Inside Dara
"กาละแมร์" รับเป็นผู้หญิงเยอะ ไม่แคร์...แม้จะขึ้นคาน

"กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ" สาวคนนี้หลายคนยอมรับและยกให้เธอเป็นผู้หญิงเก่งอีกคนหนึ่ง เพราะนอกจากฝีปากกล้าแล้ว ในเรื่องของปลายปากกาเธอก็เก่งกาจไม่น้อยหน้าใคร แถมมีแฟนคลับเยอะแยะมากมายในประเทศนี้ และนอกเหนือกว่านั้นที่เด่นชัดคือในเรื่องความรัก ที่เธอยืนหยัดให้ผู้หญิงลุกขึ้นสู้และมีความเป็นตัวเอง เอ๊า...เกริ่นสรรพคุณมาขนาดนี้ เราว่าไปคุยกับกาละแมร์ ดีกว่าไปเรียนรู้กันว่า ตัวจริงเสียงจริง เป็นอย่างไร

ดูเป็นสาวฮอตที่มีงานเยอะตลอดปีนะ?

“ในช่วงปีหนึ่งจะมีช่วงที่เรียกว่าหฤโหดหรือนรกแตกสำหรับแมร์อยู่ช่วงหนึ่งคือ ช่วงเดือนเมษายน กับช่วงเดือนตุลาคม ที่จะงานเยอะ ๆ เลย และจะมีงานหนังสืองอกออกมาด้วยในช่วงนั้น งานหนังสือเล่มหนึ่งไม่ใช่แค่เขียนเสร็จแล้วจบกัน แต่เนื่องจากว่าเราเป็นคนที่ชอบแบบอยากรู้ทุกสิ่งว่าขั้นตอนแต่ละขั้นตอนเขาทำอะไรกันบ้าง ก็ลงไปดูเขาหมด เริ่มตั้งแต่เริ่มคิดว่าเราจะเขียนอะไร คอนเซปต์หนังสือเราคืออะไร ตอนนี้เขียนมา 19 เล่มแล้ว มันก็ต้องคิดเยอะ ซึ่งมันยากในการที่จะคิดหาสิ่งใหม่ ๆ ให้ตัวเองตลอด และหลังจากนั้นพอเขียนเสร็จก็ไปเลือกทีมงาน เลือกสี เลือกปก คือทำทุกอย่าง เหลือแต่เพียงยกหนังสือขึ้นรถไปส่งตามร้านเท่านั้นแหละที่ไม่ได้ทำ (หัวเราะ) แล้วพอหนังสือเสร็จก็ต้องออกงานไปเจอคนอ่าน เพื่อที่จะรู้ว่าเขาชอบหนังสือเราไหม เขาคิดยังไง เพื่อที่จะเอามาปรับปรุงหนังสือเราเล่มต่อไป”

ทำงานเยอะนะ ทั้งพิธีกร ลงเสียง แล้วทำไมไม่เล่นละครอะไรกับเขาบ้าง?

“คือเรื่องคิวยาก เพราะงานพิธีกรก็ปาเข้าไป 5 รายการ คือคิวเป็นสิ่งที่ยากมาก เพราะถ้าจะไปลงละครหรือเล่นหนังมันยาก เพราะเรามีสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าไปรับเชิญหนุก ๆ ไป อย่างไปรับเชิญ ชอบกดไลค์ ใช่กดเลิฟ เขาบอกว่าไปสมุย แมร์ก็บอกเป็นไปไม่ได้ เขาบอกไปวันเดียว แมร์ก็บ้าแล้ว แต่เขาบอกว่าไปแล้วกลับ ถึงปุ๊บถ่ายแต่แค่ 3 ฉาก แล้วกลับ (หัวเราะ) แค่นั้นจริง ๆ ทะเลอะไรไม่ได้เห็น เห็นแค่รันเวย์เท่านั้นเอง จริง ๆ อยู่แค่นั้นถ่ายเสร็จกลับเลย (หัวเราะ) แบบนี้สั้น ๆ ได้ แต่ถ้าเป็นคิวยาว ๆ มันยาก”

ทำงานเยอะขนาดนี้ เอาเงินไปเก็บไว้ไหน?

