Inside Dara
“นาว” อยู่มายา 10 ปีจิตใจแกร่ง “สายโลหิต” ยากที่สุดชีวิตแสดง

เรียกว่าเป็นละครพีเรียดที่ยากสุดในชีวิตของนางเอกสาว “นาว”ทิสานาฏ ศรศึก สำหรับละคร “สายโลหิต” ทางช่อง 7 ผลิตโดยบริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด ที่เจ้าตัวรับบท “ดาวเรือง” ต้องแสดงตั้งแต่สาว จนแต่งงานมีลูก แถมในเรื่องยังต้องแสดงสื่ออารมณ์ความรู้สึกต่างๆ

บท “ดาวเรือง” ในเวอร์ชั่นนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

นาว – “บท ดาวเรือง เวอร์ชั่น 2018 นาวไม่รู้ว่ามันแตกต่างจากเวอร์ชั่นที่แล้วอย่างไร เพราะไม่ได้ศึกษาจากเวอร์ชั่นเก่า ไม่กล้าดู กลัวจำภาพมา และก็เพิ่งรู้ว่าเวอร์ชั่นเก่า พี่กบ-สุวนันท์ กับ พี่หนุ่ม-ศรราม เล่นไว้ แล้วก็ดังมากๆ ซึ่งตอนละครเรื่องนี้ออกอากาศตอนนั้นนาวเพิ่ง 2 ขวบเอง และนาวก็คิดว่าเรามาในทางของเราดีกว่า บวกกับผู้กำกับฯที่คอยตบคาแร็กเตอร์ให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ นาวคิดว่าน่าจะถูกใจใครหลายๆ คน ไม่น่าจะแตกต่างอะไรจากเดิม มันยังคงเป็น พี่ไกรเจ้าขา คุณย่าเจ้าขา เหมือนเดิม”

“นาวว่ามันไปเปลี่ยนแปลงบทเขาไม่ได้ เพราะบทเขาแน่น มันเป็นประวัติศาสตร์ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว การที่เราจะเพิ่มอะไรเข้าไป มันคือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆความกุ๊กกิ๊กน่ารัก หรือเพิ่มตัวละครเข้ามา เป็นคุณพ่อของหมื่นทิพ ซึ่งเวอร์ชั่นที่แล้วไม่มี เหมือนเป็นการเติมเต็มลักษณะตัวละครให้ดูละมุนขึ้น”

ยากไหม ด้วยละครเป็นพีเรียดย้อนยุคซึ่งย้อนไปไกลมาก?

นาว – “ยากมาก นาวไม่เคยเล่นพีเรียดที่ย้อนมาไกลขนาดนี้ ไหนจะภาษาพูดอีก ซึ่งเป็นภาษาโบราณมาก ยากมาก ละครเรื่องนี้เป็นละครพีเรียดที่สุดสำหรับนาวแล้วจริงๆ เพราะต้องแสดงตั้งแต่เป็นสาวๆ จนแต่งงานมีครอบครัวแล้วก็มีลูก แถมยังได้แสดงอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ นานามากมาย ทั้งรัก ทั้งเศร้า ทั้งรักชาติบ้านเมือง ซึ่งมันก็ยากที่เราจะต้องถ่ายทอดอารมณ์ออกมาให้ชัดเจน ซึ่งภาพ “ดาวเรือง” ในหัวที่คิดไว้ต้องเรียบร้อยอยู่แล้ว ด้วยความที่ใส่สไบผ้าถุงขนาดนั้น แต่ก็เรียบร้อยตามวัย อย่างช่วงแรกเป็นน้องแคนดี้เล่นจะซนๆ มีคนแปะมือก็ดีใจหน่อยไม่ต้องเล่นตอนนั้น มาถึงช่วงอายุ 15 ปี ก็ยังมีความเป็นเรา แก่นๆ ซนๆ วิ่งบนเรือน เดินลงเท้าเสียงดัง ก็ไม่ค่อยยากอะไร”

