Inside Dara
"รถเมล์"อยู่มายา9ปี ชีวิตเปลี่ยน-ได้ปรับตัวเอง

เข้าวงการมาแล้ว 9 ปี ผ่านงานแสดงทั้งหนังและละคร แต่นักแสดงสาว "รถเมล์"คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ เพิ่งมีโอกาสชิมลางเป็นนางเอกหลังข่าวครั้งแรก ในละคร "ชิงนาง" ทางช่อง 7

วันนี้เลยมีโอกาสพูดคุยกับเธอในบทบาทใหม่ที่ได้รับมอบหมาย

ผลงานแรกที่คนรู้จักคืออะไร

รถเมล์-"น่าจะเป็นหนัง "วัยอลวน 4 ตั้ม-โอ๋รีเทิร์น" ที่มาเล่นเพราะรถเมล์มาอยู่กับบ.โพลีพลัส แล้วมีพี่ที่ทำงานที่นั่นเป็นแคสติ้งให้หนังเรื่องนี้ เขาดูบุคลิกเราแล้วน่าจะเหมาะกับบทนางเอกเรื่องนี้ ซึ่งตอนนั้นเขาวางตัว พี่อ้วน-รังสิต แล้ว จากนั้นก็ลองให้ไปเล่นกับพี่อ้วนดูว่าเคมีตรงกันไหม ปรากฏว่าได้ ครั้งแรกเล่นหนังตื่นเต้นมาก เขาบอกให้เล่นเป็นตัวเองมากที่สุด ยากตรงที่ค่อนข้างจริงมาก ทุกอย่างไม่ประดิษฐ์อะไรมาก เลยยาก"

งานด้านละครล่ะ เล่นเรื่องแรกอะไร

รถเมล์-"ต่างฟ้าตะวันเดียว" ค่ะ เล่นกับพี่ติ๊ก (เจษฎาภรณ์), พี่เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ และ ว่าน (ธนกฤต) พอมาเล่นละครแล้วไปกันใหญ่ เล่นแข็ง คนละทางกับหนังเลย เกร็งทั้งนักแสดงและการทำงาน พอรู้ว่าต้องมาเล่นกับพี่ติ๊ก นักแสดงที่เราชอบ เกร็ง กลัว กังวลไปหมด หลังเรื่องนี้ก็มีละครต่อเนื่อง บทจะเป็นผู้หญิงเรียบร้อยๆ ที่ผ่านมาลองทั้งงานหนังละคร จริงๆ ชอบทั้งสองอย่าง แต่ช่วงหลังๆ เริ่มรับละครเยอะขึ้น ทำพิธีกร ตลาดสดสนามเป้า ด้วย เลยทำให้ไม่มีเวลาไปเล่นหนัง"

กับงานพิธีกรทำแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

รถเมล์ -"ชอบมากเลย ด้วยเป็นคนชอบถาม อยากรู้อะไรก็ถาม เหมือนถามแทนคนดูไปด้วย คนดูก็รู้ไปพร้อมๆ กันกับเราแล้วโชคดีมากที่ได้ร่วมงานกับพิธีกรเก่งๆ อย่าง พี่แหม่ม-สุริวิภา และ พี่เหมี่ยว-ปวันรัตน์ บางคนอาจรู้สึกว่าทำงานกับคนเก่งแล้วจะกลัว แต่เราชอบ ทำให้พยายามมากขึ้น"

"ทำพิธีกรมา 5 ปี ฟีดแบ็กดีมาก ไปไหนคนรู้จัก จากเมื่อก่อนเล่นละครคนอาจสะดุดที่ชื่อ แต่เวลาที่ไม่ได้แต่งหน้าคนอาจจำไม่ได้ พอมาทำรายการ ตลาดสดสนามเป้า ไม่แต่งหน้าออกไปข้างนอกคนก็จำได้ คนกล้าจะเข้าหาเรามากขึ้น รถเมล์ว่าเราเข้าถึงได้ง่ายกว่า"

