Inside Dara
ฟ้าหลังฝนของ ‘หญิง รฐา’ ที่มาพร้อมกับแรงบันดาลใจ

หญิง รฐา โพธิ์งาม” นักแสดงสาวที่เราเชื่อว่าเธอเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลาย ๆ คน เพราะเธอเป็นนักสู้ ที่สามารถก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าในวงการบันเทิงได้อีกครั้ง และวันนี้เธอก้าวไปไกลกว่าที่ใคร ๆ คิด เรียกว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ เธอผ่านร้อน ผ่านหนาว จนทำให้เธอกลายเป็นหญิงแกร่งในวันนี้ และในวันนี้เธอจะมาพูดคุยกับเราถึงทุกเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา ในวันที่ฟ้าหลังฝน

จากละคร ต้มยำลำซิ่ง วันนี้ผ่านมา 2 ปี ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหมคะ?

“จากละครเรื่อง ต้มยำลำซิ่ง ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะในเรื่องของการทำงาน จากเมื่อก่อนเป็นนักร้องเสียส่วนใหญ่ เรียกได้ว่าหญิง เป็นนักแสดงเต็มตัวนะ เพราะว่ารายได้ที่หาเลี้ยงตัวในตอนนี้คือ งานการแสดง และตัวเองตอนนี้ก็จะหมดหนี้สิ้นแล้ว เหลือเพียงผ่อนชำระบ้านอีกนิดเดียวเท่านั้นเอง คือในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มันแทบจะเปลี่ยนชีวิตหญิงไปทั้งหมดเลย เหนื่อยมาก แต่เหนื่อยกาย ไม่เหนื่อยใจ เรารู้สึกสนุกกับการทำงาน สนุกกับการได้แสดง รู้สึกว่าอยากจะทำงานกับคนนี้ อยากรู้จักกับผู้จัดคนโน้น อยากจะร่วมงานกับนักแสดงท่านนี้ เรารู้สึกว่ามันท้าทายดีไม่น่าเบื่อ เป็นนักร้องเราจะอยู่ของเราคนเดียว ไปไหนก็ไปกับแดนเซอร์ ถึงแม้จะได้ทำงานเปลี่ยนทีม แต่มันก็ทำงานในรูปแบบเดิม ๆ ร้องเพลงเดิม ๆ แต่อันนี้ได้เจอเพื่อนใหม่ ๆ สังคมใหม่ ๆ มันสนุกดี”

จากที่ไปเมืองคานส์มา ตรงนั้นได้ประสบการณ์อะไรใหม่ ๆ มาบ้าง

“ได้แรงบันดาลใจมาเยอะมาก จากเมื่อก่อนเรารู้สึกเราเป็นนักแสดงคนหนึ่งที่เราได้ออกไปเห็นโลกอีกโลกหนึ่งนะ มันรู้สึกฮึกเหิม รู้สึกว่าถ้ามีโอกาสเราคงอยากจะทำ ถ้ามีโอกาสแค่สักนิดหนึ่ง เราจะพยายามมากกว่านี้ เพราะสิ่งที่ไปเจอมันเป็นโลกที่ใหญ่มาก หญิงรู้สึกว่าโลกที่เราอยู่ มันเหมือนพี่ เหมือนน้อง โลกของเรามันเล็กมาก ไม่ใช่ว่าเราอยากจะไปอยู่ในโลกที่ใหญ่ขึ้นนะ แต่เราอยากจะไปเจอโลกกว้าง หญิงอยากไปเจอโลกของการทำงาน ในคนที่ไม่เคยเจอ และอยากไปทำงานในหมู่คนที่ไม่รู้ว่าเราเป็นลูกแม่น้อย หญิงอยากลองไปที่ที่เขาไม่รู้จักเราเลย ไม่ต้องมานับพี่นับน้องกันในการทำงาน ไม่รู้ว่าหญิงจะอยู่ได้หรือเปล่า โลกมันกว้างกว่านี้อีกเยอะมาก”

แล้วตอนนี้คิดว่าตัวเองพร้อมหรือยัง?

“ก็พยายามที่จะหาความรู้เพิ่มเติมนะคะ ตอนนี้เราก็ลองทำงานกับหนังต่างประเทศในประเทศเพื่อนบ้านเราไปก่อน อย่างลูแปง อาจจะแค่ในเอเชีย เพราะได้นักแสดงนำญี่ปุ่นมาร่วมแสดงด้วย มันยังไม่กว้างเท่า โอลีก๊อดฯ บทที่เขาส่งมาเป็นภาษาอังกฤษ หญิงก็ยังไม่รู้รายละเอียดว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน”

ตอนนี้มีหนังต่างประเทศเรื่องอื่น ๆ ที่ไปแคสไว้บ้างมั้ย?

