Inside Dara
ชาร์เลท วาศิตา ขึ้นแท่นนางเอกเต็มตัว - เอ็นจอยทั้งการงานและการเรียน

ชาร์เลท วาศิตา ขึ้นแท่นนางเอกเต็มตัว – เอ็นจอยทั้งการงานและการเรียน

ชาร์เลท วาศิตา ขึ้นแท่นนางเอกเต็มตัว / อดีตนักแสดงเด็ก ‘ชาร์เลท วาศิตา แฮเมเนา’ ปัจจุบันโตเป็นสาว และกลับมาประเดิมละครในบทบาทนางเอกเต็มเรื่องเป็นครั้งแรก ประกบพระเอกรุ่นพี่ ‘ฌอห์ณ จินดาโชติ’ ในเรื่อง ‘พระนคร๒๔๑๐’ ละครพีเรียดโรแมนติก

ล่าสุดวันที่ 29 ม.ค. ที่ แอ็กซ์ สตูดิโอ จ.ปทุมธานี มีพิธีบวงสรวงละคร พระนคร๒๔๑๐ ‘ชาร์เลท’ ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงการรับบทนางเอกเต็มตัวครั้งแรก รวมถึงเรื่องการแบ่งเวลาในการทำงานและเรื่องการเรียนพร้อมๆ กัน

ชาร์เลท เผยว่า “นี่ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่ได้รับบทนางเอกและบทนำค่ะ ส่วนตัวไม่ได้กดดันว่าเป็นนางเอกขนาดนั้น แต่ด้วยบทมีความท้าทายหลายอย่างเลยทำให้เต็มที่กับตรงนั้น ตั้งใจและทำเต็มที่ พยายามไม่กดดันตัวเอง ถ้ากดดันตัวเองกลัวจะทำได้ไม่ดีค่ะ พยายามทำเต็มที่ทุกๆ ฉาก”

ประสบการณ์การแสดงที่ผ่านมา กับตอนนี้แตกต่างกันเยอะไหม? “ต่างเยอะนะ ตอนเด็กก็ได้รับบทเด็กไปเลย ความต่างของคาแร็กเตอร์ก็จะน้อย สดใสๆ แต่พอโตขึ้นคาแร็กเตอร์ก็ต่างขึ้นเรื่อยๆ บวกกับโตขึ้น เข้าใจบทเองได้ จำบทเองได้ ทำการบ้านได้เองหมด ก็ต้องมีความมั่นใจและมีความรับผิดชอบในการทำงานมากขึ้น ท้าทายมากขึ้น ดีที่ท้าทาย หนูเองจะได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ดีกว่าที่จะเหมือนเดิมซ้ำๆ ค่ะ”

พัฒนาการแสดงมากขึ้น? “ส่วนตัวรู้สึกว่าโตมากขึ้นระดับหนึ่ง โตขึ้นได้เห็นการทำงานที่เต็มรูปแบบมากขึ้น เข้าใจคำว่าหน้าที่มากขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น ก็ทำให้เราโตขึ้น สิ่งรอบข้างเป็นตัวสอนเราเองค่ะ”

วันนี้นักแสดงรุ่นพี่ก็ชื่นชมมา? “จริงๆ หนูเขินมากเลย ก็ขอบคุณทุกคำชมทุกอย่างที่คนชื่นชม แต่ทุกอย่างจะไม่ได้ถ้าไม่มีทุกคนสอนหรือคอยบอกคอยเตือนเรา ประสบการณ์กว่าจะได้มาก็ได้มาจากสิ่งแวดล้อมสิ่งรอบข้างค่ะ ขอบคุณคุณทุกคนที่คอยเอ็นดูค่ะ”

เพิ่มไปประเทศเยอรมันมาด้วย? “ใช่ค่ะ ไปเที่ยว ไม่ได้เจอคุณพ่อมา 2 ปี เพราะเรื่องโควิดก็เลยกลับไปเที่ยวกับครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง พี่สาวก็เรียนที่นู่นค่ะ” (เราสอบติดที่มหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศด้วย?) “ไม่ใช่ค่ะ จริงๆ คือพี่สาว ที่โพสต์นั่นคือพี่สาวค่ะ ของหนูสอบติดที่ มศว คณะนิเทศศาสตร์ค่ะ”

