนของทุกคนที่อยู่รอบตัวผม แต่ผมก็ขอบคุณทุกคนที่ให้เกียรติผม (ยกมือไหว้) แต่ยังไงผมก็ยังเป็นคนธรรมดา มีชีวิตสบายๆ เพราะการเป็นซูเปอร์สตาร์ไม่ใช่ว่าใครจะมาเป็นได้ ต้องใช้ผลงานเยอะมาก ต้องได้ความรักและการยอมรับจากทุกๆ คนเยอะมาก ของแบบนี้ต้องใช้เวลา ผมอยู่ในวงการนี้มา 5 ปี บางคนอาจบอกว่านาน แต่คนที่จะเป็นซูเปอร์สตาร์จะต้องอยู่ในวงการมามากกว่านี้ เพื่อพิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยอมรับอย่างพี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย์) หรือพี่นก (สินจัย เปล่งพานิช) ซึ่งผมยังไม่ถึงในตรงนั้น


ชีวิตมายา
อยู่ในวงการนี้มา 5 ปี “บี้” เป็นคนหนึ่งที่โดนข่าวมาหมดแล้ว ถูกจัดหนักตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาด้วยซ้ำ

ตั้งแต่วันแรกจนมาถึงวันนี้ ตัวผมเองเป็นคนที่สนุกสนาน ผมจะเล่าให้ฟังตอนเจอข่าวแรกๆ ช่วงที่เข้าวงการใหม่ๆ ผมจะเก็บหนังสือทุกเล่ม เก็บข่าวทุกข่าวที่ผมลงไว้ เพราะตอนนั้นผมรู้สึกว่าพอเราได้เปิดเจอตัวเราในหนังสือ มันรู้สึกเจ๋ง ที่ว่าเรามีส่วนร่วมในหนังสือเล่มๆ นั้นด้วย (ยิ้ม) เพราะในหนังสือแต่ละเล่มจะมีข่าวของศิลปินดาราอีกหลายคน ถึงแม้ในข่าวจะโดนด่า แต่เราได้ลงหนังสือเล่มเดียวกับอั้ม-พัชราภา, ชมพู่-อารยา มันเจ๋งมากอ่ะ มันรู้สึกสนุกดี เราก็เก็บหนังสือเหล่านี้ไว้ แต่พอเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เราเริ่มเก็บไม่ทันแล้ว ตอนนี้เลยไม่ได้เก็บแล้ว แต่มีแฟนคลับที่เก็บเอามาให้บ้าง (ยิ้ม)


เจอข่าวเยอะมากมีข่าวไหนที่ทำให้ “บี้” รู้สึกเครียดมากที่สุด

ผมบอกตรงๆ เลยนะว่าผมเองไม่ได้เครียดเลย ไม่ว่าจะเจอข่าวแบบไหน เพราะผมเชื่อว่าแฟนๆ หรือใครก็ได้ตามที่อ่านข่าว ทุกคนมีวิจารณญาณของแต่ละคน ข่าวบันเทิงก็คือข่าวบันเทิง คนที่เขาเสพข่าวเขาไม่ได้เสพข่าวของเราแค่คนเดียว เขาเสพข่าวของคนอื่นด้วย เพราะฉะนั้นคือไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่มีข่าว คนอื่นก็มี ผมว่ามันเป็นเหมือนส่วนหนึ่งที่เข้ามาในชีวิต ที่มันก็ทำให้ชีวิตเรามีสีสันขึ้น (ยิ้ม) แต่ผมจะเป็นห่วงและเกรงใจคนที่ต้องตกมาเป็นส่วนหนึ่งในข่าวกับผมมากกว่า


รักแบบไม่ต้องแอบรัก
ความรักของซูเปอร์สตาร์อย่าง “บี้” ดูจะถูกจับตามอง โดยเฉพาะกับ “อิงฟ้า ดำรงชัยธรรม” ทายาท “อากู๋ แกรมมี่”

