Inside Dara
ก้าวผ่านมรสุมชีวิตกับวันนี้ที่สดใส'มาช่า'

หากพูดถึงความฮอตตลอดกาล ทั้งในแง่ของการใช้ชีวิต และผลงานในวงการบันเทิง ปฏิเสธไม่ได้ว่า ม่ายสาวพราวเสน่ห์อย่าง มาช่า วัฒนพานิช ได้เข้าไปอยู่ในใจของใครหลายคน เธอผ่านการใช้ชีวิตในวงการบันเทิงมากว่า 20 ปี ได้เห็นแสงสีและการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ หล่อหลอมให้กลายเป็นคนบันเทิงตัวจริง ที่ไม่ว่ามรสุมจะหนักสักแค่ไหน อะไรที่ทำให้เธอสามารถก้าวผ่านมาได้


ผลงานปัจจุบัน
ภาพยนตร์เรื่อง "407 เที่ยวบินผี" น่าสนใจอย่างไรบ้าง

ความน่าสนใจคงจะเป็นเรื่องของ 3D (สามมิติ) เพราะเป็นเรื่องแรกในเมืองไทย และเท่าที่คุยกับไฟว์สตาร์ ทำให้ช่ารู้สึกว่าเรื่องนี้มีความน่าดึงดูด คิดว่าน่าจะลองเล่นดู แนวของเรื่องจะเป็นหนังระทึกขวัญ ไม่เรียกว่าเป็นหนังผีเสียทีเดียว ถ้าให้เปรียบเทียบกับหนังเรื่องที่ผ่านมาอย่าง "แฝด" หรือ "5 แพร่ง" หนังเรื่องนี้จะไม่เหมือนหนังผี แต่อารมณ์จะคล้ายกับหนังเรื่อง "ไฟนอลเดสทิเนชั่น" มีเรื่องราวของผีอยู่บ้าง แต่เป็นการต่อสู้ และการฆ่ากัน


นอกจากเรื่องของ 3D แล้ว ยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง

หนังจะดำเนินเรื่องอยู่บนเครื่องบิน ในที่แคบๆ สร้างความอึดอัดให้คนดู เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสูง และความกลัวของมนุษย์ ในแง่ที่ว่าเวลาคนมีความรู้สึกหวาดกลัวกันเองจนสุดขีด อาจทำให้เกิดอาการแปลกๆ จนนำไปสู่การฆ่ากันเอง เพราะเครื่องบินเหมือนรถยนต์มือสอง ที่เราไม่สามารถรู้ได้ว่า เครื่องบินลำนี้ผ่านอะไรมาบ้าง ซึ่งทางผู้กำกับ พี่ทอม (อิสรา นาดี) เล่าให้ช่าฟังว่า มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ อาจจะมีความลี้ลับ ในเรื่องความฝังใจของคนที่เคยเครื่องบินตก ซึ่งเป็นการเสียชีวิตโดยไม่ทันตั้งตัว


ชีวิตจริงกลัวความสูง กลัวเครื่องบินอยู่แล้ว

ช่าเป็นคนกลัวความสูงและกลัวเครื่องบิน แต่ตั้งแต่ที่น้องกาย (นวพล ลำกูน) ต้องไปเรียนต่างประเทศ ทำให้ช่าต้องตามเขาไปเรื่อยๆ พยายามอดทนอดกลั้นต่อความกลัว ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้เจอกัน เวลาอยู่บนเครื่องบินเราจะพยายามคุยกับแอร์โฮสเตส นอนดูทีวีบ้าง พยายามทำกิจกรรมให้เราลืม พอนานเข้าเราจะเริ่มชิน ถามว่าทุกวันนี้กลัวมั้ย ยังมีความกลัวอยู่บ้าง แต่เราเริ่มชินกับความสูง


ผีกับเครื่องบินกลัวอะไรมากกว่ากัน

ช่าไม่กลัวผีเลย กลัวมนุษย์มากกว่ามั้ง (หัวเราะ) เพราะมนุษย์น่ากลัวกว่าผี และน่ากลัวกว่าเครื่องบินอีก

เล่นภาพยนตร์แนวสยองขวัญ เคยเจอเหตุกาณณ์ลี้ลับสยองขวัญบ้างมั้ย

ไม่นะ ไม่เคยเลย เพราะถ่ายทำมากี่เรื่อง ช่าไม่เคยเจอเลย แต่ดีแล้วที่ไม่เจอ (ยิ้ม) เวลาเราทำงาน จะไม่นั่งนึกถึงอะไรพวกนี้ หัวสมองเราจะคิดถึงการถ่ายทำ และการทำงานว่าซีนต่อไปจะเป็นอย่างไรมากกว่า เราไม่ได้คิดถึงเรื่องที่ว่าจะมีอยู่ข้างหลังเรามั้ย เราจะคิดถึงการถ่ายทำและเรื่องคิวในการแสดง ยิ่งเวลาที่ถ่ายทำเป็นสามมิติ ถ้าทำอะไรให้ช้า เราจะช้ากว่าเดิมถ้าต้องตั้งมุมกล้องใหม่จะใช้เวลานานมาก


ได้ร่วมงานกับนักแสดงน้องใหม่อย่าง ปีเตอร์ ไนท์ เป็นอย่างไรบ้าง

ด้วยความที่เขาพูดภาษาไทยยังไม่ค่อยชัด ช่วงแรกๆ เขาจะเกร็ง จะถามว่าความรู้สึกแบบนี้จะแปลว่าอะไร ช่าจะอธิบายว่าถ้าไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ให้แปลเป็นอีกความรู้สึกหนึ่งที่คล้ายๆ กันก็ได้ จะพยายามคุยกันตลอดเวลา เพราะเขาจะไม่เข้าใจภาษาไทยในบางคำที่ยากๆ จะมีมาปรึกษาเราในเรื่องของแอ็กติ้งบ้างว่าจะแสดงออกมาอย่างไรดี เท่าที่เราดูเขาพยายามตั้งใจ คิดว่าถ้าเขามีโอกาสเล่นเรื่องที่สองหรือสาม เขาคงมีประสบการณ์มากกว่านี้และแสดงได้ดีขึ้น