“ตอนนี้ก็ต้องรอปีหน้าค่ะ เพราะว่าหนังในปีนี้เขาแคสกันไปหมดแล้ว และอยู่ในช่วงถ่ายทำแล้ว แต่ถ้าจะแคสอีกก็ต้องรอปีหน้าเลยค่ะ”

การที่เราเป็นเอเชีย มันทำให้เรามีข้อจำกัดมั้ย?

“หญิงว่ามันเป็นข้อที่เราได้เปรียบนะ อย่าไปมองว่าตลาดเป็นตลาดตะวันออก แล้วเราเป็นตะวันตก แต่ถ้าเราไปยืนใกล้เขายังไงเราก็แพ้ ยังไงเราก็คือเอเชีย เพราะฉะนั้นบทที่เขามองว่าจะเป็นคนขาวนั้น บทเด่นตรงนั้นคงไม่มาถึงเรา เราก็คงเป็นตัวรอง ๆ ตัวสาม ตัวสี่ หญิงก็ไม่ได้ไปซีเรียสตรงนั้นนะ หญิงก็อาจจะเป็นคนใหม่ ที่แบบยังไม่มีลุคแบบนี้มาก่อนในเอเชีย ยังไม่ค่อยเห็น ซึ่งในฮอลลีวูดยังไม่ค่อยมี แต่ถ้าฮอลลีวูดเขาอยากจะทำอะไรในเอเชีย เขาก็คงอยากจะได้แบบเอเชียเลย หมวยไปเลย ซึ่งมันก็ยาก แต่โทนหน้าแบบหญิง ตอนนี้เขาก็สนใจ มันเป็นเอเชียอีกลุคหนึ่งที่แปลก”

ตอนนี้ดูมุ่งมั่นแต่งานต่างประเทศ?

“มันก็ไม่เชิงค่ะ เพราะว่าหญิงก็มีงานในเมืองไทยที่กำลังทำอยู่ มีละคร มีหนัง ก็ยังรู้สึกว่าอะไรที่มันเป็นของเรา ยังไงมันก็เป็นของเรา ถ้ามันถูกที่ถูกเวลา เวลาที่เราทำงานเราร้องไห้กับผู้จัดการบ่อย อย่างบางงานได้มาเขาจะให้เราทำวันนี้พรุ่งนี้แล้ว แต่เราบินไปไม่ได้เพราะว่าเรามีงานที่รับผิดชอบตรงนี้อยู่ คือ หญิงไม่รู้หรอกว่าการไปบ้านเขาเมืองเขา เราจะได้รับการต้อนรับมากแค่ไหน เพราะว่าถ้าเราไม่น่ารักกับคนที่นี่ เราก็กลับมาไม่ได้นะ เขาไม่ต้อนรับ แต่ถ้าเราน่ารักกับคนที่นี่ไว้ เราไปแล้วเรากลับมา คนที่บ้านเราก็ยังต้อนรับเราอยู่ หญิงเคยพูดกับผู้จัดการหญิงว่า ในเมื่อวันนี้เราตกลงที่จะเล่นละครในบ้านเราแล้ว ดังนั้นเราต้องรับผิดชอบที่นี่ให้เสร็จก่อนแล้วเราค่อยไป”

ตอนนี้เวลารับงานเราต้องเลือกเยอะขึ้นมั้ย?

“ก็เลือกนะคะ อย่างตัวละครเอง หญิงไม่ได้เลือกที่บทว่านำไม่นำ แต่มันก็เป็นวิธีการทำงานของหญิงแต่แรกว่าอ่านแล้วมันใช่เรามั้ย แต่ถ้าอ่านแล้ว มันใช่เราหญิงก็จะรับเลย หญิงไม่แคร์ว่ามันจะเป็นตัวไหน หญิงมองว่าตัวละครทุกตัวคือนักแสดง หญิงจึงขอเลือกบทที่มันท้าทาย หญิงจึงมักจะเลือกบทที่รู้สึกว่าหญิงเล่นแล้วมันได้อะไร เพราะยังไงหญิงก็เป็นนางเอกไม่ได้อยู่แล้ว”

ทำไมคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกไม่ได้?