ผมต้องบอกก่อนว่าคือเราสองคนรู้จักกัน เป็นเพื่อนสนิทกัน ผมเองไม่ได้กังวลที่มีข่าว แต่ผมเกรงใจ เกรงใจน้องอิงฟ้า เกรงใจคุณพ่อ (“อากู๋” ไพบูลย์) เพราะพอเป็นข่าวก็มีคนไปถามคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อเป็นเจ้านายของเจ้านายของผม ขึ้นไปสองขั้นเลย (ยิ้ม) มีข่าวกับเจ้านายตัวเองก็แย่แล้ว นี่เจ้านายของเจ้านายอีก โอ้ว!! (ยิ้มแหยๆ) พอเจอหน้าก็ทำได้แค่สวัสดีครับ เพราะไม่รู้จะว่ายังไง (ยิ้ม) ผมเกรงใจ เพราะผมเป็นพนักงานในบริษัท ผมให้ความเคารพกับท่าน เพราะท่านเองก็ให้เกียรติในการทำงานของเรา ไม่ได้เข้ามาวุ่นวาย เลยทำให้เราเกรงใจแทนที่ท่านจะได้ตอบคำถามเกี่ยวกับงานในโปรเจกท์ใหม่ๆ ของบริษัทแต่ต้องมาตอบคำถามในเรื่องของเรา คือถ้าจะมีข่าวอะไร จะแย่แค่ไหนให้มาที่ผมคนเดียวดีกว่า ผมตอบให้ได้เลย


แล้วตอนนี้เรียกว่า “บี้” เจอคนที่ใช่ที่ถูกใจแล้วหรือยัง

ณ ตอนนี้ผมบอกได้เลยว่ายังไม่เจอ ผมเองเหมือนคนทั่วไป อยากจะมีใครสักคน อยากจะมีแฟน แต่ด้วยงานของเราตรงนี้เป็นเรื่องยากที่จะหาใครสักคนที่จะเข้ามาแชร์ชีวิตเราในตรงนี้ เพราะผมเองไม่สามารถที่จะตอบได้ว่าผมจะดูแลเขา มีเวลาให้เขา หรืออยู่ข้างๆ เขาได้อย่างที่เขาต้องการหรือเปล่า การมีใครสักคนมันไม่ยาก แต่การที่จะดูแลเขาให้อยู่ตลอดไปกับเรามันยาก ผมเองไม่อยากจะดึงใครเข้ามาทั้งที่ผมอาจดูแลเขาไม่ได้ แต่ถามว่าตอนนี้มีใครไหม ผมเองมีคนที่คุยๆ กัน แต่อยู่ในฐานะของเพื่อนแค่นั้น แต่ถ้าวันหนึ่งที่ผมพร้อมและรู้สึกว่าผมสามารถที่จะดูแลใครหรือให้เวลากับเขาได้ ผมอาจจะมีคนนั้น และรับรองต้องบอกแน่นอน (ยิ้มเจ้าเล่ห์)


ยิ่งรู้จักยิ่งหลงรักหนุ่มคนนี้จริง....จริ๊ง


หนุ่มคนนี้ : "บี้" สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว

เกิด : 4 กันยายน พ.ศ. 2528

ผลงานเพลงที่ผ่านมา : อัลบั้ม "Love Scenes, I Love You Too, Hug Bie, รักนะคะ, It's Alright"

ผลงานการแสดง : ซิทคอมนัดกับนัด, รอยอดีตแห่งรัก, หัวใจศิลา, พระจันทร์สีรุ้ง, ดอกรักริมทาง, ข้ามเวลาหารัก, ละครเวที บัลลังก์เมฆ เดอะมิวสิคัล ละครเวที ข้างหลังภาพ เดอะมิวสิคัล