“แต่มันมายากตอนที่ออกเรือน ตอนอายุ 17 ปี แล้วก็ตอนมีลูก อันนี้ยิ่งยาก เพราะไม่เคยมีลูก ไม่เคยอายุ 30 ปี ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้ต้องวางตัวอย่างไร เพราะตอนนั้นเราเป็นเสาหลักของบ้าน คุณย่าตาย คุณพ่อตาย พี่สาวออกไปมีครอบครัว ส่วนสามีออกไปรบ เหลือเราคนเดียวที่เป็นเสาหลักของพวกบ่าวไพร่ ก็เลยไปถามป้าติ๋ม(เพ็ญลักษณ์ อุดมสิน) ผู้กำกับฯว่านาวต้องทำอย่างไร ป้าติ๋มบอกว่าเรามีคุณย่าเป็นไอดอล ทุกอย่างที่เราทำต้องเหมือนคุณย่า เราก็ง่ายแล้ว ป้าดาว (ดวงดาว) เล่นด้วยมีแบบแล้ว และช่วงเวลาตอนที่ดาวเรืองอายุ 15 ปี จนถึงออกเรือนไป ก็ยังอยู่กับป้าดาวตลอด ทำให้เราเห็นลักษณะการแสดง การเคลื่อนไหว การพูดจา มันก็ทำให้เราโอเคค่ะ”

พี่หลุยส์-สยาม ผู้จัดบอกว่าพอหยิบเรื่อง “สายโลหิต” มาทำอีกครั้ง ภาพของ “ดาวเรือง” คนแรกที่นึกถึงคือนาว?

นาว – “ดีใจค่ะที่ผู้ใหญ่นึกถึงเรา แล้วก็เป็นบทสำคัญ เป็นละครที่โด่งดังมากในสมัยก่อน ยอมรับว่ากดดัน ตอนที่พี่หลุยส์คุยกับนาวตอนนั้นนาวเล่นเรื่อง คมพยาบาท ตอนนั้นนาวอายุ 20 แต่ตอนนี้นาวอายุ 25 แล้ว มันนานมากกว่าละครจะเปิด กว่าละครจะลงตัว กว่าละครจะเปิดก็กดดันแล้ว พอเอาละครเวอร์ชั่นเก่ามารีรันใกล้ๆ กัน ยิ่งกดดันมากกว่าเดิม จากที่คนเกือบจะลืมไปแล้ว เขาก็จำได้”

มาร่วมงานกับ “พอร์ช-ศรัณย์” ในเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

นาว – “สนุกมาก ร่วมงานกับพี่พอร์ชเป็นครั้งแรก หลังจากที่เคยร่วมงานเอ็มวีด้วยกันสมัยเด็กๆ พี่พอร์ชก็ยังน่ารัก ขี้เล่นเหมือนเดิม ทำให้เราทำงานง่ายขึ้น เพราะเราสองคนต้องเข้าฉากด้วยกันตลอด การทำงานก็ราบรื่น เราช่วยกัน ทุกคนตั้งใจอ่านบทมาก เพราะเรื่องการอ่านบทเป็นอะไรที่ยากที่สุดในเรื่องนี้ ว่างปุ๊บก็ต้องท่องบท ต้องจำให้ได้ทุกบททุกตัวอักษร ห้ามตกห้ามเกิน”

คาดหวังไหมกับบท “ดาวเรือง” ให้เป็นภาพจำ?

นาว – “มันมีอยู่แล้ว แต่จะให้คนจำเราในลุกส์ดาวเรือง นาวว่ามัน 50:50 เพราะเดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไป เมื่อก่อนคนจำนักแสดงได้หมดอยู่แล้ว เพราะมันไม่รู้จะไปดูอะไร มีช่องทางเท่านี้ แต่เดี๋ยวนี้มีช่องทางให้ดูมากมาย เลยไม่ได้คาดหวังว่าจะให้เขามาจำเราในบทดาวเรือง ตรึงตาตรึงใจขนาดนั้น”

หลายคนมองว่าช่อง 7 ปูทางให้ตามรอย “กบ-สุวนันท์” จะให้แต่บทเศร้าๆ น่าสงสาร?

