Inside Dara
ไม่สร้างภาพ ตั๊ก มยุรา เผยชีวิตจริง! อดทนกับความเจ้าชู้ของสามี

ยังสวยเสมอ สำหรับนักแสดงรุ่นใหญ่ ตั๊ก มยุรา เศวตศิลา ที่น้อยครั้งเธอจะมาเล่าเรื่องราวภายในครอบครัว และวีรกรรมของสามีให้ฟัง ล่าสุด เธอได้มาเปิดใจในรายการ เสือ สิงห์ กระทิง ซ่า ทางช่อง 3 และ ช่อง 3HD ถึงเรื่องราวในอดีตของสามีที่มีความเจ้าชู้บ้าง แต่มาเล่าในมุมแบบขำๆ โดยเธอบอกว่า เคยตามจับกิ๊กได้ต่อหน้าต่อตา แต่ด้วยความเป็นนางเอกในตอนนั้น ก็ทำได้เพียงแค่พูดออกไปว่า "ทำอะไรกันน่ะ"

“มีอยู่ช่วงหนึ่งที่คุณหนุ่ย 30 กว่าๆ พี่งานเยอะมาก ไม่ค่อยอยู่บ้าน มีอยู่วันนั้นเสร็จงานอยากชวนสามีกินข้าว แล้วเค้าก็ไปประชุมอยู่แถวชลบุรี ก็เลยโทรศัพท์ไปหาสามีว่าอยู่ไหน เค้าบอกอยู่แถวบางนา เค้าก็ถามเราว่าเราอยู่ไหน เราบอกอยู่แถวสุขุมวิท

โอ๊ย กว่าจะถึง งั้นไม่เป็นไร สักพักรถคุณหนุ่ยผ่านหน้าพี่ไป แล้วพี่ก็พูดต่อว่า คุณ รถคุณอยู่ข้างหน้าฉัน แล้วเสียงผู้หญิงก็ลอยแวบเข้ามาในสาย สามีก็บอกว่าเป็นเสียงวิทยุ เราก็สั่งให้จอด แต่ไม่รู้ว่าแกผลักผู้หญิงลงไปตอนไหนไม่รู้ เพราะตรงนั้นรถเยอะมาก”

เคยโทรขู่กิ๊ก พูดเบาๆใส่คนนั้นว่า เคยตายมั้ย? “ใช่ แต่ไม่เคยเห็นหน้าเค้าเลยนะ พูดแล้วก็ทุเรศตัวเอง เพราะพี่นี่ทุกอย่างมันจะต้องดี ออกไปข้างนอกแล้วก็ต้องดูดี เพราะฉะนั้นจะไปเที่ยวตะโกนหรือจิกผมว่าใครก็ไม่ได้ ก็จับได้ทางไลน์นะ ผู้ชายมันก็ต้องมีบ้าง ก็ไปสืบนะว่าอยู่ที่ไหน

พอรู้แล้วก็โทรไปหาเลย เค้าทำงานที่โรงแรม เราโทรไปก็บอกว่า ขอพูดกับผู้หญิงคนนี้หน่อย อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาว่า เค้าไม่อยู่ เค้าไปห้องน้ำ ไปทานข้าวนั่นนี่ เราก็บอกว่า ไม่อยู่ใช่มั้ย อ่ะ งั้นฝากบอกหน่อยว่า "เคยตายมั้ย" เรางัดบทละครที่เราเคยเล่นมาพูดหมดเลย”

อันนี้คือคิดก่อนพูดรึยัง? “คิดดิ โหย มือไม้สั่นเวลามันโกรธ แต่เค้าถึงได้บอกไงว่า คนเรามันต้องมีสติ ก่อนที่จะคิดทำอะไร ให้หยุดกลับมาคิดก่อน ถ้าคิดแล้วคงไม่ทำ”

“กับชีวิตครอบครัว ที่สมัยพ่อแม่เคยพูดว่า ควรปล่อยๆ ดึงๆ รั้งไว้บ้าง มันใช้ได้มากเลยนะ เพราะฉะนั้นเราจะไปดึงรั้งเค้าไว้มากไม่ได้ ก็มีบ้างแกไปกับใครแล้วโทรศัพท์มาหลอกเราว่า พอดีมีประชุมนะ มีกินเลี้ยงนะ ผมไม่กลับไปทานข้าว เราก็โอเค ไม่เป็นไร แล้วแกก็เอาโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงข้างหลัง