ผลงานล่าสุด : ซิงเกิ้ลใหม่เพลง "ณ บัดนาว-คนเดิมของเธอ" และละครเวที "รัก/จับ/ใจ เดอะโรแมนติกมิวสิคัล"
“แอน สิเรียม” เผย “นนนี่” เรียนจบปีนี้ อัดคนถามเรื่องลูกท้องควรมีมารยาท

“แอน สิเรียม” ลั่นยินดีรับบทแม่ แย้มมีผู้จัดติดต่องานมากมาย แต่ตอนนี้อยากทำธุรกิจมากกว่า เผย “นนนี่” เรียนจบปีนี้เตรียมบินกลับไทย ย้ำ ลูกสาวไปเรียนอังกฤษไม่ใช่เพราะท้อง ซัดตนชี้แจงเรื่องนี้หลายรอบแล้ว ไม่รู้จะต้องตอบยันอายุ 60 ปีเลยหรือเปล่า

หันหลังให้วงการบันเทิงไปทำธุรกิจเต็มตัว สำหรับอดีตนางเอกชื่อดัง “แอน สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์” ล่าสุด เจ้าตัวจัดงาน Grand Opening Slimming Plus ที่เมเจอร์ รัชโยธิน แอนก็เลยเผยถึงชีวิตปัจจุบันว่า นอกจากจะยุ่งกับการทำธุรกิจแล้ว ส่วนหนึ่งตนต้องแบ่งเวลาไปดูแลลูกสาว “นนนี่ นนลนีย์ โอแกน” ที่ตอนนี้เรียนอยู่ประเทศอังกฤษด้วย

“ที่ผ่านมา แอนก็ทำงานอยู่เบื้องหลังมาตลอดอยู่แล้ว ช่วงนี้ก็ไปๆ มาๆ ประเทศไทย ประเทศอังกฤษ คราวนี้ก็กลับมาได้สักพักแล้ว เพราะช่วงนี้ลูกสาวก็ค่อนข้าวจะดูแลตัวเองได้คล่องเก่งกว่าแม่แล้ว จริงๆ งานในวงการก็เป็นอะไรที่เราคิดถึงอยู่ตลอด แต่เราก็ยังหาบทที่เหมาะสมกับเราหรือเวลาที่เราสามารถบริหารได้อย่างลงตัวควบคู่กันไปไม่ได้ จริงๆ ก็พอมีติดต่อมาบ้างนะคะ แต่เราเองก็ยังไม่ได้ตกลงกับใคร”

“เรื่องทาบทามพิธีกรจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านไหนก็คงเหมือนกัน กับทางเวิร์คพ้อยท์นี่ยังไม่มีติดต่องานกันเลยค่ะ พอดีแอนเองก็ยังยุ่งกับธุรกิจอยู่แล้ว เราเองก็ค่อนข้างที่อยากศึกษางานตรงนี้อย่างละเอียด หาเทคนิคใหม่ๆ เข้ามา แอนว่าชีวิตคนเราจริงๆ ไม่มีอะไรมาก จะมีเรื่องงาน ครอบครัว และตัวเอง”


เรียกว่าทิ้งวงการหันมาเอาดีทางด้านธุรกิจแล้วเลยหรือเปล่า?

“ต้องเรียนว่าที่ผ่านมาทำอย่างเต็มตัวค่ะ คือ เราต้องค่อนข้างลงลึกศึกษางานอย่างเต็มตัว แอนเองดูทั้งเรื่องของโฆษณา และการตลาดเองด้วย ก็คงจะให้ตรงนี้อยู่ตัวก่อน แอนคิดว่าถ้าธุรกิจมันอยู่ตัวแล้ว เราก็อาจจะมีเวลามากขึ้น ยังไงบทแม่ก็ยังรอเราอยู่ แอนไม่ซีเรียสกับบทที่จะต้องเป็นแม่หรืออะไรนะ แค่อยากบริหารจัดการให้มันตรงกับชีวิตเท่านั้นเอง เพราะเราเองไม่ได้เป็นเด็กๆ แล้ว ฉะนั้นความนิ่ง ความคิดอะไรต่างๆ มันก็เปลี่ยนไป เราก็เป็นตัวของเราเองมากขึ้น อยากทำในสิ่งที่เราฝันไว้ นี่เป็นสิ่งที่เราฝันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว”