ให้แง่คิดอะไรกับคนที่จะเข้าไปดู

นอกจากความบันเทิงแล้ว เท่าที่ช่าได้คุยกับพี่ทอม เขาบอกว่าอยากจะสอนคนในเรื่องของมุมมืด ในมุมที่คนเราเวลาสบายใจจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถึงเวลาที่คนเราต้องกลัวตาย หรือหลอนกับสิ่งที่เกิดขึ้น และตั้งคำถามว่าคุณแน่ใจหรือเปล่าว่าเครื่องบินที่ตกไปแล้ว จะถูกนำกลับมาทำซ้ำใหม่ ถามว่าอาจจะทำให้คนที่กลัวเครื่องบินอยู่แล้วกลัวมากขึ้นมั้ย ช่าคิดว่าเครื่องบินทุกลำ มีระบบรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว ในความคิดช่าทุกสายการบิน ในบางครั้งที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุบ้าง คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะการใช้เครื่องบินคงเหมือนรถยนต์ที่ต้องเก่าไปตามสภาพเป็นธรรมดา


ชีวิตของม่ายสาวพราวเสน่ห์
ที่ผ่านมา "กาย" นวพล เล่นละคร หอบรักมาห่มป่า ได้ดูผลงานละครของลูกชายบ้างไหม

มีโอกาสดูบ้าง แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ช่าถ่ายละครพร้อมๆ กับกายเหมือนกัน ถามว่าอยากจะคอมเม้นท์ผลงานของน้องกายยังไง ช่าไม่อยากคอมเม้นท์อะไรมาก เพราะการที่ช่าโตขึ้นมา ช่าต้องใช้ประสบการณ์ในการเรียนรู้ด้วย การแนะนำคงช่วยได้พอสมควร แต่พูดยังไงก็ไม่เหมือนการที่ให้เขาทำทุกอย่างด้วยตัวของเขาเอง และต้องเป็นสิ่งที่เขาชอบมากที่สุด


มีอะไรที่พอจะแนะนำให้กายฟังบ้างมั้ย

มีบ้างที่จะแนะนำเรื่องของการแสดง แต่ช่าจะบอกเขาได้ไม่หมด เพราะเราไม่ได้ดูเขาทุกตอน ช่าแค่จะบอกว่ากายเล่นบู๊เก่งนะ แต่ตรงไหนที่อ่อนไป เราก็จะบอก คงต้องใช้เวลา เพราะกว่าที่ช่าจะเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างในเรื่องของการแสดง ร้องเพลงหรืองานอะไรก็แล้วแต่ เข้ามาวันแรกเราคงทำไม่ได้ดีทั้งหมด เป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องใช้เวลา ช่าเลยไม่อยากไปบังคับว่าต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ เอาเป็นว่าให้เขาชอบละกัน


กายเคยบอกชอบแสดงบทบู๊ แต่ถ้าเป็นเลิฟซีนเขาจะไม่ค่อยถนัด

เป็นธรรมดา แต่อีกเดี๋ยวเขาคงโอเคขึ้น เพราะตอนนี้เขาคงรู้สึกว่าเขาใหม่ เขายังไม่รู้จักใครมาก ในเรื่องของการแสดง ถ้าเราต้องไปกอด หอม ต่อหน้าคนที่มายืนรุมเรา มันคงต้องมี ช่าเองยังมีเลย แต่พอช่วงหลังๆ ที่เราโตแล้ว จะคิดได้ว่าเป็นงาน ไม่ต้องไปคิดมาก เพราะบางทีเราไปคิดมากเกินไปจะทำให้เกร็ง ซึ่งบางครั้งคนอื่นอาจจะไม่ได้คิดอะไร เขาคงคิดว่าเป็นการทำงานเหมือนกัน


กายมีมาปรึกษาเรื่องความรักบ้างมั้ย

มีบ้าง แต่ช่าจะบอกลูกแค่ว่าคนนี้น่ารักดีนะ หรือคนนี้แม่คิดว่าแปลกๆ แต่ช่าจะเลี้ยงลูกให้สิทธิในความเป็นตัวของเขาเอง เพราะเขาโตแล้ว จะให้มานั่งตามคงไม่ใช่ เพราะโตแล้วต้องรู้จักรับผิดชอบตัวเอง เหมือนที่ช่ารับผิดชอบตัวเอง ช่าจะแนะนำแต่ไม่มีการบังคับกัน


ด้วยความที่น้องกายเป็นลูกของมาช่า กับ "หนุ่ย" อำพล เขาลำบากใจมั้ยในการที่จะมีความรัก

ช่าว่าเขาไม่ลำบากใจในการมีความรักหรอก แต่คิดว่าเขาคงลำบากใจหรือเบื่อในการเป็นคนที่ถูกจับตามองมากกว่า เพราะเขาโดนจับตามองมาตั้งแต่เด็ก แต่ช่าไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน เพราะเขาเกิดมาก็มีคนรู้จักเขาแล้ว แต่ช่าคิดว่าเดี๋ยวลูกของดาราอีกหลายๆ คน คงจะเป็นแบบนี้แหละ แต่กายเจอสิ่งเหล่านี้บ่อยๆ ทำให้เขาไม่รู้สึกตื่นเต้นมากเท่าไหร่