อยู่วงการมากี่ปีแล้ว

รถเมล์ -"เกือบ 9 ปีแล้ว กับ 9 ปีทำให้ชีวิตเปลี่ยนเหมือนกัน ได้ฝึกบุคลิกตัวเองเยอะขึ้น อย่างสมัยก่อนรถเมล์เป็นคนขี้แง ไม่ชอบแสดงออก แต่พอเริ่มทำงานเริ่มฝึกบุคลิกโดยไม่ต้องไปเข้าคอร์ส ซึ่งวงการบันเทิงก็เหมือนเป็นการเข้าคอร์สไปในตัวรวมถึงการใช้ชีวิตกับคนมากๆ ตรงนี้เลยเป็นข้อดีในการปรับตัวเข้าหาคนอื่น"

เป็นนางเอกละครหลังข่าวเรื่องแรกรู้สึกอย่างไร

รถเมล์-"ตื่นเต้นค่ะ แต่ไม่ว่าจะเป็นนางเอกหรืออะไร เวลาทำงานก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม แค่บทที่เปลี่ยนไป อย่างเมื่อก่อนจะรู้สึกว่าถ้าเปิดโทรทัศน์มา กว่าจะเห็นเราต้องตั้งตารอ แต่มาเล่นเรื่องนี้รู้สึกว่าเปิดมาเมื่อไหร่ก็เจอเรา ซึ่งบทบาทเรื่องนี้เป็นผู้หญิงเรียบร้อย ถูกเก็บมาเลี้ยง ถูกมองว่าเข้ามาอยู่ในตระกูลนี้แล้ววิบัติชัวร์ ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นตัวซวยของบ้าน ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจ และไม่ได้ทำอะไรเลยที่ให้ผู้ชาย 4 คนมาชอบ เรื่องนี้ดราม่ามาก สมใจมาก ร้องไห้ทั้งเรื่อง นับตอนยิ้มได้ว่ากี่ฉาก"

กดดันหรือเปล่า กับการมาเป็นนางเอก

รถเมล์-"ไม่นะ แค่รู้สึกว่าทำให้ดีที่สุด เอาความกดดันมาทำให้พยายามในการเล่น เล่นมาทุกเรื่องเราพยายามตลอด แต่เรื่องนี้เราต้องเล่นให้ดีที่สุดมากกว่านั้น เพราะเราเพิ่งมาเป็นนางเอก ถ้าเล่นไม่ดีคนว่าแน่ๆ คือรู้ตัวเองหมด แต่ไม่ได้ซีเรียส สุดท้ายอยู่ที่ตัวเราว่าจะทำให้ออกมาดีที่สุดหรือเปล่า บทไม่ต้องพูดถึง เพราะหน้าที่ของบทเขาเขียนมาดีแล้ว หน้าที่ผู้กำกับฯ ดูแลภาพรวมทุกอย่างดีอยู่แล้ว อยู่ที่ตัวเองทั้งนั้น ถ้าเล่นไม่ดี คนอื่นเล่นดีเราก็โดน เลยรู้สึกว่าเราต้องเต็มที่ก่อน"

"แรกๆ มาเล่นรู้สึกยาก เพราะไม่ชินอะไรสักอย่าง เล่นอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ปรับอารมณ์ไม่ได้ แต่พอเล่นไปนานๆ มันซึมเข้าไปในความรู้สึก ไม่ต้องอธิบายบท แค่คนนี้พูดออกมาเราก็รู้สึกได้แล้ว"

ช้าเกินไปไหมกับการขึ้นมาเป็นนางเอก

รถเมล์- "เฉยๆ ค่ะ รู้สึกว่าวันไหนที่มีงานทำแล้วมีบทที่แตกต่างไปจากเดิมเราแฮปปี้ ไม่ได้รู้สึกว่าช้าไปสำหรับเรา ถึงจะเข้าวงการมาหลายปีแล้วแต่ก็มีความสุขกับงานที่ทำ ไม่ได้รู้สึกน้อยใจว่าทำไมเราเข้ามาแล้วไม่ได้เป็นนางเอก เราแฮปปี้ รู้สึกว่าทำงานแล้วคนรัก ไม่ได้ต้องการเป็นนางเอก แต่วันหนึ่งผู้ใหญ่ให้โอกาสก็รู้สึกขอบคุณจริงๆ"