แย้มเตรียมพาลูกสาว “นนนี่” มาโชว์ตัวกับสื่อในช่วงปิดเทอมสิ้นปีนี้

“ก็เหมือนคนทั่วไปตื่นมาหาข้าวทาน ดูแลลูกปกติก็เรียกว่าชีวิตก็เรียนรู้ไปกับลูกด้วย เพราะถ้าเราอยู่เมืองไทยชีวิตเราเองก็ค่อนข้างจะได้รับการดูแลดี พอเราไปอยู่ที่อื่นก็ต้องช่วยเหลือตัวเองมากขึ้น ต้องทำกับข้าวให้ลูก มีเวลาให้ตัวเองออกกำลังกายบ้าง นนนี่เอง สิ้นปีนี้ก็จะเรียนจบแล้ว ก็คงต้องพามาโชว์ตัวก่อน ช่วงนี้เขาค่อนข้างสูง ก็คิดว่าปิดเทอมใหญ่นี่ก็คงจะพากลับมาเมืองไทย แต่จะอยู่เลยรึเปล่านี่ก็ไม่รู้ แอนตอบแทนลูกไม่ได้ แต่ถ้าลูกอยากเรียนที่นั่นก็โอเค เราก็ต้องสนับสนุนเขา”


แย้มมีหนุ่มๆ เข้ามาจีบลูกสาวบ้างตามประสาวัยรุ่น

“ก็ตามประสาวัยรุ่นค่ะ เราเองก็ต้องคอยดูแลเขา เราไม่ได้ปิดกั้น แต่ก็บอกให้เขารับผิดชอบตัวเอง แอนถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่เราจะได้ฝึกเขาไปในตัว แอนบอกกับลูกเลยว่า เราได้อยู่ได้เกิดที่เมืองไทยนี่เป็นอะไรที่สุดยอดและสบายที่สุดแล้ว ก็อยากให้เขามีประสบการณ์เพิ่มเติมจากการมาเรียนที่นี่”


ย้ำลูกสาวหนีไปเรียนประเทศอังกฤษไม่ได้เพระตั้งท้องในวัยเรียนตามข่าวลือ ซัดตนชี้แจงเรื่องนี้หลายรอบแล้วไม่รู้จะต้องตอบยันอายุ 60 ปีเลยรึเปล่า

“กับคำถามเดิมๆ ประเด็นนี้แอนเองชี้แจงหลายครั้งแล้ว แอนเองไม่อยากจะพูดซ้ำ ก็น่าจะจบไปได้แล้ว นี่จะต้องถามกันยันแอนอายุ 60 เลยรึเปล่า ก็บอกไปแล้วว่ามันไม่เป็นความจริง ก็ไม่เป็นความจริง เอาจริงๆ สื่อเอง หรือคนอื่นๆ เองก็น่าจะมีมารยาท เพราะเราก็ตอบแทนลูกเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว เพราะลูกเองก็อยู่ในการปกครองของเรา เราเป็นแม่เรารู้ดีที่สุด ก็ยืนยันว่ามันไม่เป็นความจริง จะให้พูดอีกสักกี่ครั้ง อย่าทำให้มันบั่นทอนสุขภาพชีวิตเลย เราเองต้องเดินไปข้างหน้า”


