Inside Dara
“ปุยฝ้าย”ไม่ฝันเกินตัว มุงมั่นทำงานที่รัก

ที่ผ่านมามีนักร้องเกิดใหม่จากบ้านเอเอฟมาประดับวงการบันเทิงบ้านเราเยอะ แต่ก็มีหลายคนที่มีชื่อเสียงในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น หลังจากนั้นชื่อของพวกเขาก็จะค่อย ๆ หายไป แต่สำหรับ ปุยฝ้าย-ณัฏฐพัชร วิพัธครตระกูล หรือ ปุยฝ้าย เอเอฟ 4 เธอยังคงมีงานให้เราได้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ถึงจะไม่โด่งดังเป็นพลุแตกเหมือนคนอื่น ๆ วันนี้ เลยนัดสาวปุยฝ้ายเพื่ออัพเดทเรื่องงานและความรักของเธอกับนักร้องหนุ่มสังกัดเดียวกัน แม็ค-วีรดนย์ หวังเจริญพร แว่วมาว่าความรักของแม็คที่มีต่อปุยฝ้ายสามารถทำลายกำแพงแย่ ๆ ที่เธอมีต่อผู้ชายได้ อยากรู้ว่าหวานแค่ไหนต้องติดตามชมกัน


ตอนนี้ฝ้ายมีผลงานอะไรบ้าง

ตอนนี้กำลังถ่ายละคร “แรงเงา” ทางช่อง 3 ก็เร่งถ่ายทำกันอยู่ เพราะทางช่องอยากให้ออนแอร์ทันปลายปี ในเรื่องฝ้ายรับบทเป็น ปริม เวอร์ชั่นเดิมจะร้ายมาก แต่ปริมเวอร์ชั่นฝ้ายจะสวยแต่โง่ เป็นนางร้ายร้ายตลก โอเวอร์ เรื่องนี้ก็ไม่หนักใจ เพียงแต่เวลาเล่นฉากตลก ๆ ต้องหาจังหวะที่ดี นอกจากนี้ก็มีละครเพลง “ดรีมเกิร์ล เดอะมิวสิคัล” เพลงยากมาก การออดิชั่นนักแสดงเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทางผู้จัดงานซื้อลิขสิทธิ์มาจากเมืองนอก ซึ่งทางนั้นไม่ยอมให้ลดคีย์เพลงเลย ปกติคนไทยจะมีการร้องเพลงที่แตกต่างจากฝรั่งด้วยช่องเสียงด้วยภาษา แต่ดรีมเกิร์ลร้องแบบคนผิวดำซึ่งแผดเสียงเยอะ ช่องเสียงแบบนี้คนไทยจะหาไม่ค่อยเจอ ฝ้ายไปเจอช่องเสียงนี้โดยบังเอิญตอนไปออดิชั่น ตอนนั้นยังคิดเลยว่าถึงฝ้ายจะไม่ได้เล่นเรื่องนี้ แต่ก็ถือว่าตัวเองโชคดีที่เจอช่องเสียงนี้ ซึ่งทั้งเรื่องจะใช้ช่องเสียงนี้ทั้งหมดเลย ค่อนข้างเหนื่อยมาก น่าจะได้ชมกันประมาณเดือน ส.ค. โรงละคร เอ็มเธียเตอร์


เหมือนฝ้ายเป็นเจ้าแม่ละครเวที เพราะเล่นละครเวทีต่อเนื่องตลอด

เล่นทุกปี ตั้งแต่ออกจากบ้านเอเอฟ เข้าวงการบันเทิงมา 5 ปี เล่นละครเวทีมา 7-8 เรื่อง เหมือนว่าทางผู้จัดคิดว่าเราทำได้ เราก็พยายามไม่ทำให้เขาผิดหวัง และพอมีเสียงตอบรับที่ดี เราก็มีกำลังใจ เลยรู้สึกสนุก ตอนแรก ๆ ที่เล่นฝ้ายรู้สึกเครียด กังวลว่าเราจะเล่นยังไงไม่ให้เป็นตัวถ่วง และด้วยความที่เราพยายาม บวกกับอยู่ท่ามกลางครูที่เก่ง ๆ รู้สึกว่าความรู้รอบตัวไปหมด เราตื่นเต้นที่จะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากคุณครูเหล่านั้น เราก็แอ๊คทีฟที่จะให้มันไปในทางเดียวกัน ไม่ใช่มาดูดร็อปลงเพราะเรา