ตอนนี้เป็นห่วงกายเรื่องอะไรมากที่สุด

เป็นแม่คนห่วงทุกเรื่อง ไม่ว่าจะไปไหนไม่กลับบ้าน หรือจะกินอะไรหรือยัง แต่เราต้องทำใจว่าถึงห่วงยังไงต้องปล่อยเขา เพราะวันหนึ่งเขาต้องมีชีวิตของตัวเอง และตัวช่าเองไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องติดอยู่กับลูกตลอดไป เพราะวันหนึ่งช่าต้องมีชีวิตของช่าเองเหมือนกัน เพราะคิดว่าเราติดกันมามากพอแล้ว พอกายเริ่มไปเมืองนอกจะเริ่มห่างกันได้บ้าง แต่ช่วงเด็กๆ จะไม่ได้เลย ตอนนี้พยายามให้เขาโตขึ้น คงเหมือนพ่อแม่ทุกคนทั่วๆ ไป ถึงจะรักยังไง วันหนึ่งลูกต้องมีชีวิตของตัวเอง


มีวิธีบอกลูกยังไงเวลาที่เขาเครียด

บอกให้เขาเรียนรู้ไป อดทนได้ก็อดทน แต่ถ้าทนไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ เพราะคนเราต้องรู้จักตัวเองว่าอยากทำอะไร และทำให้ดีที่สุด แต่ถ้าคิดว่าไม่อยากทำคงไม่ต้องทำ ช่าไม่อยากให้เขาฝืนอะไรมากจนกระทั่งกลายเป็นโรคจิต ทุกคนแข่งขันจนมากมายกายกอง ไม่อยากให้กายต้องอยู่ในจุดที่เรียกว่าไม่ชอบ แต่ต้องพยายามจนตัวเองเป็นโรคประสาท เพราะช่าอยากให้ลูกทำอะไรก็ได้ แต่เขาต้องมีความสุข มีความสบายใจในการทำ


ความรักของมาช่า

ไม่มีเลย ปกติดี ตอนนี้พูดจริงๆ แค่เจอเรื่องงานไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องพวกนี้เลย เพราะคิดว่าถ้าเราเข้ากับใครได้ดี มันคงเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเราเข้ากันไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ใช้เวลาทำงานทำอะไรไป


เข็ดกับความรัก

ไม่นะ เพราะความรักในมุมมองของช่า ไม่มีการเข็ดอะไรทั้งนั้น คนเรารักอะไรได้ทั้งหมด ไม่ว่าเพื่อนหรือแฟน เพราะความรักมีลอยอยู่เต็มไปหมดในอากาศ การไม่มีแฟนบางครั้งอาจจะเหงาบ้าง แต่ถ้ามีแล้วไม่ดีหรือไม่สนุก พาเวียนหัวคงไม่ดีเหมือนกัน อยู่ที่ว่าเราจะแจ็กพ็อตไปเจออะไร ตอนนี้ยังไม่ได้คิดอะไรเลย ขออยู่เงียบๆ ไปก่อนดีแล้ว


อะไรที่ทำให้มาช่าตัดสินใจออกมาพูดเรื่องราวของซีรีลชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน

อะไรที่ถูกต้องเราว่าไปตามความถูกต้อง ควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะคนบางคนแฝงเข้ามาในลักษณะของการทำดีให้กัน แต่ความจริงไม่ใช่เลย และช่าต้องปกป้องความเป็นตัวของช่าเองบ้าง ไม่ใช่ว่าจะมาถูกรังแกตลอดเวลา บางทีเป็นคนดีมากๆ ไม่เห็นได้อะไรเลย ดีแค่พอสมควรก็พอ คนเราทำอะไรต้องพยายามระวังตัว บางครั้งเราอาจจะเผลอเพราะความสนุกบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา ไม่อย่างนั้นคงไม่มีคนโดนหลอกหรือล้มละลาย


หัวใจแข็งแรง

ปกติมาพักใหญ่แล้วนะ ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าแย่จนจะเป็นจะตาย แค่รู้สึกเวียนหัวในบางช่วงที่มีเรื่องอะไรเข้ามาเยอะแยะ


ดาวค้างฟ้า
อะไรที่ทำให้ยืนหยัดทำงานในวงการมาได้นานขนาดนี้

คงเป็นเรื่องของงาน ช่าพยายามทำงานให้ดีที่สุด และมีความจริงใจกับแฟนเพลงที่เราทำ บางครั้งเราอาจจะทำถูกทำหรือผิด แต่เราสามารถแสดงความจริงใจโดยการพูดความจริง และจริงใจในงานที่ทำทุกอย่าง ทำให้ดีที่สุดและจริงใจที่สุด


วงการให้อะไร

ให้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความสามารถและมุมมองการใช้ชีวิต การเลี้ยงดูครอบครัว ความรักจากแฟนคลับ สิ่งที่สูญเสียก็มี แต่เราก็ยังได้รับความรักกลับมา วัดไม่ได้ว่าอะไรบวกอะไรลบ เพราะวัดไม่ได้หรอกว่าอะไรขาวอะไรดำ เป็นหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าไม่มีอะไรที่เข้ามาด้านเดียว มีทุกข์ย่อมมีสุขปนอยู่ด้วยเสมอ


มองวงการปัจจุบัน

การเกิดของเด็กรุ่นใหม่เป็นเรื่องธรรมดา คนไหนตัวจริงมาแล้วจะอยู่ไปได้ แต่คนไหนที่มาแค่แวะเวียน สักพักจะผ่านไป สมัยนี้ในวงการมีคนเยอะขึ้น เรื่องราวของเทคโนโลยีก็เยอะขึ้นด้วย ทุกอย่างเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านข่าวสารหรืออะไรก็ตาม ช่าคิดว่าดีนะที่ข่าวสารมารวดเร็ว แต่ไม่ดีตรงที่ว่า คนจะไม่ได้พิจารณาจริงจัง คนจะชอบเสพอะไรที่รวดเร็ว ฉาบฉวย