เผยตอนนี้ไร้คนรู้ใจ รับมีหนุ่มมาจีบบ้าง แต่ตนสนุกกับชีวิตการทำงาน

“ไม่จริงเลยค่ะ คนรู้ใจนี่มีจริงมีหลายคน ทั้งแม่ทั้งลูก ส่วนคนมาจีบก็พอมีบ้าง แต่เราก็ไม่ได้ถึงกับเซย์โนอะไรนะ ถือว่าชีวิตนี้เป็นของเรา เราก็ต้องบริหารจัดการของเราก่อน อาจจะด้วยตอนนี้ตัวเราโฟกัสไปที่การทำธุรกิจด้วยมั้งคะ แอนรู้สึกว่ามันเป็นงานที่ท้าทาย เพราะเราเองก็จบมาทางด้านนี้ พอมาทำตรงนี้เต็มตัวก็รู้สึกสนุกที่ได้ใช้สิ่งที่เราเรียนมาสร้างงาน สร้างรายได้”

'มิน'ปลื้ม'เวียร์' สเปกเลย "รูปหล่อ" กล้ามใหญ่

เป็นนางเอกสาวที่ “ปากตรงกับใจ” ที่สุด ล่าสุด มิน–พีชญา วัฒนามนตรี เล่นละคร “ปิ่นอนงค์” ประกบคู่กับพระเอกหนุ่ม เวียร์–ศุกลวัฒน์ ปรากฏว่ามีรูปในอินสตาแกรมคู่กันบ่อยเลยมีข่าวกุ๊กกิ๊กนอกจอ งานนี้ มิน รีบ เคลียร์ในงาน “ลีวายส์ เคิร์ฟ ไอดี เกิร์ล ชาเลนจ์ 2012” ที่สยามพารากอนว่า


“เรื่องพี่เวียร์จีบเหรอไม่มี พี่เวียร์เป็นคน เทกแคร์ อบอุ่น เค้าน่ารักกับ ทุกคนในกอง”


มีก้อร่อก้อติก มินมั้ย?

“ไม่มี พี่เวียร์เค้าก็หยอกเล่นตามประสา เค้ารุ่นใหญ่แล้ว”


พี่เวียร์มีพูดเรื่องข่าวบ้างมั้ย เพราะ ก่อนหน้านี้ก็มีคนถามเรื่องนี้กับพี่เวียร์แล้ว?

“ไม่เลย พี่เวียร์ไม่ได้พูดเลย”


พี่เวียร์ตรงสเปกมินมั้ย?

“ก็สเปกนะ เค้าหล่อ กล้ามโต เป็นคนขอนแก่นเหมือนกันด้วย”


มีเคลิ้มๆมั้ย?

“ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นมากกว่า เพราะตอนนี้ก็คิดเรื่องเรียนกับ มากองถ่าย ก็มีความสุขดี เจอพี่ๆก็ได้เล่นกันสนุกสนาน


กับพี่เวียร์” มีแฟนคลับเชียร์มั้ย?

“ก็มีนะ แฟนคลับก็เชียร์ว่าคู่นี้น่ารัก แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของงานค่ะ”


จะมีโอกาสเป็นเรื่องจริงได้มั้ย?

“มินว่าต้องติดตามต่อไป”


ไม่หวั่นไหวบ้างเหรอ?

“มินก็รู้สึกดีนะ เพราะว่าพี่เวียร์เองก็เป็นผู้ชายที่สาวๆหลายคนจับจ้องอยู่แล้ว แต่เหมือนเป็นพี่น้องกันมากกว่า”


นอกกองคุยกันบ่อยมั้ย?

“ไม่ค่อยค่ะ มีนิดหน่อยเอง บางทีก็โทร.ถามกันว่าไปกี่โมงมากกว่า”


มีหนุ่มๆอื่นคุยด้วยมั้ย?

“ก็มีบ้าง แต่ก็ไม่ได้สม่ำเสมออะไร”


เป็นเพราะเราไม่โฟกัสเรื่องนี้ รึป่าว?

“มินถ่ายละครก็เน้นทำงานกับเรียนมากกว่า ไม่ค่อยได้คุย จังหวะไม่ดี”


ตอนนี้ยืนยันว่าโสดมั้ย?