ระยะหลังมาเหมือนฝ้ายหันมารับละครมากขึ้น

ช่วงหลังมาก็หันมาเล่นละคร เล่นประมาณปีละ 1 เรื่อง เริ่มจากการเล่นซิทคอม จากนั้นก็มีละครเข้ามาเรื่อย ๆ ละครยาวเรื่องแรกคือ มนต์รักลูกทุ่ง, ปลาไหลป้ายแดง, แม่แตงร่มใบ และที่กำลังถ่ายทำอยู่คือ “แรงเงา” ฟีดแบ็กการเล่นละครค่อนข้างโอเคนะ เพราะที่ผ่านมาหลาย ๆ เรื่องได้บทอะไรที่ใกล้ตัวเรา ง่ายต่อการทำให้คนดูเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการสื่อสาร


จากการเป็นนักร้อง พอต้องมาเป็นนักแสดงกดดันมั้ย

ฝ้ายว่าการทำงานไม่ว่าจะเป็นนักร้องหรือนักแสดง ฝ้ายจะทำตัวเหมือนฟองน้ำ สามารถรับทุกสิ่งทุกอย่างได้ตลอดเวลา ถ้าเรารู้สึกว่าเราเก่งเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะหยุด ไม่มีการพัฒนาเกิดขึ้น แต่ฝ้ายจะไม่กดดันตัวเอง เพราะถ้าเรารู้สึกแบบนั้นเมื่อไหร่เราจะเครียดและไม่สามารถดำเนินการทุกอย่างต่อไปได้ เวลาไม่รู้หรือไม่เข้าใจอะไร ฝ้ายจะไม่มานั่งฟอร์ม จะถามผู้กำกับและทีมงานเลยว่าเราควรจะเล่นออกมายังไง การถามทำให้เราได้ความรู้เพิ่ม และฝ้ายว่าเราเป็นเด็กเวลาเราไม่เข้าใจอะไรผู้ใหญ่ก็พร้อมจะให้ความรู้กับเราอยู่แล้ว


ที่ผ่านมามีรุ่นพี่เอเอฟของเราหลายคนหันไปเอาดีด้านงานแสดง ตัวเราอยากผันมาทำงานด้านนี้เต็มตัวเลยมั้ย

จริง ๆ การแสดงเป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ ที่ทำให้ฝ้ายได้ประสบการณ์ แต่ถ้าจะให้เลิกร้องเพลงแล้วหันมาเอาดีด้านการแสดงเต็ม ๆ ก็คงยาก อย่างช่วงที่ผ่านมาเคยถ่ายละคร เรารับงานอีเวนต์ยากเลยทำให้เราไม่ค่อยได้ร้องเพลง ฝ้ายอึดอัดมาก ต้องไปร้องคาราโอเกะแทน ฝ้ายรู้สึกว่าสิ่งที่เรารักคือการร้องเพลง แต่การแสดงเป็นโอกาสที่ดีของเรา แต่พูดตรง ๆ ว่าตอนนี้มีงานอะไรมาก็ทำหมด ฝ้ายอยากจะทำให้ดีที่สุด ฝ้ายเชื่อว่าเวลาเราทำดีผู้ใหญ่น่าจะเห็นความตั้งใจของเรา