มีคนบอกว่ามาช่าโลกส่วนตัวสูง ตัวตนเป็นคนอย่างไร

คนรู้จักเรามา 20 กว่าปีแล้ว เราเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น เพราะไม่ได้เข้าวงการมาปีแรก เพียงแต่ว่าเจอะเจอเรื่องราวอะไรมากมาย เด็กๆ จะรู้สึกสนุกสนาน พอโตเราก็สนุก แต่สนุกแบบระวังตัวมากขึ้น และการที่คนเราจะมีโลกส่วนตัวบ้างคงเป็นเรื่องปกติ เพราะช่าทำงานกับคนเยอะ ต้องมีโลกที่จะอยู่ส่วนตัวบ้างในการรักษาความสงบ



ชื่อจริง : มาช่า วัฒนพานิช
ชื่อเล่น : มาช่า
เกิด : 24 ส.ค. 2513
การศึกษา : มัธยมศึกษาโรงเรียนเบญจมราชาลัย
ผลงานละครที่ผ่านมา : กว่าจะรู้เดียงสา, ลูกมาร, วังน้ำวน, นางสาวไม่จำกัดนามสกุล, บ่วงบรรจถรณ์
ผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านมา : ตำรวจเหล็ก, แฝด, ห้าแพร่ง
ผลงานปัจจุบัน : 407 เที่ยวบินผี
'ลีเดีย' เยิ้มอวด 'บิกินี'หนุ่มตะลึง!

ลีเดีย-ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา นักร้องสาวผิวขาวดั่งไข่ปอกเปลือก ประกาศตัวมาตลอด ว่าเธอไม่ใช่ “สาวเซ็กซี่” แต่ลุกมาสลัดผ้าโชว์แต่ละที กับลีลา “เล็ก พริกขี้หนู” น่าดู น่ามอง ทุกสัดส่วน ลีเดีย มีหมัดเด็ด “นานๆ หวิวที” เล่นเอาสะเทือนหัวใจชายไทย!

ถึงจะไม่สูง ขาว ก้านยาวเป็นนางแบบเซ็กซี่ แต่ ลีเดีย ก็สวยแปลกในแบบของเธอ สวยหมวย อกไม่ใหญ่เป็นภูเขาไฟ แต่สัดส่วนกลมกลึง ตรึงหัวใจ เมื่อร่างกายเธอพร้อมโชว์ สวมแค่ชุดบิกินีสีสันสดใส แค่นี้ก็กลายเป็น “สาวเซ็กซี่” ที่สำคัญ เคล็ดลับ นานๆโชว์ที มันดีตรงนี้แหละ มองกันเพลินไม่มีเบื่อ!

หลังจากหมดสัญญากับต้นสังกัดเก่า ค่าย อาร์เอส ชีวิต ลีเดีย ก็เป็นอิสระจากทุกพันธนาการ เช่น อยากถ่ายแฟชั่นหวือ แค่ถามตัวเอง พ่อแม่และแฟน หากโอเคก็ พร้อมถอด และ ถ่าย ได้ทุกเมื่อ อยากโชว์ลูกคอ ค่ายแกรมมี่ ก็อ้าแขนรับ ล่าสุด ลีเดีย ได้โชว์เสียงร้องแนว อาร์แอนด์บีที่เธอถนัด ในเพลง “เธอไม่ยอมปล่อยหรือฉันไม่ยอมไป” อัลบั้ม “Club Friday Based on True Story” กระแสแรงสุดๆ แต่ ลีเดีย ยอมรับว่าไปร่วมงานที่ตึกแกรมมี่จริง แต่ไม่ได้ไปเซ็นสัญญาเป็นนักร้องในสังกัด เพราะตอนนี้เธอแฮปปี้กับการเป็นอิสระในการรับงานอีเวนต์ และงานอื่นๆ เธอคุยฟุ้ง! หลายค่ายติดต่อเข้ามา ลีเดีย ก็ไม่ปิดกั้น ยินดีร่วมงานกับทุกคน แต่โปรเจกต์นี้ งานต่อไปก็คงเห็น ลีเดีย ขึ้นคอนเสิร์ตบนเวทีแกรมมี่เป็นงานต่อไป!

ลีเดีย เซ็กซี่ขึ้น ไม่รู้ หนุ่มแมทธิว จะคิดยังไง หวงไหม?! ลองแงะหัวใจ ชายที่ได้ชื่อว่า “แฟนลีเดีย” เขาพูดว่า “เรื่องความเซ็กซี่จริงๆแล้วผมเห็นมานานแล้ว มุมตรงนี้ของเขานะ แต่ว่าคนอื่นอาจจะยังไม่ได้เห็น” เป็นยังไงล่ะ แสดงว่า แมทธิว ตาแหลม มอง หมวยลีเดียสวยเซ็กซี่ที่สุดในหัวใจ มานานแล้ว

อายุห่างกัน 9 ปี แต่รักกันมา 6 ปี ราบรื่น ข่าว “มือที่สาม” ที่พยายามมาเป็น “กิ๊กกั๊กรักแทรกกลาง” คู่นี้มีอันต้องผงะไปหลายคน เพราะหากดุ่มๆมาจีบ ลีเดีย จะบอกเลยว่า “หนูมีแฟนแล้ว” หน้าแหกแตกเป็นเสี่ยงๆไปหลายราย

ลีเดีย ได้ชื่อว่าเป็น “นักร้องไฮโซ” เธอเรียนอินเตอร์ เกิดมาในตระกูล วิสุทธิธาดา คุณปู่เป็นถึงผู้รับเหมาก่อสร้างทางหลวงแผ่นดิน ว่ากันว่า สมบัติเก่าของตระกูลเชื่อว่ากินทั้งชาติก็ไม่หมด พ่อลีเดียตั้งชื่อเธอว่า “ศรัณย์รัชต์” แปลว่า “ผู้สำเร็จในเรื่องการเงิน” เมื่อเป็นเช่นนี้ เลยมีคนเม้าท์ว่า ครอบครัว ลีเดีย ยังไม่แน่ใจว่า แมทธิว จะดูแลลูกสาวเค้าได้ไหม เพราะ ลีเดีย เป็น คุณหนูไฮโซ ส่วน แมทธิว ถูกมองเป็นหนุ่มนักแสดงแสนธรรมดา แต่ แมทธิว มีค่ามากมายในหัวใจ ลีเดีย ข่าวทั้งหมดไม่มีผลต่อหัวใจ ทั้งคู่เดินหน้ารับแบบไม่มีข้อแม้ ขอแค่มีเพียง ลีเดีย–แมทธิว รักนี้ไม่ต้องการอะไรแล้ว!

