Inside Dara
ไม่รู้ “นิโคล” ละเลยลูก! “แมว” รับ “ทิกเกอร์” ร่ำไห้หวั่นพ่อลืมวันเกิด

“แมว จิรศักดิ์” ไม่รู้ “นิโคล” งานยุ่งจนละเลย “ทิกเกอร์” บอกหาเวลาว่างสลับกันดูแลลูก เชื่อลูกชายไม่น้อยใจพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ ชี้เป็นเด็กที่โตเกินวัย-มีความคิด ไม่มีอะไรต้องห่วง เผยลูกร้องไห้หวั่นตนลืมวันเกิด

ดูเหมือนช่วงนี้คุณแม่ลูกหนึ่งอย่าง “นิโคล เทริโอ” จะงานชุกรัดตัวซะเหลือเกิน เลยมีข่าวแว่วออกมาว่า ไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูกชายหัวแก้วหัวแหวน “น้องทิกเกอร์” เท่าที่ควร งานนี้พอได้เจอตัวคุณพ่อขาร็อก “แมว จิรศักดิ์ ปานพุ่ม” ในงานแถลงข่าวการประกวดดนตรี ไซเบอรี่ มิวสิค ปี 2 ณ ร้าน เอส.33 เดอะไนน์ พระราม 9 ซึ่งเจ้าตัวก็เผยว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ปกติถ้าอีกฝ่ายหนึ่งงานยุ่ง อีกคนก็จะสลับกันดูแลลูกอยู่แล้ว

“เขาก็คงงานเยอะครับ ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ว่าทิกเกอร์เดี๋ยวเร็วๆ นี้จะเจอกันครับ คือเราก็สลับกันนะ บางทีผมก็ไม่ค่อยมีเวลา บางทีคุณกี้ก็ไม่ค่อยมีเวลา อันนี้เราก็เข้าใจกัน ถ้าตอนไหนที่ใครจะเข้ามาดูแลได้ก็ว่ากันไป กลัวทิกเกอร์จะน้อยใจไหมเหรอ ไม่หรอกครับ โทรศัพท์มี โทร.คุยกันได้ (ยิ้ม) ส่วนใหญ่จะเจอกันอย่างน้อยถ้างานเยอะๆ ก็เดือนละครั้ง แต่ช่วงนี้ก็จะเจอกันบ่อยหน่อย อาจจะอาทิตย์ละครั้ง ถ้าน้องปิดเทอมก็จะได้เจอกันบ่อยขึ้น ส่วนใหญ่จะไปหาของกินกันครับ (หัวเราะ)”

“สิ่งที่เป็นห่วงคงไม่มี เพราะทิกเกอร์เป็นเด็กที่ค่อนข้างมีทัศนคติดี เป็นเด็กที่มุมมองค่อนข้างที่จะดี เข้าใจอะไรง่าย แต่ก่อนนี้ผมอาจจะเคยมีเป็นห่วง บางทีงานเราเยอะ น้องจะน้อยใจหรือเปล่า ก็ได้โทร.คุยกันเมื่อวันเกิดของเขาที่ผ่านมา ก็บอกเขาว่า แด๊ดดี้มีงานเยอะนะ ไม่ค่อยได้ไปเจอ ไม่เป็นไรนะ เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรเลย เขาเข้าใจ ทิกเกอร์เป็นเด็กที่โต คิดเป็น ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเลย เดี๋ยวจะรอเป็นห่วงอีกทีตอนมีแฟนน่ะ (หัวเราะ)”

รับลูกชายร่ำไห้ หวั่นพ่อลืมวันเกิด

“สงกรานต์ที่ผ่านมาไม่ได้เจอครับ นี่ก็เพิ่งเสร็จงาน คิดว่าอาทิตย์นี้จะได้ไปเจอกัน อย่างวันเกิดน้องก็ไปทานข้าว ของขวัญเราก็ให้ตอนเด็กๆ แต่พอโตแล้ว ก็ไม่อยากให้เขาไปยึดติดว่าต้องมีของขวัญ แค่ไปทานข้าวแล้วก็โทร.หาเขา เขาก็มีลุ้นนะว่าแด๊ดดี้จะโทร.หาหรือเปล่า (ยิ้ม) พี่เลี้ยงโทร.มาบอกว่า คุณแมวลืมหรือเปล่า เราก็บอกว่าไม่ลืม แล้วก็โทร.ไป ทิกเกอร์พอรับสายเขาก็ร้องไห้ กลัวแด๊ดดี้ลืมวันเกิด” (ยิ้ม)

เชื่อ “ทิกเกอร์” กล้าปรึกษาทุกเรื่องกับตน เพราะเลี้ยงเหมือนเพื่อน ไม่ได้เลี้ยงเหมือนพ่อ

“ตอนนี้น้องก็ 11 ขวบแล้วครับ ก็ถ้าน้องมีเรื่องอะไรมาปรึกษาเราก็พร้อมฟังนะ ไม่กลัว เพราะทิกเกอร์เป็นเด็กที่กล้าปรึกษา อย่างเวลาเจอกันเราจะใช้ตอนที่ขับรถไปด้วยกัน เวลาเขาเห็นอะไรเขาก็จะถาม ทำไมคนนั้นสูบบุหรี่ ทำไมทำอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็พูดไปให้เขาเข้าใจ คือ ปัญหาวัยรุ่นอย่างแรกเลยก็คงเป็นเรื่องของความรัก แล้วก็เรื่องของเพื่อนที่อาจจะเป็นแบบอย่างทั้งดี และไม่ดี เราก็ค่อยแนะนำไป เรื่องเพศเดี๋ยวเขาก็คงจะมีปรึกษามาเป็นระยะ เพราะว่าผมกับทิกเกอร์เป็นผู้ชายที่คุยกันได้ (ยิ้ม) เราทำตัวเหมือนเพื่อนน่ะ เราไม่ได้ทำตัวเป็นพ่อ”

“ก็ไม่ได้ถึงกับวางแพลนอะไร เราปล่อยให้เขาเป็นไปตามธรรมชาติตามสิ่งที่ควรจะเป็น เรื่องของการเรียนก็เป็นสิ่งที่เราจะต้องปรึกษากันต่อไปว่าในระดับที่สูงขึ้นเนี่ยจะยังไง เรียนเมืองไทยหรือเปล่าหรือจะยังไง ส่วนที่มีค่ายอยากจะเซ็นสัญญาให้น้องเป็นนักแสดง แต่คุณกี้ยังอยากให้น้องเรียนมากกว่า อันนี้ก็แล้วแต่เลย คุณกี้เขาก็คงใช้ดุลพินิจของเขาแล้ว อันนั้นเป็นสิทธิของเขาเลย”

“พูดถึงเรื่องการแสดงทิกเกอร์เขาก็เป็นเด็กที่มีความสามารถมาก ผมยังอยากให้เขามาสอนผมเลย (ยิ้ม) เด็กที่มีความสามารถแบบนี้พ่อแม่ก็ต้องดูแลมากหน่อย เพราะมันเป็นเรื่องของงาน และผลประโยชน์ที่เข้ามา บางทีก็ต้องดูแลให้น้องไม่เสียประโยชน์ ตรงนั้นก็เป็นส่วนของคุณกี้ที่เขาดูแล เราไม่ได้อยู่ใกล้ชิดถึงขนาดนั้น คุณกี้เขาก็ไม่ได้มาปรึกษาครับเวลามีงานน้อง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกตินะ เพราะอยู่ในความดูแลของเขา ผมเองก็ยินดีครับ เพราะผมเชื่อในดุลพินิจในการดูแลของคุณกี้อยู่แล้ว”