Inside Dara
ค้นชีวิต "ไก่ เดอะวอยซ์" นักร้องหญิงแกร่ง ผ่าเคล็ดลับเสียงพลังแค้นฟังแล้วจำจนตาย!

"ไก่ เดอะวอยซ์" หรือ อัญชุลีอร บัวแก้ว อีกหนึ่งนักร้องสาวเพชรน้ำงามของวงการดนตรีในไทยผ่านเวทีประกวดครั้งล่าสุดกับรายการเดอะ วอยซ์ ซีซั่น 4 จนชื่อของเธอกลับมาโลดแล่นในวงการอีกครั้ง

ชอบร้องเพลงก็ชอบดูรายการเพลงทางทีวีใฝ่ฝันว่าอยากยืนร้องเพลงและออกมาจากโทรทัศน์อย่างเขาบ้าง แต่สมัยก่อนการประกวดยังไม่แพร่หลาย มีการประกวดร้องเพลงที่คลับดังชื่อ "ยัวร์เพลซ" เขาจัดประกวดต้องเล่าย้อนกลับไปก่อนว่า คุณพ่อคุณแม่พี่เสียชีวิต พี่เป็นลูกบุญธรรมของคุณฝน-รุ่งพิรุณ เมธารมณ์ ของวง "ฮ็อตเปปเปอร์" ยิ่งชอบร้องเพลงเข้าไปใหญ่เพราะเพลงแม่ของเราดังก็ร้องอยู่ ปรากฎว่า แม่ไม่ค่อยอยากให้เป็นนักร้องเพราะอาชีพไม่ค่อยมีคนยอมรับ และอาชีพกลางคืนค่อนข้างอันตราย เขาก็ไม่อยากให้ร้อง แต่ความที่เราตะโกนร้องเพลงในบ้านทุกวันจนแม่สงสัยจะห้ามไม่อยู่แล้ว

บังเอิญที่"ยัวร์เพลซ" แม่เขาเคยร้องอยู่ วง "ฮ็อตเปปเปอร์" ก็เล่นอยู่ เขามีจัดประกวดร้องเพลง แม่ก็เลยคิดว่าถ้าเราชอบร้องขนาดนี้ก็เลยจัดให้ไปประกวดดูปรากฎว่ารางวัลที่ 1-3 จะได้ร้องประจำที่นั่น เราไปประกวดปรากฎได้ที่1 แม่เขาก็จะมารับทุกคืน แต่ก็มีฝากลุง ฝากนักดนตรี ฝากพนักงานว่านี่ลูกนะให้คอยดูแลก็เลยเริ่มจากตรงนี้

แต่ตอนนั้นเรายังร้องเพลงสากลไม่เก่งร้องแต่เพลงของ "ฮ็อตเปปเปอร์" และเพลงที่ใช้ประกวดสมัยก่อน ก็มีความฝันถ้าคนที่จะได้ร้องเพลงในที่ดีๆ ต้องร้องเพลงสากลเก่งๆ เราก็ฝึกเพลงสากลจนได้ไปร้อง พี่คนหนึ่งที่โรงแรมเอเชีย พี่คนนี้ก็ลาออกพอดี เจ้าของก็ถามว่าเราอยากร้องแทนไหม เราก็ดีใจมากอยากร้อง

ได้ร้องที่นั่นแล้วรู้จักพี่มัม ลาโคนิค วงของพี่มัมมีพี่เลียง ลาโคนิคที่เล่นเบสแบ็คอัพให้พอดี ตอนนั้นที่ร้องอยู่ด้วยมีคุณ หนึ่ง อิสริยา คูประเสริฐ แชมป์สยามกลการปี 2527 มีคุณนนทิยา จิวบางป่า แชมป์ปี 2531 มีคุณสุดา ชื่นบาน มีพี่อ้อม นิศาลักษณ์ ศรีนาคาร มีแต่คนมีชื่อเสียงทั้งนั้น มีแต่เราคนเดียวที่ไม่มี คราวนี้พี่เลียง มือเบสบอกว่า "เฮ้ย ไก่ แกก็ไม่ใช่คนร้องเพลงขี้เหร่นะ แกจะร้องเพลงอยู่แค่นี้เหรอ มีเวทีเปิดประกวดของสยามกลการ ไม่ลองไปเหรอ เผื่อได้ตำแหน่ง เข้ารอบเข้าไปได้มีอะไรพัฒนาขึ้น" แต่เราไม่กล้าไป พี่เขาก็ลากไปและออกค่าสมัครให้ ก็เลยเป็นแชมป์สยามกลการเมื่อปี 2532