แต่หากถามเรื่องงานวิวาห์ ลีเดีย แอบควง แมทธิว ไปส่องงานแต่งงานคนในวงการมาหลายคู่ แต่ยังไม่ถึงคิวคู่ตัวเองสักที ลีเดีย มองว่า คู่ของเธอยังไม่คิดเรื่องแต่งงาน รักกัน เจอกัน คบกันไปเรื่อยๆ ไม่หวือหวา เธอขอใช้ชีวิตทำงานอิสระก่อน อีกอย่าง แมทธิว ก็ทำตัวดี คบมา 6 ปี ไม่เคยมีข่าวเจ้าชู้ให้ ลิีเดีย ปวดหัว สถานะหัวใจเลยไม่สั่นคลอน ลิีเดีย ก็เลยไม่มองใคร นอกจากแมทธิว รักครั้งนี้หลายคนบอกว่าหวาน แต่สำหรับ ลีเดีย บอกไม่เลี่ยน!!

ชีวิต ลีเดีย ผ่านอะไรมาเยอะ ข่าวแต่ละข่าวที่ชีวิตเธอพบเจอ เป็นคนอื่นคงสลบสยบให้กับข่าว (ลือ) ไปแล้ว หนักสุดก็คงข่าว เธอกับอดีตนายกฯทักษิณ ที่เม้าท์กันขนาดว่า ลีเดีย ถูกพ่อส่งขัดดอกให้ ไหน หมอกฤษณ์ จะทำนายดวงว่า ลิีเดีย จะป่อง!! จน แม่ลีเดียโกรธ เกิดเรื่องฟ้องร้อง สุดท้ายศาลตัดสินให้ ลีเดีย พ้นมลทิน จนวันนึงสาวน้อยหัวใจแกร่ง ก็ผ่านเรื่องราวร้ายๆ พิสูจน์มาได้ และยังยืนหยัดเป็น “ลีเดีย เจ้าหญิง อาร์แอนด์บี” มาได้จนทุกวันนี้ที่ผ่านมา ลิีเดีย เคยเป็น “นางเอกละคร” เรื่อง “ระบำดวงดาว” เล่นละครเรื่องแรกให้ ค่ายโพลีพลัส เธอก็ดังเปรี้ยงปร้าง สวมมาแล้วทุกบทบาทแสดง ได้ดี ก็เหลือแต่บท “เจ้าสาว” หาก แมทธิว คือคนที่ใช่ ก็จงขอให้เป็น “คนสุดท้าย” ที่จะ สอยลีเดีย ลงจากคาน และเอาไปครองคู่อยู่กันนานแสนนาน เหมือน “เจ้าหญิง– เจ้าชาย” ในนิยาย!

"เนโกะจัมพ์"ดีกรีเซ็กซี่พุ่ง พัฒนาการจาก"แมว"เป็น"เสือ"

ปล่อยเอ็มวีซิงเกิ้ลแรก "ไม่ถอดใจ" ในอัลบั้มใหม่ "Ahhh!" กับภาพเซ็กซี่สุดเร้าใจจนทำเอาคนฮือฮา สำหรับนักร้องดูโอแฝดสาว "เนย"วรัฐฐา อิมราพร กับ "แจม"ชรัฐฐา อิมราพร แห่งวง "เนโกะจัมพ์" หลังห่างจากงานเพลงชุดที่แล้วไป 2 ปี กลับมาครั้งนี้ 2 สาวสลัดภาพแมวเหมียวคาวาอี้ มาเป็นสาวเปรี้ยวสุดเซ็กซี่ ที่เรียกเสียงจี๊ดจ๊าดจากแฟนเพลงทั้งชาวไทยและญี่ปุ่น


งานเพลงชุดใหม่นี้เป็นอย่างไรบ้าง?
แจม - "คอนเซ็ปต์ดูเปรี้ยว เป็นสาวแฟชั่นมากขึ้น อัลบั้มนี้โตขึ้น แต่ก็มีความน่ารักขี้เล่นอย่างเนโกะจัมพ์อยู่ เพราะเป็นเอกลักษณ์ของเนโกะจัมพ์ อัลบั้มชุดนี้เลยอยากให้เป็นแมวที่โตขึ้น ซึ่งพัฒนาการของแมว คือ เสือ จากเนโกะจัมพ์ก็กลายเป็นเสือสาว แต่ยังมีความขี้เล่น เสื้อผ้าไม่ใช่โทนสีดำเรียบๆ จะมีสีชมพู สีม่วง เล่นรายละเอียดให้มีความเป็นสาวน่ารัก"

มีส่วนร่วมอะไรในอัลบั้ม?
เนย - "ส่วนร่วมอยู่ที่เสื้อผ้า จะเห็นว่าชุดคอนเซ็ปต์เนยเป็นกางเกงยาว ที่ผ่านมาใส่แต่กระโปรงสั้น เลยบอกพี่เขาว่าคอนเซ็ปต์ชุดครั้งนี้ขอใส่กางเกงขายาว เพราะเนยขี้อึดอัด เวลาใส่กระโปรงสั้นต้องใส่กางเกงขาสั้น ใส่ถุงน่องทับ เต้นไม่ถนัด ต้องคอยระวัง ถ้าใส่กางเกงขายาวตัวเดียวก็จบ เต้นถนัดกว่า"