ถูกมองลูกรักคนใหม่ของโพลีพลัส เลยได้ขึ้นแท่นนางเอก

รถเมล์- "ไม่หรอกค่ะ โพลีพลัสมีนักแสดงหลายคน แต่ละคนก็ไม่ได้บอกว่าจะทำได้ทุกอย่าง อย่างเราก็ไม่รู้ว่าต้องทำพิธีกร ตอนเข้ามาอยู่ใหม่ๆ เขาจะให้เขียนโปรไฟล์ตัวเอง ซึ่งตอนนั้นเราเขียนไปว่าชอบทำพิธีกร คือเขาจะดูความถนัดของแต่ละคนเป็นหลัก พอดีเราโชคดีที่ทำพิธีกรได้ เล่นละครได้ เลยเหมือนว่าเห็นเราทำงานเยอะ พอมาทำรายการตลาดสดสนามเป้า ก็มีโอกาสได้เขียนคอลัมน์ในหนังสือ เรียกว่ามันเป็นสเต็ปของมัน"

วางอนาคตในวงการอย่างไร

รถเมล์-"ถ้าพูดกันตามตรง วางเองไม่ได้หรอก เพราะเราไม่ได้เป็นตัวกำหนด อยู่ที่คนดู ผู้จัด และช่อง ว่ายังจะจ้างหรือเปล่า แต่ถ้าถามรถเมล์อยากทำงานเต็มที่ มีโอกาสให้ได้ทำก็ทำตลอดค่ะ"

เปรียบรักเหมือนขนมหวาน-สดชื่นแต่ไม่เลี่ยน

หลังเลิกรากับนักแสดงหนุ่ม "เดี่ยว"สุริยนต์ อรุณวัฒนกุล ดูเหมือนความรักของสาว "รถเมล์คะนึงนิจ" เงียบๆ ไป จะมาคึกคักก็ไม่นานนี้เมื่อเจ้าตัวเปิดตัวว่าคบหาอยู่กับนักธุรกิจหนุ่ม "แม็ค"จักรกฤษณ์ เบเนเดดตี้

"ที่ผ่านมาใช้ชีวิตปกติมาก ไปไหนมาไหนเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ถามว่าคนในวงการมีมาจีบไหม ไม่มีเลยค่ะ (หัวเราะ) แรกๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอนานๆ ไปก็กลับมาพิจารณาตัวเองว่ามีอะไรที่แปลกไปหรือเปล่า คนถึงไม่อยากคุยกับเรา โอเคในการทำงานทุกคนคุย ทุกคนแฮปปี้ที่จะทำงานกับเรา แต่ถ้าให้จีบผู้หญิงคนนี้ไม่ (หัวเราะ)"

นางเอกสาวรับว่าตัวเองเป็นคนช่างเลือกพอสมควร แต่เลือกแบบไม่มีข้อแม้ ไม่มีสเป๊ก

"ตอนนี้เรามองต่างจากเมื่อก่อน จากเมื่อก่อนหนูอาจมองแค่นี้ ไม่ได้คิดถึงอนาคต แต่วันนึงโตขึ้นเริ่มเห็นอะไรบางอย่าง เริ่มเปลี่ยนความคิด เราไม่ได้คิดว่าต้องเจอแต่คนในวงการ แล้วเลือกเฉพาะคนในวงการ หรือเจอใครต้องเลือกเฉพาะคนที่หน้าตาดี มีฐานะ ซึ่งไม่ใช่แล้ว มันเปลี่ยนไปหมด"

ถามว่าแล้วหนุ่มแบบไหนที่สามารถเข้ากับรถเมล์ได้ นางเอกสาวตอบว่า "เราชอบคนที่เป็นผู้ใหญ่ อยากได้คนที่ปรึกษาได้ ไม่ใช่เราต้องมาดูแลแฟนเหมือนน้องชาย มันเหนื่อย รถเมล์ชอบคนที่ดูแลเราได้ ไม่จำเป็นต้องดูแลเยอะ แค่ใส่ใจ เข้าใจในความคิดเราแค่นี้เอง เราเป็นคนพูดตรงมาก ชัดเจนมาก ชอบไม่ชอบก็จะบอกเลย"