“หญิงว่า ด้วยคาแรกเตอร์หญิง มันค่อนข้างที่จะแข็งแรงมาก จะให้หญิงไปเล่นเป็นนางเอกที่อ่อนแอ อ่อนหวาน คนก็ไม่เชื่อ เพราะด้วยหน้าตาหญิงเป็นคนหน้าแรง หน้าร้าย มันเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าในมุมของหนังมันเป็นไปได้ อะไรที่มันจริงมาก คือหญิงชอบหนังอย่างหนึ่งว่า มันเป็นความจริงดี ดูแล้วเราไม่ได้รู้สึกว่าใครเป็นพระเอก นางเอก เพราะในชีวิตจริงตัวเราคือพระเอก นางเอก ดังนั้นเวลาที่เราจะรับคาแรกเตอร์ใดเข้ามา ก็คิดว่านี่คือตัวเอกของเรา เราก็เล่นเป็นตัวนั้นไป”

การใช้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนมั้ย?

“เปลี่ยนค่ะ งานทุกวันเลย ไม่ได้บอกว่างานตัวเองเยอะขนาดนั้นนะ คือหญิงรับละคร 2 เรื่อง กินเวลา 7 วัน หญิงรับอีเวนต์ อาทิตย์ละวัน แล้วก็มีงานคอนเสิร์ตบ้างประปราย เพราะมันเป็นงานที่หญิงรักที่สุด หญิงไม่อยากทิ้ง ร้องเพลงกับการแสดงมันเป็นสองสิ่งที่เราทิ้งไม่ได้”

ในเรื่องความคิด ความรู้สึกล่ะ เวลาที่เราทำงานเยอะ ๆ ตื่นเช้ามาเรารู้สึกยังไง?

“หญิง ตื่นมาหญิงจะมานั่งคิดว่า วันนี้เราต้องทำอะไรบ้าง หลัง ๆ เริ่มมีแบบวันไหนได้หยุดบ้าง ถ้าได้หยุดแล้วจะทำอะไร อยากไปท่องเที่ยว หยุด 2 วันก็มีความสุขแล้ว ขับรถไปใกล้ ๆ พัทยา หัวหิน ไปนอนนิ่ง ๆ ชาร์จแบตกลับมา มันก็มีคุณค่ากับหญิงมากแล้ว บางทีอยู่ในเมืองมาก ๆ มันอึดอัด การได้ออกไปนอน อ่านหนังสือ ฟังเพลง ก็มีความสุขแล้ว หญิงว่าชีวิตคนเราไม่ได้ต้องการอะไรเยอะหรอก คนเราเกิดมาต้องทำงาน ทำเพื่ออะไร เพื่อปากท้อง ครอบครัว ตัวเราเอง อนาคต แต่ไม่ได้มีใครบ้าทำงานทุกวัน จนลืมให้เวลากับตัวเอง หญิงไม่ได้เป็นคนแบบนั้น แต่ยังไงหญิงก็ยังให้ความสำคัญกับงานมากที่สุดอยู่ดี”

แล้วความรักล่ะ?

“ความรักสุดท้ายเลยหญิงว่านะ เพราะว่าชีวิตหญิงโตมาผ่านเรื่องราว เจอผู้คนมันมีทั้งสมหวัง ผิดหวัง ความไม่เข้าใจ แม้แต่กระทั่งความเป็นไปไม่ได้ หญิงว่าเวลาที่เราเข้าใจชีวิตมาก ๆ แล้ว เราแค่ต้องการคนที่เข้าใจเราจริง ๆ คนที่อยู่ได้เหมือนเพื่อนกันมากกว่า คือคุยกันได้ทุกเรื่อง สบายใจ ไม่รู้สึกว่าเธอเป็นแฟนฉัน ฉันเป็นแฟนเธอ เราต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา หญิงไม่ใช่ลักษณะแบบนั้นแล้ว หญิงโตขึ้นมา ผ่านจุดนั้นไปแล้ว ตอนนี้หญิงอยากจะเจอคนที่มันยิ่งกว่าแฟน อยากเจอคนที่นั่งคุยแล้วมันเป็นทั้งพี่ เป็นทั้งพ่อ เป็นทั้งเพื่อน เป็นเหมือนทั้งคนรัก ที่พร้อมจะสนับสนุนเรา พร้อมที่จะติเตียนเรา คนที่หญิงเจอส่วนใหญ่เราจะเจอแค่ ไปกินข้าว ไปดูหนัง แต่สิ่งเหล่านั้นไม่เคยทะลุเข้ามาหาหญิงได้สักที ความเป็นจริงในชีวิตหญิง ยังไม่เจอใครที่จะเดินมาถึงได้สักที มันทำให้หญิงไม่อยากเสียเวลา ถ้าเขามาแค่นี้แล้วได้แค่นี้จริง ๆ หญิงก็จะไม่เสียเวลา