แจม - "สำหรับแจมที่ยังใส่กระโปรงเพราะทีมงานอยากให้เราต่างกัน อยากให้ทุกคนเห็นว่าเป็นฝาแฝดแต่ก็ยังมีสไตล์ที่แตกต่างกัน"

กับกระแสที่เข้ามาเป็นอย่างไร?
แจม - "ดีมาก มีกระแสหลายอย่าง แฟนกลุ่มหนึ่งอยากเห็นเนโกะจัมพ์คงความน่ารัก แต่อีกกลุ่มอยากเห็นเนโกะจัมพ์แตกต่างจากเดิม อยากเห็นพัฒนาการ อัลบั้มนี้เป็นอะไรที่ลงตัว เพราะเอาสองอย่างรวมกัน"

เนย - "ส่วนกระแสตอบรับในแง่ลบ บางคนจะว่าทำไมดูโตจัง คนส่วนใหญ่จำเราได้จากลุกส์ในอัลบั้มแรก ใส่ชุดนักเรียนดูเด็กมาก พอมาเห็นอีกทีจะบอกโตไปมั้ย ทำไมเร็วจัง ซึ่งจริงๆ 6 ปีแล้ว ไม่เร็ว และมีหลายอัลบั้มแล้ว ซึ่งช่วงอัลบั้มระหว่างกลางนี่คนจำไม่ค่อยได้ แต่จะจำครั้งแรกได้แม่น แล้วพอมาเห็นเราภาพปัจจุบันก็จะคิดว่าเราโตเร็วไปมั้ย ทำข้ามมาเลย จริงๆ ไม่ได้ข้าม แค่คนจำอันเก่า ติดภาพอันแรกมากกว่า จริงๆอัลบั้มที่แล้วเซ็กซี่กว่าอัลบั้มนี้อีกนะ แต่เหมือนคนไม่ค่อยติดเท่าไหร่"

คิดไหมว่าทำไม คนถึงไม่จำอัลบั้มก่อนหน้านี้ ที่ดูเซ็กซี่กว่า?
แจม - "ถ้าส่วนตัวแจมคิดว่าอาจจะเป็นด้วยช่วงเวลาของอายุที่กำลังเหมาะพอดี แจมคิดว่าอัลบั้มที่แล้วเซ็กซี่กว่า แต่อัลบั้มนี้เนี่ย เราเหมือนดูโตขึ้นด้วยตัวเองจริงๆ โตขึ้นจริงๆ"

นอกจากการแต่งตัวแล้ว คนว่าอย่างไรบ้างกับซิงเกิ้ลเพลงแรก "ไม่ถอดใจ"?
เนย - "เพลงนี้คนจะชอบเยอะ บอกจังหวะสนุก ชอบท่าเต้นซะส่วนใหญ่ เพราะเอ็มวีเพลงนี้เราตั้งใจให้คนดูรู้สึกว่าเรามีพัฒนาการด้านเต้น ก็เลยใส่ท่าเต้นเยอะ" แจม - "อย่างเพลงนี้ ท่อนฮุกจะมีเสียง มีคำว่าอ๊าว เอ้อ ฟังแล้วติดหูสะดุดหู แฟนๆ ชอบ กระแสดีมาก"

รู้สึกอย่างไรที่สมัยนี้เวลาจะออกเพลงแต่ละที คนจะดูเรื่องการแต่งตัว?
เนย - "เรื่องเสื้อผ้าการแต่งตัวเป็นสิ่งสำคัญ สมัยก่อนคนจะฟังเพลงกันอย่างเดียว แต่สมัยนี้คนจะติดภาพ เรื่องลุกส์ เรื่องเสื้อผ้า ท่าเต้น เป็นส่วนประกอบที่สำคัญมาก ยิ่งเดี๋ยวนี้ศิลปินเยอะ แต่ละคนก็เพิ่มดีกรีเรื่องการแต่งตัวมากขึ้น เราต้องพยายามคิดเรื่องการแต่งตัวเราดีที่สุด ช่วงนี้กระแสเซ็กซี่อาจจะมา แต่แจมว่าแต่ละคนมีคาแร็กเตอร์ไม่เหมือนกัน อย่างเนโกะจัมพ์จะให้เซ็กซี่ เชิดๆ เอ็กซ์ๆ ก็ไม่ได้ ไม่ใช่แนวเรา อย่างเรายังไงก็ยังคงความน่ารัก ไม่ว่าจะเซ็กซี่หรือไปในแนวไหน สุดท้ายคอนเซ็ปต์ก็ยังเป็นแนวน่ารักๆ ค่ะ"

"และที่ต้องใช้ความเซ็กซี่เข้ามามีส่วนร่วมในงาน อาจเพราะผู้หญิงสมัยนี้มีเทรนด์การแต่งตัว ใส่ใจความสวยความงามมากขึ้น ซึ่งความเซ็กซี่ก็เป็นแอพพีลของผู้หญิงอย่างหนึ่งที่สามารถทำออกมาได้ชัดเจนและเห็นได้ชัด ถามว่าได้แฟนกลุ่มหนุ่มๆ เพิ่มขึ้น มั้ยก็น่าจะอยู่ แต่จริงๆ เนโกะจัมพ์แฟนคลับเป็นผู้ชายค่อนข้างเยอะ และ อัลบั้มนี้จะเยอะชัดเจน"