งานเพลงเหมือนฝ้ายจะหายไปนาน

กับทางทรู แฟนเทเชีย ฝ้ายก็ยังไม่มีงานเพลงเลย เพราะที่ผ่านมาฝ้ายมีทั้งงานละครและละครเวที อาจจะดูไม่เยอะเท่าไหร่ แต่การเล่นละครเวทีใช้เวลาซ้อมเยอะ ทำให้งานเพลงก็หายไปเลย จริง ๆ เราก็มีการพูดคุยกัน ฝ้ายก็คิดถึงงานเพลง อยากได้ยินผลงานตัวเอง แต่ตัวฝ้ายมีปัญหาเพราะร้องเพลงได้ทุกแนว คาแรกเตอร์เราไม่ได้ชัดเจนว่าเป็นแนวไหน อย่างพะแพงหรือซานิ จะไปทางร็อก แต่อย่างฝ้ายผู้บริหารมองว่าเราร้องลูกทุ่งแล้วประสบความสำเร็จ บุคลิกเราดูบ้าน ๆ คนเข้าถึงง่าย ซึ่งเป็นเสน่ห์ของความเป็นลูกทุ่ง ซึ่งตัวฝ้ายเองก็ชอบลูกทุ่ง แต่เรามาด้านเพลงไทย-สากล เราก็เป็นวัยรุ่นอยากสวย เลยอยากทำสตริงก่อน แต่ด้วยความที่เอเอฟศิลปินเยอะ คนที่คาแรกเตอร์ชัดเจนกว่าเราก็มี เราก็มีงานแสดงอื่น ๆ ด้วย เวลาก็ผ่านมาเรื่อย ๆ เลยยาวมาเลย


ตอนที่ออกจากบ้านเอเอฟใหม่ ๆ เหมือนกระแสฝ้ายจะฮอตมาก แต่ช่วงหลังดูแผ่วลง เราคิดมากมั้ย

ฝ้ายไม่คิดมากตั้งแต่เข้าบ้านเอเอฟแล้ว การเข้าเอเอฟเป็นอะไรนอกเหนือจากที่คิด มันมาไกลกว่าที่เรานึกเอาไว้ ฝ้ายมาจากเดินดิน ฝ้ายปรับตัวได้ มันไม่ใช่ว่าฝ้ายตกจากที่สูงกะทันหัน แต่ชีวิตฝ้ายมีระยะการเดินทางของมัน การที่เราจะเดินไปทางเดิมหรือเดินแยกไปทางอื่นเป็นอะไรที่ปกติมาก ช่วงแรก ๆ อาจจะมีคิดบ้างว่าทำไมไม่มีงานเหมือนเพื่อนคนอื่น แต่หลังจากได้วิปัสสนากรรมฐาน ก็ทำให้เราไม่ไขว่คว้าทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เราก็ไม่งอมืองอเท้า เราก็ยังมีงานเรื่อย ๆ ถ้าสักวันนึงเราต้องหายไปเลย เราก็โอเค ฝ้ายคิดว่าแค่เรามีโอกาสได้ทำงานตรงนี้ได้ช่วง ๆ หนึ่งก็ดีแล้ว


ฝ้ายทำงานมาก็หลายปี แต่เพิ่งจะถอยรถคันแรกในชีวิตเมื่อประมาณปีที่แล้วเอง ทำไมถึงเพิ่งซื้อ

รถคันนี้ชื่อ “หวานใจ” ค่ะ ที่เพิ่งซื้อเพราะเรามีภาระที่ฝ้ายต้องดูแลครอบครัว เราได้เงินมาก็จริง แต่รายจ่ายเป็นหางว่าว ฝ้ายรู้สึกว่าถ้าเราอยากได้ของอะไรสักชิ้น เราต้องเปิดเงินในบัญชีดูแล้วสบายใจ ฝ้ายไม่ใช่ดาราดังมีคิวงานล่วงหน้า แต่งานเรารู้แค่เดือนต่อเดือน จะทำอะไรฝ้ายเลยต้องวางแผนต้องนึกถึงแม่เราด้วย ฝ้ายเคยไม่มีงาน 5-6 เดือน แต่แม่เราต้องกินทุกเดือน เราก็พยายามไม่เครียด เพราะเราไม่เคยถึงขั้นหาทางออกไม่เจอ อย่างตอนนี้วางแผนจะซื้อบ้านให้แม่ เพราะบ้านหลังเดิมสภาพไม่โอเค แต่ก็บอกแม่ว่าใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งผลีผลาม ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า