“โสดค่ะ”.

รักล้นทรวง “นาวิน ต้าร์” ประกาศจะแต่งกับ “พลอย” ชัวร์ แต่ยังไม่รู้เมื่อไหร่

“นาวิน ต้าร์” ประกาศจะแต่งงานกับ “พลอย” แต่ยังไม่รู้เมื่อไหร่เพราะต่างคนต่างงานยุ่ง สุดหวานให้แหวนแทนใจพลอยเพื่อให้รู้ว่าจะเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดไป ส่วนเรื่องที่แฟนสาวทะเลาะกับ “วู๊ดดี้” เจ้าตัวให้กำลังใจเสมอไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิดก็จะอยู่เคียงข้าง

เป็นอีกหนึ่งคู่รักของวงการที่หลายคนต่างลุ้นอยากให้มีข่าวดีเสียที สำหรับ “ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล” กับ “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” แต่ทั้งคู่ต่างก็ยังไม่มีแพลนแต่งงานเหมือนคู่รักคู่อื่น อย่างไรก็ตาม หนุ่มต้าร์ ได้ออกมาแจงว่า งานแต่งกับสาวพลอยต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ไม่สามารถฟันธงได้ว่าเมื่อไร เพราะต่างงานเยอะกันทั้งคู่ รับเป็นความคิดที่อยู่ในใจตลอดเวลา และก็มีพูดคุยเรื่องนี้กันบ้าง

“คิดว่าก็คงต้องมีแน่ๆ ครับ แต่ว่ายังบอกไม่ได้ว่าเป็นเมื่อไร เรียกว่าเป็นความหวังและเป็นความคิดที่มีอยู่ในใจเสมอ แต่ก็บอกไม่ได้จริงๆ ว่าเมื่อไร (หัวเราะ) แต่ก็มีคุยๆ กันบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นที่วางแผนว่าต้องเป็นตอนไหน คือผมเองจะพยายามทำให้ดีที่สุด แล้วก็จะพยายามดูแลหัวใจของคนที่เรารักให้เขาพร้อม ถ้าถึงเวลานั้นก็คงไม่รอที่จะมาบอกกับทุกคน มันเป็นเรื่องที่น่ายินดี ตอนนี้ถ้าถามก็คงตอบไม่ได้จริงๆ คือตอบได้เท่านี้ครับ”

“ผมไม่เคยวางแพลนว่าจะต้องแต่งงานภายในกี่ปี มันอาจจะเป็นสาเหตุมั้งที่ทำให้ไม่รู้สักที เพราะว่าไม่ได้วางแผนสักที แต่ผมเชื่อว่าของแบบนี้บางทีมันไม่จำเป็นต้องมานั่งบอกว่านี่เป็นโครงการของเรานะ ต้องทำอย่างนี้ในเวลานี้ แต่ผมคิดว่ามันถึงเวลาเมื่อไรก็เป็นเมื่อนั้นครับ แต่ในขณะนี้ทั้งตัวผมแล้วก็ตัวน้องพลอยเองก็ยังทำงานกันเยอะมาก แล้วมันเป็นไปไม่ได้ เพราะต่างคนต่างต้องทำงาน แล้วก็ยังยุ่งอยู่มากพอสมควร อยากให้เวลานั้นเป็นที่เราสองคนสบายๆ และรีแลค มีเวลามานั่งคิดเรื่องเกี่ยวกับว่าเราจะจัดงานนี้เพื่อเพื่อนและผู้ใหญ่ ที่จะมาร่วมแสดงความยินดีกับอนาคตของพวกเรายังไงแต่ในตอนนี้คือมันยังเป็นไปไม่ได้ครับ”

ส่วนเรื่องที่ให้แหวนแทนใจกับ “พลอย” ไม่ใช่การตีตราจอง แต่เป็นคำตกลงว่าจะมีอยู่อย่างนั้นตลอดไป