หลังประกวดสยามกลการแล้วเส้นทางเป็นอย่างไร

ตอนที่ได้ถือเป็นยุคเฟื่องฟูมากอาชีพนักร้องถือว่ายกระดับขึ้นมาทันที ต้องกราบขอบพระคุณแม่หญิงพรทิพย์ ณรงค์เดชซึ่งจัดการประกวดนี้ขึ้นมา คือนักร้องกลายเป็นอาชีพที่มีเกียรติมากทุกคนยกย่องขึ้นมาทันที พอได้แชมป์ขึ้นมาบอกได้ถือว่าดังมาก ขนาดตอนนั้นสื่อยังแพร่ได้ไม่ทั่วทั้งประเทศ ยังมีแค่บางจังหวัดที่รับสัญญาณได้ พอได้แชมป์แล้วมีงานเพิ่มขึ้นมาเป็น 7 ที่ร้อง 7ที่ เงินเดือนแสนกว่าบาท เมื่อ 26 ปีที่แล้วนะคะ ร้องตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงตี 3

หลังจากนั้น ชีวิตมีจุดเปลี่ยนอย่างไร จนถึงมีผลงานกับค่ายเพลง

ต้องเล่าย้อนไปถึงช่วงหย่าร้าง หลังได้รางวัลจากสยามกลการ มีที่ร้องมากมาย มีไปลงหุ้นก็ถูกโกง มีคนมายืมก็ถูกโกง มีคนมาหา มากินแล้วก็จากไป เราก็เริ่มรู้สึกว่าทำไมวงการมีแต่ความหลอกลวง หาคนจริงใจไม่ได้เลยเริ่มท้อแท้และเบื่อวงการ ปรากฎว่ามาเจอพ่อของลูก เขาก็ให้คำแนะนำ เขาทำงานที่พัทยา เราก็ตามไปเที่ยวกับเขา ไปเจอกับเจ้านายของเขาซึ่งเป็นเจ้าของอัลคาซ่า เขาก็ชวนมาร้อง เราก็รู้สึกพอดีเลย เราอยากทิ้งกรุงเทพฯ อยากลาแล้ว ไม่ไหวแล้ว อยากมาเก็บตัวอยู่ที่นี่ ก็พอดีได้แต่งงานก็เลยลาออกจากทุกที่ ลาออกหมดเกลี้ยง ฉันจะไปสร้างครอบครัวไม่สนใจอะไรแล้ว ก็ไปร้องอยู่ที่โน่น อยู่พัทยา 10 ปี (เน้นเสียง) ก็หายไปเลยและไม่กลับมาด้วยนะคะ

กะว่าจะไม่กลับไปอีกแล้ว ฉันจะกลายเป็นคนพัทยาเลย คิดอย่างนั้นนะตอนนั้น ปรากฎว่าชีวิตครอบครัวไม่ประสบความสำเร็จ หย่าร้างก็เลยกลับมาอยู่กรุงเทพฯ กลับมาคนก็ไม่รู้จักเราแล้วเพราะมัน 10 ปี ช่วง 10 ปีก็มีนักร้องเก่งๆ เกิดเยอะมาก เก่งๆ สวยๆ พอเราหางานไปออดิชั่นตามที่ต่างๆ เขาก็เลือกคนที่สาวกว่า เขาก็จะบอกเราว่าชอบเราร้องนะ แต่เขาเลือกคนที่อายุน้อยกว่า เราก็เข้าใจนะคะ ไม่ได้เสียใจเพราะถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการเราก็ต้องเลือกแบบนี้ คนมาฟังก็ฟังเพลงไม่ได้เน้นว่าต้องร้องเลิศหรูอะไรอย่างนี้