ดูเหมือนฝ้ายให้ความสำคัญกับความสุขของแม่มาก

ท่านลำบากมาเยอะ พ่อกับแม่ฝ้ายแยกทางกัน แม่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ชีวิตฝ้ายตอนเด็ก ๆ ดราม่ามาก แต่มันดีตรงที่ทำให้ฝ้ายเข้มแข็ง เวลาฝ้ายอยากได้อะไรเขาจะให้เก็บเงินซื้อเองและช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็ก แม่จะบอกอยู่เสมอว่าแม่ไม่ได้อยู่กับฝ้ายตลอด ฝ้ายต้องดูแลตัวเองได้ คุณแม่สอนค่อนข้างดี ตอนนี้พอทำอะไรให้แม่ได้ฝ้ายจะทำ


ได้วางแผนชีวิตข้างหน้าเอาไว้บ้างมั้ย ถ้าไม่ได้ทำงานตรงนี้จะทำอะไร

ตอนนี้การเก็บเงินของฝ้ายค่อนข้างเป็นระบบ จะมีเงินเก็บในวันข้างหน้าถ้าไม่มีงานทำ ก็จะเอาเงินตรงนั้นมาต่อยอด เช่น เปิดโรงเรียนสอนร้องเพลงเล็ก ๆ ข้าง ๆ โรงเรียนอาจจะมีร้านกาแฟเล็ก ๆ ของแม่ เพราะเราได้ทำงานที่เรารักและเรายังเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้คนเก่ง ฝ้ายไม่ต้องการรวยมาก แค่ทุกวันเราสามารถกินอะไรอร่อย ๆ ด้วยกันก็พอ


ความรักกับ แม็ค-วีรดนย์ เป็นอย่างไรบ้าง

คบกันมาประมาณเกือบ 6 เดือนแล้ว ฝ้ายต้องขอบคุณเขามาก เขาเป็นอีกมิติหนึ่งของฝ้าย เราคนละขั้วกันมาก พี่แม็คโชคดี ครอบครัวอบอุ่น ฐานะทางบ้านดี สะดวกสบายพร้อมทุกอย่าง แต่เราลุยติดดิน บ้าน ๆ เขาพูดจาไพเราะ ฝ้ายจะหยาบ ๆ ตรง ๆ


ดูต่างกันมากแต่มาคบกันได้ยังไง

สิ่งที่ฝ้ายเป็น พี่แม็คไม่เคยเจอมาก่อน เขามองว่านี่เป็นธรรมชาติของคน เราแข็ง แต่เขาอ่อนสุภาพ ขนาดเราร้อนมาก ๆ เขากลับเย็น ตั้งแต่คุยกันมาไม่มีคำพูดหยาบคายออกจากปากของเขาเลย ตอนแรกเราคุยกันทางไลน์ (โปรแกรมสนทนาผ่านมือถือ) ก่อน สักพักนึงถึงตัดสินใจโทรฯ คุยกัน พอคุยกันเขาบอกว่าเราไม่เหมือนที่เขาคิดไว้ เราธรรมดามาก ต้องการอะไรก็พูด เขาบอกว่าเขาอยู่กับเราแล้วเป็นตัวเอง เขาเป็นคนจิตใจดีมาก ไม่เคยด่าว่าใคร หรือถ้าฝ้ายกำลังว่าคนอื่น เขาก็จะบอกว่าฝ้ายค่ะไม่ดีนะ เวลาเราพูดตรง ๆ เขาก็จะสอนเราว่ามีวิธีการพูดที่สื่อความหมายเดียวกัน แต่พูดได้ซอฟต์กว่านี้