“ครับ ก็คงตามประสาคนที่รักกัน เรามีอะไรก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน บางครั้งสิ่งที่เรากระทำมันเป็นข้อตกลงที่จะมีอยู่โดยไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น แล้วบางอย่างมันไม่จำเป็นต้องให้คำสัญญาหรือให้ความมั่นใจ แต่ว่าเรากระทำไปเพราะว่าจากนี้เราคงทำอย่างอื่นไม่ได้อีกแล้ว ก็เป็นธรรมชาติปกติ แต่ไม่ได้พยายามทำให้ดูหวานขนาดนั้น แหวนที่ให้ก็เป็นเหมือนเครื่องแทนใจ แล้วก็เหมือนเป็นคำตกลงว่า จะมีอยู่เป็นอย่างนั้นตลอดไป”

“คงไม่ถึงขนาดตีตราจองครับ ตัวผมคงจะไปจับจองใครไม่ได้ แต่ว่ามันอยู่ที่ว่าเขาจะยอมเป็นคนของเราตลอดไปหรือเปล่า มันอยู่อย่างนั้นมากกว่า คือเราทำไม่ได้หรอก ผมว่าแหวนเหมือนเป็นตัวแทนเรามากกว่า ให้เขานึกถึงเราตลอดเวลา แต่ไม่ถึงกับต้องใส่ตลอดครับ ใส่ๆ ถอดๆ ได้ ผมไม่ถือ”

“ก็อยากให้ทุกคนที่มีความรัก ไม่ว่าจะเป็นความรักในรูปแบบไหนก็ตาม ถ้ามีสิ่งดีๆ ที่ทำให้คนรักเราได้ก็ทำเถอะ เพราะว่าบางครั้งที่เขาไม่อยู่กับเราแล้ว สถานะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแล้วจะมานั่งเสียดายว่าตอนนั้นทำไมไม่ทำ ผมรู้สึกว่าเราคิดยังไงทำยังไงก็แสดงออกไปเต็มที่ แล้วก็ทำให้เขามีความสุขแค่นั้นก็พอครับ”

ส่วนกรณีที่ “พลอย” ตกเป็นข่าวทะเลาะกับ “วู๊ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา” เพราะไม่ไปร่วมงานเกิดอวอร์ดนั้น เจ้าตัวบอกว่าให้กำลังใจแฟนสาวเสมอไม่ว่าจะถูกหรือผิด

“พลอยเขาไม่ได้ไม่สบายใจเลยนะครับ แล้วก็จริงๆ ตัวผมคงตอบอะไรไม่ได้ เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องของเราด้วย แต่ว่าสำหรับเรื่องนี้ผมแทบจะไม่ได้คุยกับพลอยเลยว่าเป็นยังไง เราก็พอรู้จากข่าวที่พี่ๆ เขียน ไม่ว่าเรื่องอะไรผมก็ให้กำลังใจเขาหมด บางทีก็มีถามไถ่บ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่เราต้องมาคุยกัน อยากจะบอกว่าในชีวิตการทำงานของเขาก็มีเรื่องแบบนี้เยอะมาก อาจจะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร พลอยเขาก็โอเคดี แฮปปี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย”

“แล้วพลอยเองไม่ได้มาคุย เราไม่ค่อยได้คุยกันเรื่องนี้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นประเด็นที่จบไปได้แล้ว แล้วก็เรื่องนี้มันไม่ได้มีอะไร มันเป็นการทำงานอย่างที่เราทำๆ กันอยู่ทุกวัน ส่วนว่าจะเกาเหลาไหมผมเองก็คาดเดาไม่ถูกครับ จะเป็นยังไงก็ให้กำลังใจพลอยเขาละกันครับ ผมก็ยืนอยู่ข้างเขาครับ เขาผิดผมก็อยู่ข้างเขา เขาถูกผมก็ยิ่งส่งเสริม”