เริ่มเรียนแล้วใช่ไหม? “เริ่มเรียนมาได้เทอมนึงค่ะ (ชีวิตสาวมหาวิทยาลัยเป็นยังไงบ้าง?) ความรับผิดชอบก็ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เพราะว่าเราไม่ได้เรียนธรรมดา ต้องเรียนต้องทำงานด้วย ต้องแบ่งเวลาให้ดีมากๆ ยิ่งเป็นงานในมหาวิทยาลัย ด้วยเราเรียนนิเทศมันเป็นโปรเจ็กต์อะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ ก็พยายามแบ่งเวลาให้ดี แต่ว่าดีที่สนุกกับที่เราเรียนด้วย ไม่ใช่โดนบังคับเรียน ก็รู้สึกว่าเอ็นจอยที่จะทำทั้งงานและทั้งเรียน เลยไม่ได้กดดันว่าจะต้องตื่นมาเรียนจะต้องตื่นมาทำงาน เราแฮปปี้กับมันค่ะ”

อยากตื่นอยากไปอยู่แล้วเนอะ? “บางทีก็ง่วงนะ แต่ว่าถ้ามองระยะยาวมันมีประโยชน์กับเราเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นถ้าถ่ายละครก็จะเป็นประสบการณ์ ส่วนเรียนหนูเรียนผลิตภาพยนตร์ก็จะได้งานเบื้องหลัง และทั้งหมดก็คือสิ่งที่หนูจะทำในอนาคต ก็เลยรู้สึกว่ามันส่งให้ในอนาคตอยู่แล้ว ก็เลยตั้งใจคะ”

หนึ่งเทอมที่ผ่านมา เห็นอุปสรรคอะไรบ้าง? “มันอาจจะเป็นเรื่องตัวงาน งานในมหาวิทยาลัยด้วยนะคะ การบ้านด้วย พอเราตั้งใจทำมากๆ บางครั้งเลยจัดสรรเวลาไม่ถูก เรารู้สึกว่าอันนี้มันต้องดีที่สุดแต่สุดท้ายไม่มีอะไรดีที่สุดเลยค่ะ มันคือเต็มที่ที่สุด ก็อยากให้มันดีที่สุดแต่มันไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เวลาไม่ได้แล้วอะไรแบบนี้ ก็เลยทำให้กดดันตัวเอง ก็เครียดเอง แล้วก็เลยทำให้ถ่ายละครไม่ได้อีก ปัญหาเลยพ่วงกันไปหมดเลย ก็เลยต้องใจเย็นๆ แบ่งเวลาดีๆ อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ทำให้เต็มที่แค่นั้นก็พอ”

เพื่อนๆ ให้ความช่วยเหลือยังไงบ้างไหม? “เป็นความภูมิใจของหนูเลยค่ะ หนูไม่เคยหยุดเรียนเลย พยายามไปเรียนให้มากที่สุดมหาวิทยาลัยไม่ได้เรียนทุกวัน ถ้าเรียนเช้าก็มาถ่ายละครบ่าย หรือไปเรียนแล้วกลับมาถ่ายฉากดึกอีกรอบ เพราะว่าหนูอยากทั้งเรียนและทำงาน หนูพูดกับอาจารย์เองว่าเราทำได้ทั้งสองอย่าง มันเลยเป็นหน้าที่หนูที้ต้องโชว์ให้เห็นว่าหนูทำได้ ส่วนเพื่อนๆ ทุกคนเขาน่ารักมาก เขารู้อยู่แล้วว่าหนูทำงาน บางครั้งเขาไปเที่ยวกันต่อ เขาก็จะถามว่าเหนื่อยหรือเปล่า เขาจะคอยถามคอยเช็คเรา จะเตือนว่าเมื่อวานมีอันนี้ อย่าลืมอันนี้ๆ ซึ่งดีค่ะมีเพื่อนที่ดีค่ะ”