หญิงไม่ซับซ้อนนะ แต่หญิงตรงมาก บางทีเรารู้สึกว่าปัญหาและประสบการณ์ในชีวิตเรา เรื่องการดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัว ตลอดชีวิตที่ผ่านมา หญิงรู้สึกว่า หญิงยังไม่เคยเจอใครที่ผ่านอะไรมาเท่าหญิง เพราะหญิงอาจจะเจอเรื่องราวที่หนัก ๆ มาเยอะ เพราะฉะนั้นหญิงอยากจะเจอใครที่เดินทางไกลกว่าหญิงนิดหนึ่ง อายุมากกว่า แต่ก็ไม่ได้มากกว่ามาก แค่ชอบคนที่อายุแก่กว่า 5-6 ปี แล้วดูแลหญิงได้ เป็นทั้งพี่ เป็นเพื่อน เขาอาจจะต้องเป็นคนที่ชีวิตผ่านอะไรมาเหมือนกัน เจออะไรมาคล้าย ๆ กัน บางคนเรารู้สึกเลยว่าเขาเข้ามาชอบเราเพราะชอบที่เราแต่งตัวแบบนี้ คาแรกเตอร์แบบนี้ มันแค่ผิว ๆ ที่ ณ วันนี้เราเป็นแบบนี้อยู่ อดีตไม่อยากพูดถึง อนาคตไม่รู้จะเป็นยังไง หญิงอยากจะเจอคนที่ภูมิใจในอดีตหญิง เข้าใจหญิงในปัจจุบัน และวางรากฐานในอนาคตได้ซึ่งหญิงยังไม่เจอ ถ้าไม่เจอแบบนี้ ก็ไม่รู้จะเสียเวลาทำไม”

เคยคิดเรื่องขึ้นคานมั้ย?

“คิดซิ คิดเผื่อไว้แล้ว ก็คิดว่าคงเป็นผู้หญิงมีความสุขคนหนึ่งนะ แล้วก็ยังอยู่กับแม่เหมือนเดิม อาจจะไปเที่ยวต่างประเทศ มีเพื่อน อาจจะพาแม่ไปเที่ยว มันคงเหงานะ แต่ก็คงเหงาไม่เท่าไร เพราะถ้าเป็นผู้หญิงมีอายุ ก็อาจจะมีเด็กเข้ามาให้กระชุ่มกระชวย กิ๊กกั๊กกัน แล้วก็จากกันไป แต่หญิงไม่อยากทำร้ายตัวเองขนาดนั้น เพราะหญิงก็ยังอยากจะเป็นแม่คน ผู้หญิงทุกคนก็ยังอยากแต่งงาน มีครอบครัว มีคนดูแลเราจริง ๆ แต่ถ้า 35 ไม่เจอพอแล้ว ไม่อยากหลอกตัวเอง จะเก็บเงินพาแม่เที่ยว ไปเที่ยวกับเพื่อน ไม่รู้ซิมันคงเป็นชีวิตแบบนั้น”

มีแปลนไว้มั้ย ว่าเราจะทำอะไรบ้างในชีวิตแบบนั้น?

“มีค่ะ ก็คิดไว้ว่าจะทำธุรกิจอะไรสักอย่างหนึ่ง กำลังตัดสินใจอยู่ แต่ถ้าจะทำร้านอาหารก็จะทำให้แม่แน่ ๆ คือคงทำให้แม่ให้เรียบร้อย ส่วนตัวของหญิงเองอาจจะทำเบื้องหลัง อยากทำรายการทอล์กโชว์ ในการทำรายการแบบนั้น มันคงต้องอาศัยบารมี ทุกวันนี้สิ่งที่หญิงทำอยู่คือการสร้าง สร้างสิ่งเหล่านี้ให้คนเชื่อว่าเราจะเติบโตมาในรูปแบบไหนในชีวิตมากขึ้นกว่าเราเป็นเราแบบนี้ หญิงเห็นภาพตัวเองในอนาคตเป็นผู้หญิงเก่ง เป็นพิธีเก่ง ๆ นั่งคุยกับใครให้คำปรึกษาคนอื่นได้ แล้วก็อยากเปิดโรงเรียน สอนการแสดง หญิงไม่รู้อนาคตเราจะทำได้แค่ไหน”

แล้วคิดว่าเมื่อไร หนี้สินเราจะหมด แล้วเอามาสร้างอนาคตรองรับเราได้?