หลังจากนั้นกลับมากรุงเทพฯ ชีวิตกลับมาสู่ภาวะ "ไม่มีงาน" ได้อย่างไร

คือกลับมาก็ไม่มีงานทำ ไม่ใช่ไม่มีงานทำสิ หางานยาก ไปร้องที่ไหนก็ไม่ค่อยมีคนสนใจ ก็ยังมีงานอยู่บ้างคือเงินเดือนน้อยแต่ร้องเยอะ เราก็จำเป็นต้องทำ มาอยู่กับลูกด้วย ไหนจะมีภาระต้องเช่า ต้องเรียน เราจำเป็นต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกเรียนให้จบ งานอะไรก็ทำ บังเอิญว่ามีโอกาสร้องเพลงโรงแรมแลนด์มาร์ก ไปเจอพี่สตีฟ อลังการ ที่เขาเล่นเปียโนอยู่ เขาเป็นอาจารย์สอนการใช้เสียงในการพากษ์หรืออ่านบทต่างๆ เขาก็เห็นเราสู้ชีวิต เลี้ยงลูก เขาก็เห็นใจ แนะนำว่าน่าจะทำอาชีพอื่นเสริมจะอยู่ได้นาน ลองไปสมัครที่เจ็น-เอ็กซ์ อคาเดมี่ ที่เขาสอนอยู่ มีเปิดสอนเทคนิคการใช้เสียง ปรากฎว่าได้สอนที่นั่น และสอนร้องเพลง เริ่มมาเรื่อย เราก็เริ่มรักตรงนั้น

พอออกจากแลนด์มาร์ก เราก็สอนซะส่วนใหญ่ ตอนหลังมีเพื่อนที่เป็นนักร้องจากสยามกลการเหมือนกันคือคุณหนึ่งฤทัย ภักดีวิจิตร ก็สอนอยู่ที่เคพีเอ็น เขาโทรศัพท์มาหาบอกว่าเจ้านายกำลังจะเปิดสาขาใหม่อีกแห่ง ถามว่าสนใจไปสอนไหม เราก็สนใจ มีสอนซะส่วนใหญ่ แต่ค่าสอนก็ไม่ได้มากมาย เราก็อาศัยสอนหลายชั่วโมงแล้วก็มีร้องประปราย

กลับมาหัวข้อกระแสการประกวดเดอะ วอยซ์ ครั้งนี้พี่ไก่เริ่มประกวดได้อย่างไร

มีลูกศิษย์ที่เขาอยากประกวดก็ช่วยฝึกฝนให้เขา เขาก็ไปมีเข้าหรือไม่เข้าของเขาไป คราวนี้มีเพื่อนและเพื่อนที่เคยประกวดก็ชวน แต่พี่รู้สึกไม่หละ ถ้าฉันไปเราเป็นครูอยู่แล้ว เรารู้สึกว่าเหมือนกั้นทางเด็กที่เขาอยากฝัน ถ้าสมมติเราเข้า แล้วเข้ารอบ คนที่มีความสามารถก็หล่นไปหนึ่งคน แล้วพอเข้าอีกรอบก็ตกอีกคน เราคิดแบบนั้น แล้วก็เคยมีอัลบั้มแล้ว ตำแหน่งก็มีแล้ว ไปประกวดทำไมคิดแบบนั้นนะตอนแรกก็ยังแบบพวกมีทิฐิ จนกระทั่งงานสอนน้อย มีสอนแค่ 2 วัน วันธรรมดาก็อยู่บ้านเฉยๆ มีร้องบ้าง 1 วัน อะไรแบบนี้ก็น้อยมาก มันก็ฝืดเคือง ต้องยืมตรงนู้น ตรงนี้ พอถึงเวลาก็มีค่าเทอมลูก ลูกก็เห็น

คราวนี้ลูกจะเป็นกลุ่มนักแคสต์เกม (อัดคลิปการเล่นวีดีโอเกมพร้อมเสียงพากย์ของตัวเองมาเผยแพร่) เขาหารายได้มาช่วยเหลือแม่ เขาไปเจอแฟนเพลงเอาคลิปตอนที่เราได้แชมป์มาลง เขาพิมพ์ว่าพี่ไก่อยู่ไหน อยากให้คืนเวทีอะไรประมาณนี้ ไปเวทีไหนก็ได้ เขาว่าอย่างนี้ ปรากฎว่าลูกเห็นแม่สวยจังเลย ดูสง่าอะไรแบบนี้ เขาก็เข้าไปดูเดอะ วอยซ์ แล้วเล่าว่าเขาไม่สนว่าเป็นใคร เป็นแชมป์มาแล้วหรือเปล่า ไม่สนจะอ้วนหรือแก่เลย ลองไปไหมครับ เผื่อจะมีโอกาส