นาว – “อย่างที่ทุกคนเห็นว่ามันเป็นแนวนี้ตลอด แต่ปีนี้ก็จะมีอะไรใหม่ๆ จากละครเรื่อง “นางร้าย” เป็นบทที่ไม่เคยเล่นมาก่อน โอเคด้วยตัวเรื่องนางเอกบทรันทด สู้ชีวิต ดราม่า แต่มันก็มีบางมุมที่เรามีความเกรี้ยวกราด มันยังมีมุมนั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมุมนี้เลย แล้วก็เรื่อง “หัวใจลูกผู้ชาย” เล่นเป็นนักเรียนนอก เรียนจบมาแล้วก็ไปสานต่องานพ่อ แต่ว่ามันเป็นเรื่องของผู้ชาย เราเป็นสีสันสดใสให้กับพระเอก”

เรียกว่างานละครเยอะไหม?

นาว – “เรื่อยๆ ค่ะ ปีละ 2 เรื่อง แต่ถ้าทางช่องส่งมาให้อีก เราก็โอเค ถ้าเขาแชร์คิวกันได้ เราก็ไม่มีปัญหา ตอนนี้ถ่ายอยู่เรื่องเดียว หัวใจลูกผู้ชาย ทำงานมาตลอด ไม่มีคิวว่าจะพักงานเลย ยังรับเรื่อยๆ ถ้าจะพักก็จะขอคิวไปเที่ยวบ้าง ถือว่าเป็นการพักผ่อนบ้าง”

ทำงานในวงการมากี่ปีแล้ว?

นาว – “เข้าวงการตั้งแต่อายุ 15 แต่แรกๆ ไม่ค่อยรับงานละคร เพราะเราเลือกที่จะเรียนมากกว่า ช่วงนั้นปีละเรื่อง แล้วช่วงนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจกับงานละครด้วย เพราะคิดว่าไม่ได้จริงจังอะไร ตอนนั้นเราชอบเรียน ชอบอยู่กับเพื่อน ไม่ได้ชอบมากอง ไม่อยากขาดเรียน พอขึ้นมหาวิทยาลัยเท่านั้นล่ะ อยากถ่ายละคร ไม่อยากมาเรียนแล้ว เพราะมันเหนื่อย ซึ่งตอนนี้นอกจากงานละครแล้ว ก็มีธุรกิจครีมกันแดด และก็กำลังจะทำแบรนด์เสื้อผ้าขายผ่านไอจี รู้ว่าเดี๋ยวนี้ขายผ่านออนไลน์มันน่าจะเร็วกว่า ถ้าเปิดร้านก็ต้องดูเรื่องของทำเลอีก เอาไว้เป็นอนาคตต่อไปค่ะ ที่เริ่มมาคิดทำธุรกิจเพราะเราไม่รู้ว่าวันนึงเราจะเป็นนักแสดงต่อไปได้มั้ยในบทนี้ หรือว่ายังเป็นทาร์เก็ตที่คนดูต้องการอยู่หรือเปล่า เดี๋ยวนี้มาไวไปไว ก็มีพี่ๆ หลายคนแนะนำว่าควรที่จะมีอะไรรองรับเราไว้ก่อน”

วางแผนกับงานในวงการไว้อย่างไรบ้าง?

นาว – “เรื่อยๆ ยังสนุกกับการทำงานตรงนี้อยู่ ถ้าผู้ใหญ่ยังเอ็นดู เราก็ยังทำงานตรงนี้อยู่ แต่เราก็อยากได้รับบทบาทที่แตกต่างจากเดิมบ้าง ก็มีนางร้าย กับหัวใจลูกผู้ชาย ที่บทเป็นเหมือนคนที่ใช้ชีวิตปกติทั่วไป ไม่ใช่ถูกกระทำอย่างเดียว”

อยู่ในวงการวางตัวยากไหม?