แล้วกับหนุ่ม "แม็ค"จักรกฤษณ์ เบเนเดดตี้ คนที่คุยอยู่เป็นอย่างไรบ้าง ดาราสาวแง้มว่า "เขาเป็นคนนอกวงการ ทำธุรกิจนำเข้าไวน์ในเมืองไทย อายุห่างกว่ารถเมล์ 10 ปีได้ พอเจอแล้วรู้สึกว่าเขาคุยกับเราได้ โอเคเป็นผู้ใหญ่กว่าด้วย และ โชคดีที่พี่เขามีความเป็นเด็กผสมกันแบบพอดีๆ เขาไม่ได้ดูแก่อะไร ดูเด็กๆ อยู่"

คุณพ่อคุณแม่ว่าอย่างไรกับหนุ่มคนนี้ รถเมล์ยิ้ม "โอเคค่ะ พี่เขาเคยเจอกับที่บ้านแล้ว คุณพ่อไม่ได้พูดอะไร เพราะถ้าคุณพ่อไม่ได้พูดอะไรนั่นแสดงว่าโอเค ส่วนคุณแม่นี่ด้วยเราจะรู้ว่าถ้ามาแบบไหนที่แม่ไม่ชอบ หรือถ้ามาแบบนี้แม่เขาจะมีแต่ อย่างน้อยๆ แม่จะดูจากตัวเราก่อนว่าเรามีความสุขไหม รถเมล์ดูแลตัวเองได้ไหม เขาดูแลเราเป็นอย่างไร เขาให้เกียรติหรือเปล่า เหมือนว่าแม่ก็ดูไปด้วยกันกับเรา เรารู้จักใครเขาก็รู้จักด้วย"

"แม็ค" เกร็งไหมเวลาไปไหนกับเราแล้วคนจับตามอง "ไม่หรอกค่ะ ด้วยหน้าที่การงานเขา เขาก็มีบทบาทของเขาและไม่จำเป็นต้องอายที่มาเดินกับรถเมล์ เขาไม่เขินด้วย อาจมีช่วงแรกๆ ด้วยความที่เขาไม่เดินห้าง เวลาไปกินข้าวก็ไปกินร้านลูกค้าพี่เขาซึ่งเป็นต่างชาติ และพอเจอหลายๆ รอบเขาคงชิน แรกๆ เขาแปลกใจและเพิ่งรู้ว่าคนที่ทำงานในวงการบันเทิง พอไปงานทีคนมาวิ่งรุมขนาดนี้เลยเหรอ โชคดีที่เขาก็อยากรู้เรื่องการทำงานของเรา และเราก็ไม่เคยรู้เรื่องการทำงานของเขา มันเหมือนเป็นความรู้เพิ่มเติมเลยมีเรื่องให้ได้คุยกัน"

เรียกแฟนได้หรือยัง "น่าจะได้นะ เพราะคบกันมาจะปีแล้ว แต่หลายคนอาจจะไม่รู้"

เปรียบความรักตอนนี้เป็นอะไร รถเมล์คิดก่อนตอบ "ถ้าให้เปรียบความรักคงเป็น ขนมหวาน แต่คงไม่ได้หวานเลี่ยน อาจเป็นพวกไอศกรีมที่เย็นๆ สดชื่นๆ นิดนึง คือคู่เราไม่ใช่สไตล์หวานเลี่ยนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ด้วยความที่พี่เขาก็ผู้ใหญ่ และรถเมล์ก็ไม่ชอบอะไรที่หวานเลี่ยนด้วยค่ะ"

เรียกว่าหวานกลมกล่อมกำลังดี


เด็กขี้แง

ถูกเลี้ยงมาแบบไม่ค่อยเข้มงวด และก็ไม่ได้ถูกเลี้ยงให้เป็นคุณหนู สำหรับนางเอกสาว "รถเมล์คะนึงนิจ" โดยเจ้าตัวเล่าว่า