แสดงว่าแม็คเป็นคนมีโมเม้นท์น่ารัก

เขาเคยบอกว่าเขาเคยเห็นคุณตาคุณยายคนนึงเดินจูงมือกัน เป็นภาพที่น่ารักมาก ซึ่งเป็นภาพของคุณพ่อคุณแม่ของเขา เขาก็พูดว่าพ่อแม่ของเขาทำให้เขามีทุกวันนี้ เป็นครอบครัวที่ดีมาก เขาพูดว่าสักวันนึงถ้าเขามีครอบครัว เขาจะทำให้ได้อย่างที่พ่อแม่เขาทำ ฟังแค่นี้ฝ้ายก็รู้สึกว่า อนาคตถึงแม้คน ๆ นั้นจะไม่ใช่เรา แต่ฝ้ายบอกได้เลยว่าใครได้เป็นแฟนพี่แม็คถือว่าโชคดี ที่ผ่านมาฝ้ายมีทัศนคติที่แย่กับความรัก ครอบครัวไม่สมบูรณ์ ประสบการณ์ส่วนตัวที่ผ่านมาก็ไม่ดี จนมาเจอพี่แม็ค เขาทำให้ฝ้ายเปลี่ยนทัศนคติ แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นแบบนี้ได้นานแค่ไหน ฝ้ายจะบอกเขาเสมอว่าถ้าวันนึงรู้สึกว่าฝ้ายไม่ได้อยากดูแลหรือรักเหมือนเดิม ก็บอกเรามาตรง ๆ อย่าทำร้ายหรือหลอกกันให้บอกกันตรง ๆ แต่เขาบอกฝ้ายตลอดว่าเขาอยากทำให้ดีที่สุด เขาไม่ได้คบฝ้ายแบบผิวเผิน แต่เขามองไกลกว่าฝ้ายเยอะ


ทำให้เราคาดหวังในตัวเขาเลยมั้ย

รู้มั้ยว่าฝ้ายเคยกลัวการแต่งงาน แต่พี่แม็คพูดจนฝ้ายมีความหวัง ฝ้ายไม่ค่อยอ่อนแอให้ใครเห็น แต่เขาทำให้เรากลายเป็นคนหน่อมแน้มได้ เขาจะพูดกับเราเสมอว่าอยากมีอนาคตด้วย เราจะเดินไปพร้อม ๆ กัน เวลาสะดุดต้องหยุดพักคุยกัน


เพราะอะไรเขาถึงอยากดูแลเรา

เป็นเรื่องของโชคชะตามั้ง เรารู้สึกว่าเราเติมเต็มในสิ่งที่แต่ละคนไม่มี เป็นความต่างที่ลงตัว เขาบอกว่าแต่ก่อนคบแฟนเขาต้องเป็นผู้นำตลอด แต่พอเขาคบฝ้าย เขารู้สึกว่าถ้าเราเหนื่อย เขาสามารถพิงที่เราได้ เหมือนมีคนมาช่วยเขาผ่อนหนักผ่อนเบา


ความรักครั้งนี้คาดหวังในกันและกันมากแค่ไหน

พี่แม็คคาดหวังมาก เขาบอกว่าเขาเคยเจอสาว ๆ มาเยอะ แต่พอมาเจอฝ้ายเขารู้สึกนิ่ง เราเป็นสิ่งแปลกใหม่ในชีวิตที่ทำให้เขามีความสุข และด้วยความมุ่งมั่นของตัวพี่แม็คส่งผลกระทบมาที่ฝ้าย ฝ้ายก็พูดกับเขาว่าขอโทษนะในความรู้สึกฝ้าย ฝ้ายมองว่าไม่มีผู้ชายคนไหนดีสักคน พี่แม็คก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาเขาใช้ความพยายามเยอะมาก จากที่เราเคยเฉย ๆ ทำให้เรามีความคาดหวังเรื่องอนาคต แต่ฝ้ายจะห้ามไม่ให้เขาให้ความหวังเรา ไม่อยากให้เขาพูดเรื่องแต่งงานบ่อย ๆ เพราะเรากลัวว่าถ้าวันหนึ่งไม่ได้เป็นแบบนั้นเราจะเสียใจ แต่เขาก็จะพูดเสมอว่าเขาโตแล้ว เขาอยากหาใครสักคนเป็นคู่ชีวิต แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไปค่ะ


เห็นแล้วอิจฉาสาวปุยฝ้ายจริง ๆ เพราะหนุ่มแม็คหวานซะ ก็ขอให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้ราบรื่นไม่มีสะดุดนะจ๊ะ…