นาว – “ยากค่ะ ด้วยเราเป็นคนตรงๆ แล้วมาอยู่จุดนี้ ไม่ว่าการที่เราจะพูด หรือทำอะไรสักอย่างต้องระวังตัว เพราะเดี๋ยวนี้โซเชี่ยลมันเร็ว ก้าวเท้าออกจากบ้านก็ต้องระวังแล้ว จริงๆ นะ อย่างวันนี้จะไปฟิตเนส แล้วมีคนมาขอถ่ายรูป หน้าเราก็ไม่ได้แต่งจะยังไง อย่างน้อยต้อง เตรียมแว่นเตรียมหมวก ถ้าคนจำเราได้จะได้บอกเขาว่าขออนุญาตใส่หมวกใส่แว่นนะคะ คือรูปมันอยู่นาน ไม่อยากให้เห็นหน้าที่ดูแล้วทำไมหน้าเป็นแบบนั้น คือหน้าสด ปกติไม่ชอบแต่งหน้า เพราะชีวิตประจำวันเราถ่ายละครก็แต่งหน้าตลอดสิวมันก็ขึ้น พอชีวิตที่เราหยุด ก็อยากหยุดเพื่อพักหน้า ก็นิดนึง หลายๆ คนก็คงเข้าใจ เราต้องดูรูปร่างหน้าตาเพราะมันเป็นเครื่องมือทำมาหากิน(หัวเราะ)”

10 ปี กับวงการบันเทิงเราได้อะไรกับมันบ้าง?

นาว – “ความแข็งแกร่งในเรื่องจิตใจ เราไม่ได้ผ่านอะไรมาเยอะ แต่โดยส่วนตัวเป็นคนที่แคร์คนทั้งโลกมาก ใครพูดอะไรนิดนึงก็คิดว่าเขาชอบเราหรือเปล่า เป็นคนคิดเยอะ คิดเล็กคิดน้อย แล้วก็เอามาเป็นปัญหากับชีวิตตัวเอง จมกับมันตลอดเวลา เป็นคนที่ไม่ค่อยสตรองในเรื่องของจิตใจ แต่การที่เราอยู่ในวงการนี้ ต้องมีความแข็งแรงในสภาพของจิตใจ มันโดนเยอะ โดนหลายอย่าง บางคนบอกว่าคนอื่นเขาโดนมากกว่านี้อีก เขายังอยู่ได้เลย คนที่เขาโดนมา แต่คนที่รับ มันรับได้ไม่เท่ากัน”

รักแฮปปี้”นิว”เสมอต้นเสมอปลาย ผ่านด่านพ่อแม่ฉลุย

คบพระเอกหนุ่ม “นิว-วงศกร” มา 5 ปีแล้ว โดยนางเอกสาว “นาว-ทิสานาฏ” เปิดใจว่า “ความรักที่ผ่านมาแฮปปี้ เท่าที่รู้จักกันมาก็ดี ไม่ได้ให้คำสถานะอะไร พี่เขาเป็นคนที่นาวคุยอยู่คนเดียว ให้คำปรึกษาได้ทุกเรื่อง คอยให้กำลังใจ”

ระยะเวลาที่คบกันมันพิสูจน์อะไรได้บ้าง “เขาเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ต้น ถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่รู้จะพิสูจน์อะไร เขาอบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ เป็นสุภาพบุรุษมาก ให้เกียรติครอบครัวเรา ให้เกียรติคุณพ่อคุณแม่เรามากกว่าให้เกียรติเราอีก ซึ่งมันดี ถ้าคิดจะคุยกับเราก็ต้องรักครอบครัวเราด้วย”

ถือเป็นเหตุผลที่นิวได้ไฟเขียวจากคุณแม่ใช่ไหม เพราะได้ยินว่าคุณแม่หวงมาก “ใช่ค่ะ จริงๆ คุณแม่ไม่ได้หวงขนาดนั้น แต่คุณพ่อหวงมาก”