"คุณพ่อนี่ไม่ดุเลย จะเป็นคนโอ๋ลูกสาวมากกว่า แต่กับคุณแม่จะเป็นคนดุค่ะ รถเมล์อยู่ในครอบครัวใหญ่คนจีน การแต่งตัวต้องเรียบร้อย ในครอบครัวใหญ่จะมีพี่น้อง 9 คนที่รุ่นเดียวกัน รถเมล์จะเป็นผู้หญิงคนเดียว ซึ่งเวลาไปไหนเราก็ตามๆ เขาไป ไม่เคยได้ไปเล่นอะไรที่เป็นผู้หญิงเลย"

สมัยเด็ก นางเอกสาวบอกไม่มีความใฝ่ฝันเหมือนเด็กๆ ทั่วไปที่ฝันอยากเป็นโน่นเป็นนี่ จนเริ่มมารู้สึกตัวเองตอนเรียนอยู่มัธยมต้น

"แปลกมากเลยค่ะ เด็กคนอื่นๆ จะมีความฝันอยากเป็นครู หมอ แอร์โฮสเตส แต่เราไม่มีเลย จะมาเริ่มรู้สึกตัวเองตอนม.ต้น ต้องหาแล้วว่าตัวเองชอบอะไร ก็เลยลองไปสอบพยาบาล เข้าไปถึงก็รู้สึกเลยว่าไม่ใช่ จนลองไปเรียนจิวเวลรี่ เรียนแล้วก็แฮปปี้ จนมารู้ตัวเองว่าเราไม่ชอบอะไรที่เป็นระเบียบ แต่จะชอบอะไรที่เป็นอิสระ มีเวลาให้ได้คิดมากกว่า"

นางเอกสาวกล่าวอีกว่า "สำหรับแววนักแสดงนี่ไม่มีเลย และไม่ได้เป็นเด็กกิจกรรมด้วย จะเป็นเด็กขี้แง จำได้เลยไปดูภาพตัวเองตอนเด็กๆ เป็นภาพใส่ชุดเต้นทำกิจกรรมของโรงเรียนแต่หน้าก็จะร้องไห้ไปด้วย พอเริ่มจะมาเป็นดรัมเมเยอร์คุณแม่ไม่ให้ แม่บอกใส่กระโปรงสั้น ไม่ได้ๆ แต่กิจกรรมที่จะได้ทำคือใส่ชุดไทยถือป้ายแบบนี้มากกว่า"

"รถเมล์" เริ่มเข้าวงการเมื่อตอนประมาณม.4 โดยตอนนั้นไปเรียนพิเศษกับเพื่อนที่สยาม

"พอดีเจอ พี่ยอร์ชที่เคยทำที่บ.บาแรมยู พี่เขาก็เข้ามาคุย เราก็เริ่มกังวลว่าใครนะ ไม่รู้จัก ก็ไปเล่าให้ป๊ะป๊าหม่าม้าฟัง และพี่เขามาเห็นชื่อนามสกุลเรา ถึงได้รู้ว่าพี่ยอร์ช เป็นเพื่อนกับพี่สะใภ้ ความไว้ใจเริ่มมีมากขึ้น เขาเลยชวนให้ลองมาทำ เริ่มจากถ่ายเอ็มวี จากนั้นก็มีคนติดต่อป้อนงานมาเรื่อยๆ ค่ะ"


ชื่อเล่น : รถเมล์
ชื่อ นามสกุล : คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์
วัน/เดือน/ปีเกิด : 5 พ.ย. 2529
บิดา/มารดา : ทนงค์-ธิดารัตน์ จักรสมิทธานนท์
พี่น้อง : มีน้องชาย 2 คน
การศึกษา : ชั้นอนุบาลที่ร.ร.สวนปากน้ำ ประถมศึกษา ที่ร.ร.ป๋วยฮั้ว, ร.ร.ชวลิตร มัธยมต้นที่ร.ร.วัดศรีจันทร์ประดิษฐ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มัธยมปลายที่ร.ร.สตรีสมุทรปราการ อุดมศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกออกแบบเครื่องประดับ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