ล่าสุดถ่ายแบบชุดว่ายน้ำฟีดแบ็กเป็นอย่างไรบ้าง?
แจม - "แฟนคลับที่ญี่ปุ่นชอบมาก ซึ่งที่โน่นการถ่ายแฟชั่นชุดว่ายน้ำเป็นเรื่องธรรมดา เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมาก แค่ประมาณว่า เย้เนย-แจมถ่ายชุดว่ายน้ำแล้ว ดีใจด้วยนะ"

เนย - "ส่วนใหญ่ที่ญี่ปุ่น นักร้องที่มีลุกส์น่ารัก มาถ่ายบิกินีเป็นอะไรที่น่ารัก แล้วเราไม่เคยถ่ายเลย พอเขาเห็นเขาก็บอกดีใจด้วย ซึ่งจะไม่เหมือนในไทยที่ฮือฮากันมาก ทำไมถึงถ่าย วัฒนธรรมไม่เหมือนกันค่ะ อันนี้เราเข้าใจ"

พอใจกับภาพที่ออกมาไหม?
แจม - "ส่วนตัวคิดว่าโอเคนะ ด้วยเวลา และในอัลบั้มนี้เราโตขึ้น ถ้าจะถ่ายชุดว่ายน้ำก็ไม่แหวกไปจากลุกส์หรือคอนเซ็ปต์งานเพลง อีกอย่างช่วงนี้ซัมเมอร์ ถ่ายตอนนี้ไม่แปลก และคอนเซ็ปต์เที่ยวทะเล ดูสดใส น่ารัก"

งานเพลงที่ไปทำกับญี่ปุ่นเป็นไงบ้าง กระแสดีไหม?
แจม - "ดีมากเลย อาจด้วยเราเป็นคนไทยเป็นแฝดก็เลยดูแปลก แล้วเราเป็นแนวน่ารักผู้ชายที่นั่นชอบ ไปทำงานที่ญี่ปุ่นเกือบ 2 ปีกับค่ายคิงเรคคอร์ดส์ การทำงานที่ญี่ปุ่นกับไทยจะต่างกัน ในไทยทำงานกันอย่างสบายๆ สะดวกเธอสะดวกฉัน แต่ญี่ปุ่นจะเป็นตารางฟิกซ์ทุกอย่าง"

เนย - "ขนาดถ่ายรูป ทีมงานยังคิดท่ามาให้ ไม่มีเผื่อเลือกเผื่อเสีย ทุกวินาทีมีค่า นัดไปรับเราเจ็ดโมงครึ่ง เจ็ดโมงรถมารอแล้ว พอเจ็ดโมงครึ่งเป๊ะเราต้องขึ้นรถ ทุกอย่างเร็วจนต้องปรับตัว"

แจม - "อย่างในไทยเวลาสัมภาษณ์เรายังนั่งกินน้ำกินขนมคุยไปด้วยได้ แต่ญี่ปุ่นเครียดมาก เวลาสัมภาษณ์จะกำหนดเวลาเลยว่าขอสัมภาษณ์ 10 นาที แล้วเขาก็สัมภาษณ์แค่ 10 นาทีจริงๆ ตลอดการสัมภาษณ์เขาจะมองดูนาฬิกา พอ 10 นาทีปุ๊บเขาก็ขอบคุณแล้วก็ไป"

เดินเที่ยวเล่น ในญี่ปุ่นคนจำได้ไหม?
เนย - "จำได้ค่ะ แต่ต้องขึ้นอยู่ว่าเราไปย่านไหน ย่านคนที่รู้จักเราเป็นย่านอากิฮาบาร่า เกี่ยวกับพวกการ์ตูนแอนิเมชั่น แฟนคลับเราเป็น กลุ่มที่ชอบการ์ตูนเพราะเพลงที่เราร้องเป็นเพลงประกอบการ์ตูน ย่านนั้นเราไปเดินไม่ค่อยได้"

แจม - "อย่างที่ไทยคนจะจำได้ก็ไม่เป็นไร เขาอาจเข้ามาขอถ่ายรูปก็ให้ถ่าย แต่ที่ญี่ปุ่นห้าม เขาบอกว่ามันไม่แฟร์สำหรับแฟนคลับคนอื่น" วางแผนชีวิตงานวงการบันเทิงอย่างไร?

เนย - "แล้วแต่โอกาสและจังหวะ ถ้ามีโปรเจ็กต์ที่ต้องแยกทำก็ลองดูได้ แต่ถ้าเป็นอัลบั้มเนโกะจัมพ์คงไม่มีแยก อาชีพนักร้องเป็นอาชีพที่เนยรักค่ะ"

แจม - "จริงๆ ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่เพียงแต่ละวันเรามีโอกาสได้ทำงานทำให้ดีที่สุด การเข้ามาอยู่ในวงการเดี๋ยวนี้ไม่ยาก แต่ว่าอยู่ให้นาน อยู่ให้คนจดจำ อยู่ให้เป็นคนของวงการจริงๆ มันยากมาก อยากจะทำให้ดีที่สุด อยากมีผลงานให้ทุกคนได้ติดตาม และรู้ว่านี่คือผลงานของเราค่ะ" ช่วยกันซัพพอร์ตรักในมุมมองที่แตกต่าง

แทบจะอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน สำหรับคู่แฝด "เนย-แจม" เลยทำให้ต่างรู้ใจกัน มีอะไรมักปรึกษาหารือ ซึ่งก็ไม่เว้นเรื่องความรัก

"ไม่เชิงปรึกษากันหรอก" แจมเกริ่น "เหมือนว่าเราคุยกันเล่าให้ฟังกันมากกว่า เพราะเรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ถึงเราจะเป็นพี่น้องกัน แต่การตัดสินใจในที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง เพียงแต่เนยจะเป็นคนที่ดูอยู่ห่างๆ ดูอยู่รอบนอก"