นานไหมกว่าที่นิวจะผ่าน 2 ด่านนี้ “ถ้าคุณแม่โอเค คุณพ่อก็โอเค เพราะคุณพ่อเชื่อใจคุณแม่ คุณพ่อรู้ว่าคุณแม่ตัวติดนาวอยู่ตลอด ถ้าคุณแม่โอเค เขาก็ไม่อะไร และไม่เคยถามนาว อันนี้คุณพ่อนะ แต่คุณแม่มีถามบ้าง คือถ้าเราทำตัวให้ผู้ใหญ่ไว้ใจ เขาจะไม่อะไรกับเราเลย เรามีแม่เหมือนมีเพื่อน มีปัญหาอะไรจะบอก”

เรื่องนิวเราก็คุยกับแม่ว่าผ่านไหม “ใช่ค่ะ คุยหมด ไม่ว่าจะเป็นคนก่อนๆ สมัยเรียนนาวก็คุยกับแม่ นาวสนิทกับแม่มาก ปรึกษาแม่ด้วย แม่ก็จะสอนเรื่องความรัก เราก็รู้สึกปลอดภัย”

อะไรที่รู้สึกว่านิวผ่านสำหรับเรา นางเอกสาวกล่าวว่า “เขาเป็นเหมือนเดิมตั้งแต่ต้น คุยกับแม่นาวยังไง ทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนั้น เขาไปรับไปส่งนาวเวลาเดิม ไม่เกิน 4 ทุ่ม เวลานาวทำอะไรอยู่ที่ไหน เขาจะส่งรูปไปให้แม่ดูตลอดตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้ เหมือนเขาสร้างความมั่นใจให้คุณแม่”

ดูเขาไม่รีบเร่งกับเรา “ไม่เลยค่ะ คงรู้ว่านาวยังเรื่อยเปื่อยอยู่ นาวยังไม่ได้มองถึงอนาคต พี่เขาก็ยังไม่ได้มอง เขายังไม่คิดถึงอะไรแบบนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาจะคิดว่าวันนี้เป็นยังไง พรุ่งนี้มันก็ต้องดี จะมองที่จุดนี้ เขาไม่คิดไปก่อน”

มีเรื่องทะเลาะกันบ้างไหม “มีค่ะ แต่มันเป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ คุยกันก็จบกันตรงนั้น มีปัญหาจะคุยเลย”

เป็นคนไม่เก็บทั้งคู่ นาวแย้ง “มีนาวที่เก็บค่ะ (หัวเราะ) แต่เขาจะเคลียร์ให้จบ นาวเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่เขาไม่ใช่อย่างนั้น เขาจะถามด้วยจิตวิทยา จะมีคำพูดที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราเบาลง เขาเป็นคนใจเย็นกับนาว แต่ใจร้อนกับคนอื่น แต่นาวใจเย็นกับคนอื่น แต่ใจร้อนกับเขา(หัวเราะ) เขาเป็นเหมือนน้ำเย็นให้เรา”

มองความรักครั้งนี้ไว้ยาวนานขนาดไหน “ไม่รู้เลยตอบไม่ได้ อย่างที่บอกไปถ้าวันนี้ดี พรุ่งนี้ก็ดี ที่ผ่านมาก็แฮปปี้ คุยกับใคร ก็จะคุยคนเดียว”

ด้วยนิวอายุก็พอสมควร น่าจะมีคนถามเรื่องอนาคตเยอะ “ใช่ๆ ยิ่งตอนที่เขาบวชนะ คำถามแน่นเชียว บวชแล้วยังไงต่อ (หัวเราะ) ไม่รู้ค่ะ พี่นิวก็ไม่เคยถามถึงเรื่องนี้เลย”

คุณพ่อคุณแม่เราหวง ไม่อยากให้แต่งงานไหม “เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย นาวก็เคยบอกแม่ว่า นาวยังไม่อยากแต่งงาน นาวยังไม่อยากผูกมัดอะไร ผู้หญิงส่วนใหญ่จะมองถึงความสวยงามในวันแต่งงาน แต่นาวไม่เคยอินเลย ตอนนี้ก็ยังไม่อินนะ ระยะยาวยังไม่รู้ ตอนนี้นาวเพิ่งอายุ 25 ปีเองค่ะ”