ปกติเป็นคนไม่ชอบประกวด มีน้องที่เป็นแอดมินให้เพจอยู่ตอนนี้ก็แนะนำอีก เผอิญเราสนิทกับน้องเข้ม ที่เข้ารอบปีที่แล้ว เขาบอกยืนยันว่าเข้ารอบถึงแบทเทิลแล้ว งานเยอะจริงๆ พี่ ลองดูนะ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ลองดู แล้วเขาก็เปิดโอกาสแล้วไง ก็ตัดสินใจไปก็ได้ ก็ไม่คิดว่าจะได้ เพราะหลายท่านเป็นถึงแชมป์ เข้าไปก็ไม่ได้ก็มี เราก็เลยคิดจะได้ไหมนะ เขาถึงบอกให้คิดว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็เลยลองไปดูแล้วปรากฎว่าได้

เดอะ วอยซ์ ช่วยให้กลับมาสู่กระแสอีกครั้ง ด้วยการร้องที่มีอินเนอร์สูงอย่างเพลง "เจ็บนี้จำจนตาย" ซึ่งมีวิธี "แสดงโชว์" แตกต่างจากนักร้องคนอื่น ออกแบบการร้องแบบนี้อย่างไร

บังเอิญที่ช่วงนั้นตกงาน สอนแค่เสาร์-อาทิตย์แล้วได้ดูละครเรื่องนี้ (สุดแค้นแสนรัก) เราก็รู้สึกเพลงเพราะ เพลงโดน ความหมายใช่ พี่ก็ใช้วิธีเวลาร้องก็เก็บความแค้นในชีวิตเอามาใส่กับการร้อง แต่การร้องจริงๆ นึกถึงใครไม่ได้ ได้แต่นึกถึงเนื้อเพลง เพราะพี่เป็นคนตื่นเต้นมาก ยิ่งเวลาแข่ง แล้วเป็นคนที่ตื่นเต้นแล้วจะแต่งเนื้อเอง เพราะฉะนั้นต้องใช้วิธีเพ่งสมาธิกับเนื้อเพลง พี่ก็นึกภาพว่าละครฉากนี้เป็นอย่างนี้ เอาอารมณ์ตามเพลงไปเลย

มองกระแสตอบรับช่วงประกวดเดอะ วอยซ์ เป็นอย่างไรบ้าง

ค่อนข้างเกินความคาดหมาย ปลื้มปิติ ไม่อยากเชื่อว่าจะยอมรับคนที่ร้องเพลงค่อนข้างออกแนวโบราณขนาดนี้ และเขาให้กำลังใจตลอด ก็มีคนว่าด้วยว่าร้องโบราณ แก่ ตำแหน่งที่ได้มาไม่พอใจหรือ เป็นแชมป์มาแล้วยังไม่พอเหรอ เราก็ไม่ได้สนใจ นึกถึงแต่คนชื่นชอบ รักเรา ส่วนใหญ่คนที่ชื่นชอบจะเยอะ เราใช้ตรงนี้เป็นกำลังใจไม่ให้รู้สึกท้อ