จากนั้นก็ยกตัวอย่างเรื่องจริง ที่เจ้าตัวคบกับแฟนหนุ่ม "โจ"วันทนพร พึ่งเพียร "อย่างแจมคุยกับพี่โจ ก็จะไม่รู้หรอกว่าเนยจะไปคุยนอกรอบกับพี่โจ เป็นแบ๊กอัพคอยดูเรา บางทีแจมทะเลาะกับพี่โจ เนยก็จะบอกพี่โจว่าเนี่ยแจมโกรธแล้ว ไปทำอะไรมา อย่าให้รู้นะ อย่าให้แจมเสียใจนะ ขู่ตลอด"

แล้วเนยล่ะ ล่าสุดมีข่าวกับ "โจอี้ บอย" เนยเล่าให้แจมฟังไหม แจมว่า

"เนยเป็นคนมีจุดมั่นเป็นของตนเอง เราเปลี่ยนความคิดเขายากมาก ถ้าเราพูดตรงๆ ว่าคนนี้ไม่โอเคปุ๊บ เนยจะต่อต้านทันที เราต้องเห็นด้วย คอยซัพพอร์ต จะดูอยู่ห่างๆ ว่าคนนี้เป็นยังไง แต่แจมจะไม่เหมือนเนย จะไม่คุยตรงๆ แจมจะเป็นนักสืบ ไปสืบประวัติ คนนี้เป็นใคร เคยคบใคร นิสัยเป็นยังไง เก็บเป็นข้อมูลไว้แล้วค่อยๆ เล่าให้เนยฟัง ให้ค่อยๆ ซึมซับ"

สืบข้อมูลกับพี่โจอี้ บอย ด้วยหรือเปล่า แจมกล่าว "ทุกคนไม่รอด หนูไปสืบมาหมดแล้ว จะหยอดทุกวัน ใช้วิธีการเล่า แล้วให้เนยคิดเอง" แล้วตกลงตอนนี้กับโจอี้ความสัมพันธ์เป็นไง เนยกล่าวว่า "ตอนนี้คงเป็นได้แค่พี่น้อง จริงๆ พี่เขาดีกับเนยมาก แต่เหมือนพี่เขาโตมากแล้ว แล้วเนยห่างกับพี่เขาเยอะ เลยคิดว่าถ้าจะให้ดีเป็นพี่น้องกันดีกว่า"

จริงๆ มีหนุ่มเข้ามาจีบไหม "ไม่มีเลยค่ะ หรือมีแต่หนูไม่สนใจ ถามว่าหนุ่มๆ เข้าถึงยากหรือเปล่า ก็ยากนะ ตัวเนยเป็นคนที่ชอบคนยากมาก แต่ถ้าชอบปุ๊บก็จะไม่มองใครเลย ต่อให้คนที่มาจีบใหม่จะดีกว่าคนนั้นมากก็จะไม่สนใจ"

แจมเคยแนะนำหนุ่มให้เนยหรือเปล่า แจมพยักหน้า "เคยค่ะ เคยแบบสำรวจจากเพื่อนตัวเอง สำรวจจากทุกคน จากบรรดาคนที่ชอบเนยหนูกับเพื่อนจะช่วยกันสกรีนว่าใครดีเพอร์เฟ็กต์ ก็เอามาให้เขาเลือก"

เนยแทรก "เนี่ยชอบทำแบบนี้กับหนู บางทีหนูก็งง ใครวะที่แอดพินมา เอามาจากไหนเนี่ย แจมกับเพื่อนเอาพินหนูไปให้เขาแอด เพราะเขารู้ว่าถ้าเอามาให้หนูเนี่ย หนูไม่มีทางสนแน่นอน"

แจมทำหน้าเซ็ง "ซึ่งแต่ละคนก็ตกรอบตลอด"

เนยบ่น "แต่แจมก็ยังทำอย่างนี้เรื่อยๆ ไม่รู้เป็นไร"

ถามแจมว่า กลัวเนยไม่มีแฟนหรือไง แจมหัวเราะ "ก็เนยแบบติสต์แตก ชอบคนยาก บางคนมาชอบมาจีบเนย นัดไปเที่ยวด้วยกัน 3 คนคือหนูไปด้วย หนูแทบจะคุยเอง แล้วเนยชอบทำวงแตก หนีไปเข้าห้องน้ำ แล้วอยู่ในนั้นเป็น สิบชาติ"

"เนยเป็นคนเข้าถึงยากจริงๆ ถ้าเราไม่ได้อยู่ด้วยแต่เกิด เนยจะเป็นคนซับซ้อนมาก จริงๆ ดูเหมือนจะง่าย แต่จริงๆ เนยเป็นคนซีเรียสกับความรักมาก จริงจังเกินไป" เนยแย้ง "เรื่องอย่างนี้ไม่ควรเล่นๆ คือบางคนอาจคิดว่า โอ้ยเด็กๆ คบใครเป็นแฟนไปก่อนก็ได้ ไม่เห็นเป็นไร โอเคอายุอาจจะน้อย แต่จะคบทำไมเยอะนักหนา คบทั้งๆ ที่รู้ว่าเดี๋ยวก็เลิกเหรอ แล้วจะคบเพื่ออะไร มันเสียใจเปล่าๆ คบหลายๆ คน พอมีความสุขเดี๋ยวก็เลิก คบๆ เดี๋ยวก็เลิก มัน ตลกน่ะ"

แจมแทรก "มันเป็นสีสันของชีวิต(หัวเราะ)" เนยปฏิเสธ "ไม่ มันไม่ใช่สีสันของชีวิต ถ้าอีกคนเขาจริงจังกับเราขึ้นมาล่ะ แล้วเรารู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งฉันไม่ได้แต่งงานกับเธอหรอก บ๊ายบาย มันน่าเกลียด หนูทำไม่ได้" เรียกว่าเป็นฝาแฝดที่แตกต่างกันจริงๆ