“หญิงว่าเรื่องหนี้ คนเรานะ พอหมดหนี้เก่า เราก็สร้างหนี้ใหม่ ไม่รู้ซิ หญิงว่า หญิงกับเงิน มันห่างไกลกันมาก แต่เงินกับหญิงอยู่กันได้ไม่นานเลย (หัวเราะ) มันมีอะไรให้ต้องใช้ตลอดเลย อาจจะเป็นดวงของหญิง วันหนึ่งถ้าต้องแต่งงานกับใคร ก็จะแบบช่วยดูแลเงินด้วย หญิงไม่เกี่ยว คุณแม่ให้ฉันเดือนเท่าไรก็จบเลย ณ ตอนนี้นะ แต่ไม่รู้ว่าในอนาคตนะ ถ้าเรามาทำธุรกิจเอง เราอาจจะต้องเรียนรู้การบริหารเงินมากขึ้น แต่ตอนนี้ยังไม่คิดเพราะว่าเรายังเป็นลูกจ้างเขาอยู่ แต่ถ้าวันหนึ่งเราจะทำอะไรของเราเอง เราก็อาจจะต้องเรียนรู้ให้มันมากขึ้น แต่หญิงเชื่อว่าคนเรามันเป็นสเต็ป ตามวัย”

ถึงวันนี้ภูมิใจในตัวเองแล้วยัง?

“ไม่รู้ซิ แต่แม่เขาภูมิใจแล้ว ทุกขั้นตอนของชีวิตหญิง ส่วนหญิงเองวันนี้หญิงภูมิใจ ในเรื่องที่หญิงได้ทำอะไรในสิ่งที่หญิงชอบ แปลกใจทุก ๆ ครั้งในการทำงานที่เข้ามา มันจะมีอะไรแปลก ๆ เข้ามาให้เราได้ลองอะไรใหม่ ๆ อย่าง ต้มยำกุ้ง 2 ก็เป็นแอ๊คชั่น ที่เราไม่เคยได้ลองก็ได้เล่น หรือว่า โอลีก๊อด ก็แปลกใจนะ ที่เราได้ทำอะไรที่เราอยากทำทั้งนั้นเลยนะ แต่ก็กลัวบางอย่างมันมาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไป กลัวบางอย่างที่เราอยากทำแล้วไม่ได้ทำ”

ขอถามเรื่องต้มยำกุ้ง 2 หน่อย แอ๊คชั่นสุด ๆ?

“แปลกมาก ตอนที่ดู จันดารา ไม่คิดว่าตัวเองโป๊ แต่กับเรื่องนี้ชุดที่ใส่ ชุดแดง ดูแล้วนั่งจิกหมอนมาก มันลุ้น จันดาราไม่ต้องลุ้นอะไร เพราะมันเห็นเลย แต่อันนี้มันลุ้น ๆ นะ แต่โดยรวมแล้ว หญิงพอใจตัวละครนะเพราะคาแรกเตอร์ มันแข็งแรงมาก และดูไม่ใช่คนไทย เพราะในเรื่องต้องพูดภาษาอังกฤษตลอด หญิงพยายามจะจัดสรรงานหญิงให้แบบดูเซ็กซี่แล้วมีอะไร เซ็กซี่บวกอะไร มันให้ภาพของหญิง ไม่ได้คาอยู่ที่แค่เซ็กซี่ แล้วจบเลย ต้มยำกุ้ง มันเป็นเรื่องที่แบบเราไม่เคยทำมาก่อน ไม่คิดว่าเราทำได้ แต่พอลองไปแคส ก็ไม่คิดว่าเราจะได้เล่น เพราะว่ามันเป็น ตัวละครที่เขียนเพิ่มขึ้นมา พี่ปรัช (ปรัชญา ปิ่นแก้ว) เห็นว่าหญิงทำได้เล่นได้ ก็เลยเขียนบทเสริมขึ้นมาตอนท้าย แต่หญิงก็เชื่อว่าในตัวผู้หญิงทุกคน อยากจะมีความแข็งแกร่งแบบนี้ทุกคน พอเราเข้าไปอยู่ในบทมันจะเป็นอินเนอร์ที่ออกมาจริง ๆ (ยิ้ม ๆ)”

สาวมั่นที่มีความมุ่งมั่นในการทำงานจริง ๆ สำหรับ หญิง รฐา เราก็ขออวยพรให้หญิงประสบความสำเร็จในระดับอินเตอร์ในเร็ว ๆ นี้.