แล้วเบอร์สุดท้ายมันเป็นเบอร์เรา ทีนี้โทรศัพท์มันก็โทรออกเองมาหาเรา พี่ก็รับสาย แล้วได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะ และมีเสียงคุณหนุ่ยหัวเราะกิ๊กกั๊กอย่างมีความสุข ตอนแรกพี่ไม่เชื่อนะ แต่พี่ก็ฟังอยู่ 15 นาที เค้าคุยกันแบบหนุ่มสาวจีบกันอย่างมีความสุข”

พี่ได้ยินแล้วทำยังไง? “โอ้โห มือไม้นี่สั่นเลย ในใจเราก็เถียงว่าไม่ใช่ แต่ในเวลาเดียวกันมันก็โกรธมาก พี่ก็เอาใหม่ ตั้งสติแล้วโทรไปหาเค้าอีกเครื่องหนึ่ง เพราะเค้ามีโทรศัพท์ 2 เครื่อง เราก็โทรไปถามว่าทำอะไร เค้าบอกว่า กินเลี้ยงอยู่ที่โรงแรมแถวลาดพร้าว

เราก็ตะโกนเข้าไปเลยว่า คุณสั่งพิซซ่า เพราะในระหว่างที่เราฟังเค้ากำลังคุยกับผู้หญิงคิกคักอยู่นั้น เค้าก็สั่งพิซซ่ามากินกัน เชื่อมั้ยว่า พอมาคิดตอนนี้มันตลกมาก อารมณ์ของคนที่เป็นเมีย มันกำลังโกรธหัวร้อน เราก็บอกว่า อยู่ไหน กลับมาที่บ้านเลย เราก็นั่งรอนิ่งๆ อยู่บ้าน ดูสิว่าแกจะกลับมั้ย แต่แกก็กลับมานะ

อารมณ์คนเป็นเมีย พอสามีถึงบ้านก็ต้องอาบน้ำ เราก็เก็บเสื้อผ้าแยกให้เค้า กางเกงส่งซัก ส่วนเสื้อแยกเอาให้เด็กที่บ้านซัก พี่ก็ดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากกางเกง เชื่อมั้ยว่า ผ้าเช็ดหน้านี้เปียกเลย เหงื่อแกแตก แล้วแกซับเหงื่อมาตลอดทาง

แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นที่เรายังอยู่กันได้ เพราะว่าเราให้อภัย ผู้ชายถ้าถึงวัย เค้าจะหยุดเอง เราที่เป็นเมีย ต้องรอวันนั้นให้ได้ พี่พูดตรงๆ นะ ถ้าเค้าจะไปเที่ยวบ้างก็ให้ปล่อย แต่อย่าไปมีเป็นตัวเป็นตนให้เราเดือดร้อน”

ผู้หญิงทุกคน มีเซ้นส์เกี่ยวกับเรื่องจับผิดสามี จริงมั้ย? “ถูกต้อง อย่างสีตรงหน้าเรามันมีเยอะมากถึง 200 สี แต่ผู้ชายจะเห็นแค่ 20 สี ส่วนผู้หญิงเราจะเห็นแบบละเอียดยิบขณะที่มันมีเท่าๆ กัน”

“ย้อนกลับไปทำไมพี่ถึงไม่ชอบเปิดดูโทรศัพท์สามี เพราะเมื่อตอนแต่งงานใหม่ๆ พี่เคยไปเปิดกระเป๋าสตางค์เค้า เค้าบอกว่า บางทีกระเป๋าสตางค์เค้าไม่เปิดกันนะ ผมยังไม่เปิดของคุณเลย ของผมก็คือของผม เค้าดุเรา ตั้งแต่นั้นพี่ไม่กล้าเปิดเลย เพราะฉะนั้นโทรศัพท์พี่ก็จะไม่ไปเปิดดู