“เงินก็เอาไปลงทุนทำนั่นนี่ เอาไปงอกเงย”

เพื่อนในกลุ่มเห็นเป็นเจ้าของกิจการกันหมดแล้ว แมร์ ไม่อยากทำรายการหรืออะไรที่เป็นของตัวเองบ้างเหรอ?

“ก็มีงานหนังสือนี้แหละค่ะ ที่ทำเป็นของตัวเอง ส่วนเรื่องรายการเพราะว่าเห็นเพื่อนทำแล้วมันวุ่นกันมาก เห็นแล้วนับถือจริง ๆ เพราะว่ามันวุ่นมาก ทั้งแก้ปัญหาโน่นนี่ เห็นแต่ละคนก็บ่นนะ เลิกดีไหมออกมารับพิธีกรอย่างเดียวดีกว่าไหม เหนื่อยเหลือเกิน เราเห็นโอเค แต่เพื่อนทุกคนผ่านความทุกข์ยากเหล่านั้นกันไปได้นะ

แต่เรารู้จักตัวเองดีว่า เป็นคนที่ชอบรับผิดชอบชีวิตตัวเองและทำชีวิตตัวเองให้มันดีขึ้น และใช้ชีวิตไปพร้อม ๆ กับการทำงานและสนุกไปด้วย ไม่อยากต้องมานั่งเครียด ต้องมานั่งรับผิดชอบชีวิตคนเยอะ ๆ ลูกน้องและครอบครัวเขาอีก ตรงนี้มันก็นำความไม่สนุกมาสู่ชีวิตแล้ว เพื่อนเก่งในการที่จะวางโน่นนี่ได้ แต่เรารู้จักตัวเองดีว่าเราไม่ได้ต้องการที่จะรวยมากมาย เอาแค่มีพออยู่พอกินได้ใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการแค่นั้นโอเค”

ดูเป็นสาวติสต์ มีโลกส่วนตัว?

“มันก็นิดหนึ่ง เราอาจจะดูเป็นศิลปินที่แค่อยากจะทำงานของเราให้ดี รับผิดชอบตัวเอง ดูแลตัวเอง ดูงานของเราพัฒนางานของเรา ทำไงให้งานเราดีขึ้น ศักยภาพของเราดีขึ้น สุขภาพเราดีพร้อมที่จะไปทำงาน นี่คือการรับผิดชอบตัวเองของเราอยู่ คือดูแลตัวเอง คือโอเคเรามีคนดูแลคิว มีผู้จัดการ แต่อย่าลืมว่าตัวเราเองไม่มีใครดูแลตัวเราเองได้ดีเท่าตัวเอง เพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่อันใหญ่หลวงที่เราต้องดูแลกาละแมร์ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย”

การดูแล กาละแมร์ ต้องทำไงบ้าง?

“กาละแมร์ เยอะสิ่ง ต้องออกกำลังกาย กินกาแฟก็ต้องไม่ใส่น้ำตาล ต้องใส่นมถั่วเหลือง (หัวเราะ) และที่สำคัญต้องดันเอาเวลาที่จะออกกำลังกายเข้าไปอยู่ในตารางชีวิตแต่ละวันของเราให้ได้ เหนื่อยหนักแค่ไหนก็ต้องมีเวลาออกกำลังกาย หลายคนมองว่าอึดนะ แต่จริง ๆ เรื่องออกกำลังกายสำคัญและเราต้องทำให้เป็นวินัย ถ้าเราไม่ไปมันจะขี้เกียจไปเรื่อย ๆ ทำเรื่องนี้ให้มันเหมือนแปรงฟัน อาบน้ำส่วนเรื่องของกินยอมรับว่าดูแลมากขึ้น แต่เราควบคุมแบบไม่ให้เครียด เพราะถ้าควบคุมมากมันจะเครียด ก็ต้องหาทางแบบเอาให้พอเหมาะพอดี ถ้าวันนี้กินหนักกินอร่อย มื้อต่อไปก็ต้องเบาลง เราต้องแพลนดี ๆ มีการทดแทนกัน คือมันไม่สามารถได้ทุกอย่างทั้งหมดในมื้อเดียวกัน แต่เรากินทุกมื้อ อย่าทำให้เครียด ตอนแรกอาจจะยากในการปรับตัว แต่พอเราได้เริ่มแรกมันจะกลายเป็นวินัยของเราไปเองทุกวันนี้แมร์ชอบที่จะเข้าซูเปอร์ฯ เอง ไปเลือกซื้อของเอง แมร์จะได้กินในสิ่งที่แมร์อยากกิน เวลาที่เข้าซูเปอร์ฯแมร์ใช้เวลานานมาก แมร์จะอ่านข้างกล่อง แล้วเปรียบเทียบกันทุกยี่ห้อว่าอะไรมากน้อยแค่ไหน พอเรารู้จักวิธีการอ่าน เราจะรู้ยี่ห้อนี้น้ำตาลเยอะ ยี่ห้อนี้เกลือเยอะ แต่เราอ่านแล้วเรารู้แล้วเราจะเลือกได้ว่าอะไรที่เหมาะกับเรา แล้วเราก็กลับมาทำอาหารเอง ได้กินในสิ่งที่เราอยากกิน มันสนุกนะซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าเราจะทำได้”