จากการประกวดในรอบสุดท้ายมองผลอย่างไร

จริงๆ ไม่คิดว่าจะเข้าถึงรอบนี้นะ รอบแบทเทิลก็โอเคสำหรับฉัน รอบน็อคเอาท์ก็รู้สึกโอเคสุดยอดเลิศมาก พอรอบไลฟ์ก็แค่นี้ก็โอเคแล้วมีงานแล้วมีนามสกุลเดอะวอยซ์แล้ว คิดว่าต่อไปนี้คงไม่ตกงานแล้ว คือคิดแบบนี้ไงแต่พอมาถึงรอบไฟนอล 4 คนสุดท้ายก็คิดว่าคงไม่ขนาดนั้นแล้ว คิดว่าแฟนเพลงคงเลือกวัยรุ่นแฟนคลับก็ต้องเลือกวัยรุ่น น้องๆ ผู้ชายก็ร้องดี ของเราแนวโบราณแล้ว ได้ยืนตรงนี้ก็สุดยอดแล้ว เลยคิดว่าคงไม่ได้ตำแหน่งแต่เมื่อเข้าไปถึง 4 คนก็จัดเพลงที่แฟนเพลงขอซะเลย เราก็ตั้งใจว่าจะทำโชว์ให้ดีที่สุด เพราะตอนนี้ยูทูบมีความหมายมาก ตรงที่จะอยู่ไปชั่วลูกชั่วหลาน เราเลยตั้งใจว่าจะทำโชว์ของเราให้เพอร์เฟ็กต์ที่สุด ให้อยู่ไปแม้กระทั่งเราตายแล้วลูกก็จะภูมิใจว่าแม่ฉันเคยร้องอยู่เป็นเวอร์ชั่นที่ไม่เคยมีใครทำ พี่ก็คิดแค่นั้น

แต่พอประกาศเป็นคนแรกว่าคะแนนสูงโอโหแบบว่ากรี๊ดเลย ร้องไห้กลายเป็นว่าจากไม่หวังเป็นหวัง คือพอถึงตรงนี้ใครไม่หวังก็คงเป็นไปไม่ได้ เราก็เริ่มหวัง

หลังรู้ผล ย้อนกลับไปแล้วรู้สึกอย่างไร หรือดูคลิปตัวเองแล้วรู้สึกอย่างไร

ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ ยังไม่มีเวลาดู (หัวเราะ) เราไม่คิดอะไร คิดว่าทำดีที่สุดแล้ว ลูกพูดว่าแม่ครับ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรแล้ว แค่นี้ก็ปลื้มใจที่สุด ผมรักแม่มาก แค่นี้คือเกินความฝันเราแล้ว ถ้าได้ก็เหมือนถูกรางวัลที่ 1 แต่ไม่ได้แค่นี้ก็โอเคสำหรับเราแล้ว น้องเบสต์ได้ก็ดีมาก น้องเขาร้องเพราะ น้องเขาจะไปปลูกบ้านให้แม่ เราสนับสนุนอยู่แล้ว

ได้อะไรจากการประกวดครั้งนี้

ได้แนวทางการร้องเพลงแบบใหม่ได้ร้องเพลงที่เป็นเวอร์ชั่นของเราเอง กล้าพูดได้เลยว่าตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยร้องเพลงกับวงไหนแล้วมีความสุขเท่ากับวงเดอะบีกินส์ เขาเล่นด้วยหัวใจจริงๆ ภาษาดนตรีว่าทุกเม็ดที่เล่นออกมามีความสุขมาก

ได้รับรางวัลหรือสิ่งตอบแทนอื่นๆ ไหม

ยังไม่ทราบเลยค่ะ ก็มีแจ้งมาบ้าง แต่ยังไม่กล้าพูดเพราะยังไม่แน่ชัด (นอกจากที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม มีสิ่งอื่นที่ได้ในแง่โอกาสกลับสู่วงการอีกครั้งไหม) คือมีแฟนคลับซึ่งเกิดมา เหลือครึ่งสุดท้ายของชีวิตไม่คาดคิดเลยว่าจะมีแฟนคลับ อย่างโค้ชก้องที่เราเห็นในทีวี อุ๊ยตาย อยากเจอมากคนนี้ ไม่เคยคิดว่าจะได้กอด ได้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ ได้ร้องเพลงคู่ ต่อมาก็กลับมาแล้วทุกคนยอมรับเรา มันภาคภูมิใจมาก

ตั้งแต่เข้าประกวดก็มีร้องประจำที่โรงแรมดุสิตธานี มีงานอีเวนท์เยอะมาก แถมได้พ่วงคู่แบทเทิลมา อย่างป้าไก่ ถ้าติดภารกิจลาหยุด ป้านกก็มาแทน แฟนคลับก็มาให้กำลังใจค่ะ ได้เพื่อนที่นิสัยดีมาก