นอกจากมันดัง พี่ก็จะชะเง้อดู ยังอยากรู้อยากเห็น แต่จริงๆ เคยไปกดดูเหมือนกันนะ แต่ไม่ได้ผล เพราะเค้าล็อกโทรศัพท์ไว้ไง จนเค้าจับได้ พี่ก็จะมีวิธีหลอกถาม สมัยก่อนตอนอายุ 30 กว่าแกจะไม่บอก แต่สมัยนี้บอกแล้ว เพราะเค้าไม่มีอะไร”

“เคยขนาดหัวชนฝาก็มี จนสุดท้ายเราก็ต้องยอมไปเอง แต่เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง เค้าไปนัดกันที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วเราก็มีเซ้นส์ไปร้านนั้น ก็ไปเจอ เค้าก็นั่งห้อยขาออกมาข้างนอก ผู้หญิงขับรถ เค้าใส่กางเกงยีนส์ ตอนนั้นพี่ไปงานเสร็จ แล้วบอกว่า เดี๋ยวจะไปร้านนี้ ซึ่งเป็นร้านของเพื่อน เรื่องนี้ผ่านมาหลายปีแล้วนะ ตอนที่อายุยังไม่เยอะกัน

เราเดินผ่านที่จอดรถไป แล้วเหลือบไปเห็นขาเค้าห้อยออกมาจากรถ เราก็คิดในใจว่า ทำไมสองคนนี้มาคุยกันมืดๆ เพราะตอนนั้น 3 ทุ่มแล้ว เลยหันไปมอง เห็นขากางเกง ตะลึงเลย เพราะนี่มันขาสามีเรานี่หว่า เราก็เดินเข้าไป เห็นเค้านั่งคุยกันเงียบๆ ไม่ได้ทำอะไรนะ พี่เห็นพี่เลยพูดว่า "ทำอะไรกันน่ะ"

คือตอนนั้นเรายังเป็นนางเอกอยู่ไง เลยพูดนิ่งๆ นุ่มๆ ไว้แต่ก็เดินร้องไห้ไป แล้วก็ไปนั่งตั้งสติในรถ แล้วก็ขับรถออกไป แต่ตาก็มองนะ ว่าคุณหนุ่ยเค้าจะขับรถตามมามั้ย แต่เค้าก็ไม่ตามมา จนไปถึงบ้านเค้าก็มาแล้วก็อธิบายไปนั่นนี่ แต่เราไม่อยากฟังแล้ว”

“ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของความรัก เราต้องฝึกจิตด้วย ถึงเราจะทะเลาะกับเค้าตื่นเช้ามาเราก็ต้องทำ พอทำปุ๊บ เดี๋ยวเราก็ลืมไปเอง ไม่มีเรื่องไหนที่เราจะไม่ให้อภัยกัน ไม่ได้โลกสวยหรือมโนนะ แต่เชื่อเถอะ คนเราอยู่ด้วยกัน ต่อไปเราก็จะเหลือกันสองคน เพราะฉะนั้นเราต้องทำเผื่อแผ่กันและให้อภัยกัน”

โกรธนานสุดกี่วัน? “เคยเจอ 2 วัน ไม่พูดไม่อะไรกันเลย แต่เค้าก็ง้อนะ ข้อดีของพี่ที่ทำให้พี่รักตัวพี่ก็คือ พี่เป็นคนไม่เคียดแค้น แล้วถ้าเค้าทำอะไรผิด พี่จะไม่ตอบแทนเค้าด้วยการทำแบบนั้น แล้วพี่จะไม่ขุดเรื่องเก่าๆ มาพูด เพราะเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว เราต้องดูแลกัน”

อย่างไรก็ตามตั๊กยังเล่าให้ฟังอีกว่า ตนเองห่วงลูกสาว น้องน้ำตาล มาก เคยคิดจ้างนักสืบ แต่ไม่ได้จ้าง ตอนนี้ไม่ตามลูกแล้ว เพราะว่าเขาโตแล้ว เคยคิดติดกล้องที่หอพักหน้ามหาวิทยาลัย ซึ่งก็เป็นหอพักหญิง แต่ไม่ทำ เพราะลูกบอกว่าถ้าทำแบบนั้นคนอื่นจะคิดว่าลูกเป็นคนไม่ดี ตอนนี้ปล่อยแล้ว เพราะให้เกียรติลูก.