มีอะไรบ้างที่เคยคิดว่าไม่น่าจะทำได้?

“อย่างก่อนหน้านี้กลัวม้ากมาก กลัวความสูงและมันเร็ว ก็รู้สึกว่าเราจะกลัวไปอีกนานไหม ก็เลยไปเรียนขี่ม้า เพราะอยากจะเอาชนะความกลัวตัวเองแล้วไปเรียนแล้วมันสนุกมาก แล้วเราไม่กลัวม้าอีก มันรู้สึกได้เลยนะว่าเราทำได้ สนุก โล่ง ใจสำคัญมาก และอีกอย่างคือที่ไม่เคยว่าจะทำได้เลยก็คือ การไปเที่ยวเมืองนอกคนเดียว ก็ล่าสุดไปเยอรมนีคนเดียว ซึ่งไม่เคยคิดเลยว่าจะไปได้ และอีกอย่างคือกลัวความสูง นั่งเครื่องบินไม่กลัว แต่ล่าสุดไปอัดรายการฉันไปค้างคืนกับซุป‘ตาร์ เขารู้เรากลัวความสูง มันก็จัดให้เราโหนสลิง และปีนเขา คือทำไม่ได้ แต่สุดท้ายเราต้องตั้งสติ และฟังครู พอเราปีนไปถึงยอดน้ำตาไหลเลย มันกลัว ๆ แต่เราทำได้แล้ว เราชนะความกลัวได้แล้ว มันสุดยอดนะในความรู้สึกอีกเรื่องคือเรื่องทำกับข้าว คือเป็นคนทำอะไรไม่เป็นเลย แต่อยู่ ๆ ก็อยากทำก็ทำเลย แรก ๆ เลยก็ผัดกะเพรา ก็ไม่เปิดอะไรเลย ทำเลยแต่ก็กินได้ แล้วพอหลัง ๆ ก็เริ่มทำอะไรที่มันยากขึ้น เลือกว่าเราอยากกินอะไรเราก็ทำ กินได้บ้างไม่ได้บ้าง (หัวเราะ) ก็ทำไปแล้วเราได้สมาธิ ไม่ต้องแข่งกับใคร เอาชนะตัวเองได้ พอเราชนะในตัวเองได้หลาย ๆ ครั้งมากขึ้นเราก็มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นนะ”

ดูเป็นคนจัดระเบียบตัวเองอย่างจริงจัง?

“ค่ะ แมร์ชอบวางแพลนชีวิตตัวเอง อย่างที่บอกว่าเรามีกาละแมร์ที่ต้องดูแล ก็ต้องคิดเลยว่าการเงินเป็นยังไง เพราะถ้าไม่มีใครเข้ามาในชีวิต หรือถ้ามีใครเข้ามาในชีวิตเราก็ต้องดูแลตัวเอง ไม่ใช่เป็นหนี้ไปตลอดชีวิต เราต้องดูแลชีวิตตัวเองได้มั่นคง พี่น้อง พ่อแม่ ก็ไม่ต้องลำบาก ไหนอยากใช้ชีวิตอยากเดินทางเราก็ต้องได้ไป”

เคยเครียดบ้างไหม?

“ก็มีนะ แมร์เป็นคนคิดเยอะ โน่นนี่นั่น แต่จะพยายามรู้ให้ทันตัวเอง ว่าเอ้า...เครียดเหรอเนี่ย ก็ปล่อยวางไปก็หายเครียดแล้ว”

ขอถามความรักบ้าง เป็นโสดมานานแล้วนะ?

“ไม่ได้นับนะว่าโสดมากี่เดือนหรือกี่ปี แต่รู้สึกว่าการโสดเนี่ยมันทำให้มีพัฒนาการทางความคิดมากขึ้นนะ เมื่อก่อนตอนโสดแรก ๆ ตามหา แต่มันยังไม่คลิกไม่ลงล็อก มันยังไม่ใช่ แต่แมร์ว่าไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะไหนก็ตามนะ ไม่ว่าจะมีคู่หรือโสด เราต้องทำให้ชีวิตเรามีความสุข แต่ถ้ามีคู่แล้วไม่มีความสุข เป็นโสดดีกว่าไหม แล้วเป็นโสดอย่างไรให้มีความสุข”

เข็ดหรือเปล่า?

“ไม่หรอก คือจริง ๆ แมร์เป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตคู่นะ รู้สึกมันสนุกดี แบบมีรสชาติของชีวิตดี ผู้หญิงต้องมีดราม่านิดหนึ่ง (หัวเราะ) ไม่ใช้แบบชีวิตไม่มีทุกข์เรื่องอะไรเลย (หัวเราะ) แล้วชอบคิดไปเองนะ (หัวเราะ) ในทางธรรมนะ เขาบอกว่าการไม่มีภรรยา สามี ลูก คือไม่มีห่วง แต่เรายังอยู่ในทางโลกยังตัดไม่ได้ มีก็คิดฟุ้งซ่านไป หลายอย่างนะ แต่อย่างที่บอกไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน อยู่ให้มีความสุขดีกว่า”

เคยคิดว่าจะขึ้นคานไหม?

“ไม่ได้มีปัญหาเรื่องว่าจะได้แต่งงานหรือไม่แต่งงานนะ เพราะด้วยสถานะที่อยู่ตอนนี้เราพอใจแล้ว เรามีความสุขแล้ว ส่วนการแต่งงานก็คิดนะ ถ้าแต่งแล้วมันจะมีอะไรในชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปมั้ยล่ะ คือรู้สึกว่าชอบชีวิตตัวเองแบบนี้แล้ว สมมุติว่าถ้าเราแต่ง เราจะจดทะเบียนสมรสไหม จดแล้วถ้าเกิดหย่ากันแล้วต้องแบ่งทรัพย์สินสมรสมั้ย เอ๊ะ....จะยังไงดีหรือว่าไม่จดดีไหม (หัวเราะ) ไม่ได้งกนะ แต่มันเป็นความจริงของชีวิตนะเรื่องนี้ เอ๊ะ....หรือว่าจะไม่แต่งดีไหม หลายสิ่งนะ (หัวเราะ) ต้องถามตัวเองให้ดีว่าเราอยากแต่งงานหรือว่าเราอยากมีปาร์ตี้

แล้วถ้าสมมุติว่าถ้าจะต้องอยู่บนคาน ก็มีคนปีนขึ้นมาหาเรื่อย ๆ ( หัวเราะ) ถ้าเขาอยากอยู่ก็อยู่ไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าเขาอยากจะปีนลงไปก็ไม่เป็นไร เราเอาที่เรามีความสุขของเรา เราชอบชีวิตของเราที่เป็นแบบนี้ คือตอนนี้ในเรื่องนี้ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ เดี๋ยวนี้ไม่เร่งแล้ว เมื่อก่อนเร่งและคาดหวัง แล้วมันไม่เวิร์กตอนนี้เรียนรู้แล้วก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ไขว่คว้า มาก็มา ระหว่างที่เป็นอยู่เราก็ดูแลตัวเองให้ดี มีความสุข ใช้ชีวิตของเราไปให้มีคุณค่า พอใจในสิ่งในชีวิตที่ตัวเองเป็นแล้ว และถ้าเราทำอะไรที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ก็ทำ พอเราทำให้คนอื่นแล้ว มันจะย้อนมาหาตัวเอง ไม่ต้องเป็นรูปธรรมนะ มันจิตใจล้วน ๆ รู้แล้วว่าเกิดมาเพื่ออะไร เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตและได้ช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”

ถึงแม้จะไม่สวยระดับนางเอก แต่ก็มีความเป็นตัวเองและมีจุดยืนที่ชัดเจนที่สุด สำหรับเธอคนนี้ กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ.